ปัญหายาเสพติดไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่มีนานหลายสิบปีแล้ว
หนึ่งในกรณีสอนใจที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ เรื่องของ “น้ำพุ”
น้ำพุ
น้ำพุ เป็นชื่อเล่นของ วงศ์เมือง นันทขว้าง เขาเป็นบุตรชายของนักเขียนชื่อดัง “สุวรรณี สุคนธา” กับ อาจารย์ทวี นันทขว้าง ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ ครอบครัวนันทขว้างเป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียงในสังคมไทย เพราะทั้งบิดาและมารดาต่างมีชื่อเสียงด้วยกันทั้งคู่
หากแต่ว่าบิดามารดาของเขากลับหย่าร้างกัน น้ำพุและพี่สาวน้องสาวอีก 4 คนมาอยู่กับแม่ทั้งหมด สุวรรณีเป็นผู้เลี้ยงดูลูกทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว
สุวรรณีเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียง ในการเขียนหนังสือหาเลี้ยงครอบครัว เธอต้องใช้เวลาจำนวนมาก เวลาที่เธอมอบให้ลูกย่อมน้อยลงไป
ปัญหาเกิดขึ้นเงียบๆ เมื่อน้ำพุไม่ได้รับความอบอุ่นเท่าที่ควรจากทั้งจากพ่อและแม่ พี่น้องเขาก็มีแต่ผู้หญิงจึงไม่มีใครเข้าใจเขาสักเท่าใดนัก เรื่องนี้จึงเป็นปมในใจของน้ำพุเรื่อยมา ถึงแม้ว่าแม่ของเขาค่อนข้างตามใจเขาก็ตาม
หลังจากน้ำพุเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 น้ำพุไปเรียนที่เชียงใหม่ช่วงหนึ่งตามคำขอร้องของแม่ แต่เขากลับลาออกเพราะว่าเขาไม่ชอบวิชาที่เรียนสักเท่าใดนัก ตัวเขาชอบวิชาศิลปะ เช่นเดียวกับพ่อของเขา
ต่อมาน้ำพุเลือกเรียนต่อที่โรงเรียนช่างศิลป์ ที่โรงเรียนใหม่ เขาได้พบกับเพื่อนใหม่อยู่หลายคน พอมีเพื่อน เขาก็เริ่มเที่ยวเตร่ตามประสาวัยรุ่นกำลังโต
การเที่ยวอย่างคึกคะนองตามที่ต่างๆ ทำให้น้ำพุเข้าใกล้สิ่งเสพติดไปทุกที สุดท้ายแล้วน้ำพุก็เข้าถึงมันจนได้
ติดยา
น้ำพุเริ่มต้นด้วยการสูบบุหรี่ เพราะ “ความอยากลอง” ของตัวเขาเอง ต่อมาเขาก็เริ่มลองสิ่งเสพติดอื่นๆ เช่น กัญชา แล้วจึงหันไปสูบยาเสพติดที่ร้ายแรงที่สุดอย่างเฮโรอีน
ครอบครัวของน้ำพุไม่เคยทราบเรื่องราวดังกล่าวเลย จนกระทั่งน้ำพุพาเพื่อนท่าทางแปลกๆ เข้ามาในบ้าน เพื่อนของน้ำพุสร้างความเดือดร้อนให้กับญาติพี่น้องบ่อยครั้ง ท้ายที่สุดแล้วน้ำพุก็รู้ตัวว่าตนเองติดยาเข้าแล้ว น้ำพุสารภาพเรื่องทั้งหมดกับแม่และขอเงินแม่ 300 บาท เพื่อเดินทางไปเลิกยาที่ถ้ำกระบอก
สุวรรณี สุคนธา แม่ของน้ำพุจึงมอบเงินจำนวนดังกล่าวให้ไป แต่สุวรรณีก็ไม่ได้ตามไปดูแลลูก เพราะต้องเข้ารับการผ่าตัด น้ำพุไปทำการบำบัดที่ถ้ำกระบอกกับเพื่อนของเขา
น้ำพุหยุดเรียนที่โรงเรียนช่างศิลป์ไปบำบัดอยู่นาน เมื่อกลับมาปรากฎว่าเขาดูดีขึ้นทั้งทางกายและใจ ครอบครัวของน้ำพุต่างหวังว่าน้ำพุจะกลับมาเรียนหนังสือให้จบเสียที
น้ำพุจากไป
แต่แล้ววันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2517 น้ำพุได้พาสาวสวยคนหนึ่งไปหาแม่ที่โรงพิมพ์ เขาขอเงินสุวรรณีไปจ่ายค่ากางเกงนักเรียน สุวรรณีมอบเงินดังกล่าวกับน้ำพุ ก่อนเขาจะไปเธอบอกลูกชายว่าอย่ากลับมืดค่ำนัก
น้ำพุไม่ได้กลับบ้านมืดค่ำ เขากลับบ้านมาก่อนแม่เสียอีก เมื่อสุวรรณีกลับมาที่บ้าน น้ำพุเป็นคนเปิดประตูรับแม่เข้าบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ทุกคนเห็นน้ำพุยังมีชีวิต
เช้ามืดของวันรุ่งขึ้น คนรับใช้ในบ้านได้ทุบประตูห้องของสุวรรณี และร้องเรียกเธอด้วยเสียงดังลั่น เธอขอร้องให้สุวรรณีไปดูบุตรชายในห้องของเขาโดยเร็ว
สิ่งที่สุวรรณีเห็นเมื่อประตูถูกเปิดออกคือ
น้ำพุนอนถอดเสื้อหมดสติอยู่ที่กลางพื้นห้องนอน
ทุกคนรีบพาน้ำพุส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว แต่สายไปเสียแล้ว น้ำพุได้จากแม่ พี่สาว และน้องสาวไปแล้วตลอดกาล
น้ำพุมีอายุได้เพียง 18 ปีเท่านั้น แพทย์ชันสูตรพบว่าเขาหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งน่าจะเกิดจากการเสพเฮโรอีนเกินขนาด
การเสียชีวิตของน้ำพุคล้ายคลึงกับการจากไปของ มาริลิน มอนโร ดาราสาวผู้โด่งดังของประเทศสหรัฐอเมริกา
เรื่องของน้ำพุ
น้ำพุได้เขียนบันทึกชีวิตช่วงที่ติดสารเสพติดได้พอสมควร บันทึกเหล่านี้ได้ถูกตีพิมพ์เป็นหนังสืองานศพของเขาเอง
เรื่องของน้ำพุเป็นเรื่องที่เตือนใจทั้งผู้ปกครองและวัยรุ่นในเรื่องของสิ่งเสพติด ตลอดจนความสำคัญในการเลี้ยงดูบุตรให้ถูกวิธีเพื่อจะได้ห่างไกลยาเสพติด
หลังจากนั้นสุวรรณี สุคนธาได้นำชีวิตของน้ำพุมาเขียนเป็นงานเขียนเล่มหนึ่ง ในชื่อว่า “เรื่องของน้ำพุ” เรื่องดังกล่าวได้ถูกนำมาเป็นละครและภาพยนตร์ในเวลาต่อมา
สุวรรณี สุคนธาได้เขียนไว้ว่า
มีคนถามข้าพเจ้าเสมอ หลังจากที่น้ำพุได้สิ้นชีวิตแล้วว่า “เลี้ยงลูกยังไง ถึงได้ปล่อยให้ลูกติดเฮโรอีน” ทำให้ต้องนิ่งและไม่อาจจะหาคำตอบได้ แต่ถ้าจะให้ตอบจริง ๆ แล้ว ก็จะต้องโทษตัวเองว่า “เลี้ยงลูกไม่เป็น” และถ้าจะถามว่าเหตุไรที่ลูกชายสิ้นชีวิตไปเพราะยาเสพย์ติด จึงเอาเรื่องมาเปิดเผยเพราะไม่ใช่เรื่องที่ดี น่าจะปิดเป็นความลับมากกว่า คำตอบตรงบรรทัดนี้มีอยู่ว่า เพราะไม่อยากให้ลูกคนอื่น ๆ ต้องเสียชีวิตไปเพราะยาเสพย์ติดอีก