ในตอนที่แล้ว นิโคลัส อเล็กซานดรา และมาเรีย ใช้เวลาสามวันรอนแรมมาจนถึงเมือง Tyumen เมืองเอกในไซบีเรีย พวกเขาก็ได้ลงจากรถม้าและขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่มีใครทราบ ในขณะที่โอลกา ทาเทียน่า อนาสตาเซีย และอเล็กเซย์ ยังอยู่ที่ทาบอสค์
จวบจนถึงบัดนั้น ยังไม่มีใครรู้ว่ายาคอฟเลฟมีแผนการจะนำครอบครัวซาร์ไปที่ใดกันแน่
ขบวนรถไฟ
ขบวนรถไฟที่ทั้งสามกำลังจะขึ้นมีเพียงแค่สี่ตู้ มีตู้ชั้นหนึ่ง 1 ตู้ และอีก 3 ตู้เป็นตู้ชั้นสาม ยาคอฟเลฟได้ให้ครอบครัวโรมานอฟขึ้นโดยสารตู้ชั้นหนึ่ง ส่วนคนที่เหลือก็ให้ขึ้นตู้ชั้น 3 ตามระเบียบ
ภายในรถไฟไม่สะอาดเลยเพราะว่าไม่มีใครคิดจะทำความสามารถมัน แต่ครอบครัวโรมานอฟยังคุมสติได้เหมือนเดิม ไม่มีใครบ่นถึงประเด็นดังกล่าว ทุกคนรู้ดีว่ายังไงเสียอยู่บนรถไฟก็ยังดีกว่าอยู่บนรถม้าตลอดสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นตอนสี่ทุ่ม นิโคลัส อเล็กซานดรา และมาเรียจึงนอนหลับสนิทอยู่บนรถไฟ
ตลอดเวลาที่สถานี ยาคอฟเลฟลงจากรถไฟไปใช้โทรเลขสื่อสารกับปลายทางอยู่ตามลำพัง ก่อนที่จะไปเขาได้สั่งให้อเล็กซานเดอร์ อัฟดีฟ (Alexander Avdeev) คอยดูแลพวกโรมานอฟให้ดี
ท่าทีของยาคอฟเลฟ ทำให้อัฟดีฟรู้สึกสงสัยว่ายาคอฟเลฟคุยอยู่กับมอสโกจริงหรือไม่ หรือว่าเขากำลังคุยอยู่กับ “ผู้อื่น” กันแน่ อัฟดีฟจึงแจ้งไปยังเยกาเตรินเบิร์กทันทีถึงท่าทีแปลกๆของยาคอฟเลฟ
ขณะเดียวกัน ผู้นำระดับสูงของพวกเยกาเตรินเบิร์กหลายคนต่างต้องการที่จะกำจัด “สัมภาระ” หรือ รหัสลับที่พวกเขาหมายถึงอดีตซาร์แห่งรัสเซีย ทุกคนต่างไม่ไว้ใจยาคอฟเลฟเลย ในคืนนั้นพวกเยกาเตรินเบิร์กก็ได้รับโทรเลขขู่จากยาคอฟเลฟว่าอย่าได้ลงมือทำอะไรบ้าๆ เพราะเขาได้รับคำสั่งโดยตรงจากมอสโก
ด้วยความสับสนวุ่นวาย พวกเยกาเตรินเบิร์กจึงยังนิ่งอยู่ แต่ความกังวลที่มีต่อยาคอฟเลฟมากขึ้นตามลำดับ
ในเวลาตีห้าของวันใหม่ ยาคอฟเลฟสั่งให้ขบวนรถไฟออกเดินทางได้ ขบวนรถจึงเร่งเครื่องและออกจากสถานี Tyumen ไปทันที
เส้นทางที่แปลกประหลาด
เส้นทางที่แปลกประหลาดของยาคอฟเลฟนี้เองที่เป็นชนวนสำคัญที่ทำให้ความลึกลับเกิดขึ้น
ยาคอฟเลฟสั่งให้เดินรถไฟไปทางทิศตะวันตกที่จะเป็นเส้นทางสู่เมืองเยกาเตรินเบิร์ก แต่เมื่อถึงทางแยกรถไฟแห่งแรก เขาได้สั่งคนขับไว้ล่วงหน้าว่าให้ใช้ทางแยกใหญ่นั้นหมุนขบวนรถกลับ และมุ่งหน้าไปยังโอมสค์ที่อยู่ทางตะวันออกทันที
รถไฟของยาคอฟเลฟจึงหวนกลับมาที่สถานี Tyumen อีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นด้านตรงกันข้าม! ขบวนรถมุ่งหน้าไปยัง Omsk ราวกับลมพัด
สำหรับพวกทหารในรถแล้ว พวกเขาไม่สงสัยอะไร เพราะยาคอฟเลฟบอกพวกเขาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ทุกคนกำลังมุ่งหน้าไปยังโอมสค์ ไม่ใช่เยกาเตรินเบิร์ก แต่อัฟดีฟพยายามต่อต้าน ยาคอฟเลฟจึงใช้กำลังควบคุมตัวเขาเอาไว้ได้
ในเวลานั้นจึงไม่มีใครรู้ว่า ยาคอฟเลฟหมายใจจะทำอะไร และกำลังจะพานิโคลัสไปที่ใดกันแน่
พวกบอลเชวิคที่อยู่ในเมืองต่างๆ โดยเฉพาะที่เยกาเตรินเบิร์กต่างสงสัยว่า ยาคอฟเลฟจงใจพานิโคลัสไปยังโอมสค์ เพื่อที่จะมุ่งหน้าต่อไปยังทิศตะวันออก และใช้ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย มุ่งหน้าออกนอกจากรัสเซีย ไปยังจีนหรือญี่ปุ่น
นั่นหมายความว่านิโคลัสและอเล็กซานดรากำลังจะหลุดเงี้อมมือพวกเขาไป เพราะการทรยศของยาคอฟเลฟ!
การเดินรถไฟที่แปลกประหลาดนี้ทำให้เกิดการถกเถียงกันมานานหลายทศวรรษว่า ในวันนั้นยาคอฟเลฟพยายามทำอะไร พยายามช่วยนิโคลัสหรือไม่? แต่ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ
ยาคอฟเลฟไม่ได้พยายามช่วยนิโคลัส แต่เขาจะพานิโคลัสไปยังมอสโก ตามคำสั่งลับของสเวียตลอฟ
หลังจากนั้นนิโคลัสจะขึ้นศาลประชาชน และมีการไต่สวนโทษของเขาที่มอสโก
แต่ถ้ายาคอฟเลฟจะไปมอสโกจริงๆ ทำไมเขาถึงเดินทางไปทางทิศตะวันออก แทนที่จะเป็นทิศตะวันตก?
คำตอบที่เป็นไปได้คือ ยาคอฟเลฟมีความรู้เรื่องแผนที่ดีมาก เขารู้ดีว่าถ้าเขาไปทางทิศตะวันตก เขาจะถูกขัดขวางโดยพวกเยกาเตรินเบิร์กแน่ๆ และจะไปไม่ถึงมอสโก เขาจึงตัดสินใจ “อ้อม” ด้วยการเดินทางไปทางตะวันออกโดยผ่านโอมสค์ก่อน แล้วเดินรถไปบรรจบกับทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียสายใต้ หลังจากนั้นจึงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกผ่าน Chelyabinsk เพื่อไปยังมอสโก
วิธีการอันซับซ้อน และความพยายามในการหลบเลี่ยงพวกเยกาเตรินเบิร์กอย่างชัดเจนเช่นนี้ทำให้พวกเยกาเตรินเบิร์กเชื่อว่ายาคอฟเลฟกำลังทรยศ สมาชิกสภาโซเวียตแห่งอูรัลจึงประชุมกันทันที และประกาศว่า ยาคอฟเลฟทรยศต่อการปฏิวัติ หรืออาจจะเป็นสายลับของพวกนิยมกษัตริย์ พวกเขาขอให้สภาโซเวียตทุกแห่งในบริเวณนั้นช่วยกันขัดขวางยาคอฟเลฟ และถ้าเป็นไปได้ก็สังหารพวกโรมานอฟในรถเสียเลย
พวกเยกาเตรินเบิร์กถึงกับเร่งส่งโทรเลขไปยังพวกโอมสค์ที่ไม่ชอบหน้ากันเท่าไรเพื่อให้ขัดขวางยาคอฟเลฟ พวกโอมสค์ที่ได้ข่าวมาเช่นกันก็สงสัยยาคอฟเลฟไม่น้อย และมอสโกเองก็ไม่ได้แจ้งอะไรมาเลยด้วย พวกเขาจึงรับปากว่าจะหยุดรถไฟของยาคอฟเลฟไว้
หลังจากที่เดินทางออกมาได้สองร้อยกิโลเมตร ยาคอฟเลฟหยุดรถไฟให้ครอบครัวโรมานอฟได้พักผ่อนสักพักใหญ่ๆ ครอบครัวโรมานอฟทั้งสามไม่รู้เรื่องหลังฉากเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่นิโคลัสเองก็เริ่มคิดขึ้นมาว่า จุดหมายของพวกเขาอาจจะเป็นวลาดิวอสต็อก เมืองทางตะวันออกสุดของรัสเซียก็เป็นได้ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่พวกเยกาเตรินเบิร์กกำลังคิดอยู่ในขณะนั้น
ดังนั้นมันจึงชัดเจนว่าพฤติกรรมของยาคอฟเลฟน่าสงสัยเหลือเกิน
รถไฟหยุดที่หน้าเมืองโอมสค์
ก่อนที่จะถึงเมืองโอมสค์เล็กน้อย ยาคอฟเลฟได้โทรเลขที่ประกาศว่าเขาเป็นคนทรยศ เขาจึงหยุดรถไฟที่หน้าเมืองโอมสค์ และเดินเข้าเมืองไปตามลำพัง
ตัวยาคอฟเลฟรู้ดีว่าเขาต้องทำเช่นนั้น เพราะว่าในเวลานั้น การจะผ่านโอมสค์โดยไม่ถูกโจมตีเป็นเรื่องยาก อีกประการหนึ่งเขาก็รู้ว่าพวกบอลเชวิคในโอมสค์เป็นเพื่อนเก่าของเขา พวกเขาอาจจะยอมให้ยาคอฟเลฟพูดคุยกับมอสโก และอาศัยอำนาจของมอสโกให้เขาเดินทางต่อไปได้
ยาคอฟเลฟติดต่อกับสเวียตลอฟ เพื่อให้สเวียตลอฟยืนยันต่อพวกโอมสค์ว่า ยาคอฟเลฟทำตามคำสั่งทุกอย่างของสเวียตลอฟที่ได้รับมา สเวียตลอฟเองก็ยังได้ติดต่อไปยังเยกาเตรินเบิร์กด้วยว่าอย่าได้ขัดขวางยาคอฟเลฟ แต่อเล็กซานเดอร์ เบโลบาโรดอฟ (Александр Белобородов) ผู้นำระดับสูงของพวกเยกาเตรินเบิร์กกลับต่อว่าสเวียตลอฟเรื่องแผนการดังกล่าวอย่างรุนแรง
ไม่ปรากฏว่าสเวียตลอฟ และเบโลบาโรดอฟต่อรองกันอย่างไร แต่ที่แน่ๆ สเวียตลอฟเกิดเปลี่ยนใจและออกคำสั่งให้ยาคอฟเลฟนำรถไฟกลับไปยังเยกาเตรินเบิร์ก และมอบตัวครอบครัวโรมานอฟให้กับพวกเยกาเตรินเบิร์กเสีย
สเวียตลอฟอาจจะต้องยอมต่อข้อเรียกร้องพวกบอลเชวิคสาขาท้องถิ่นเพราะว่าภายในรัสเซียมีแต่ความไม่สงบไปทุกหนแห่ง สเวียตลอฟไม่อาจควบคุมกลุ่มเหล่านี้ได้ ซึ่งต่างออกไปจากยุคสตาลินที่สามารถควบคุมกลุ่มเหล่านี้ได้อย่างเด็ดขาด
ผลสุดท้ายยาคอฟเลฟจึงต้องกลับมาที่รถไฟ และหันรถไฟกลับไปยังเยกาเตรินเบิร์ก
นิโคลัสกับอูรัล
เมื่อรถไฟหันหลังกลับ นิโคลัสคิดว่าอาจจะมีเหตุที่ทำให้เข้าไปยังโอมสค์ไม่ได้ ดังนั้นเขากำลังถูกพาตัวไปยังมอสโกเป็นที่แน่แท้ แต่พวกทหารที่อยู่ในรถต่างบอกนิโคลัสว่าเพราะสะพานเสีย ขบวนรถจึงไปต่อไม่ได้
ยาคอฟเลฟเปิดโอกาสให้นิโคลัสลงมาเดินเล่นริมทางรถไฟครั้งหนึ่ง และพูดคุยกับเขา แต่ยาคอฟเลฟยังไม่ได้บอกนิโคลัสอยู่ดีว่ากำลังพาเขาไปยังเยกาเตรินเบิร์ก
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่นิโคลัสได้เดินเล่นในโลกภายนอก
ในวันรุ่งขึ้น นิโคลัสก็ได้ทราบว่าเขากำลังเดินทางไปที่ใด เพราะเขาสังเกตจากสถานีที่ผ่านไป ทำให้นิโคลัสทราบในบัดดลว่า เขากำลังถูกนำตัวไปยังเมืองเยกาเตรินเบิร์ก
ยาคอฟเลฟเห็นว่าจะปิดนิโคลัสต่อไปไม่ได้แล้ว เขาจึงสารภาพว่านิโคลัสกำลังถูกนำตัวไปยังเยกาเตรินเบิร์ก
หลังจากได้รับการยืนยัน จิตใจของนิโคลัสห่อเหี่ยวลงทันที บันทึกของแมตเวเยฟ ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ใบหน้าของนิโคลัสเปี่ยมไปด้วยความกังวล โดยเฉพาะเมื่อเข้าใกล้เมืองเยกาเตรินเบิร์กเข้าไปทุกที
แมตเวเยฟเล่าว่า นิโคลัสกล่าวกับเขาว่า
ฉันยอมไปที่ไหนก็ได้ ยกเว้นที่อูรัล … ประเมินจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น พวกอูรัลไม่เป็นมิตรกับฉันเสียเลย
เยกาเตรินเบิร์กเป็นเมืองสำคัญของเขตอูรัล นิโคลัสเคยมาเยี่ยมเยือนเมืองนี้ครั้งหนึ่งแล้วเมื่อหลายสิบปีก่อน เขาไม่คาดคิดว่าในอีกหลายสิบปีต่อมา เขาจะกลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่งในฐานะนักโทษ
เช้าวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.1918 ขบวนรถไฟที่มีนิโคลัส โรมานอฟอยู่ในนั้นก็มาถึงชานชาลาที่ 1 ของสถานีรถไฟเยกาเตรินเบิร์ก อันเป็นจุดหมายสุดท้ายในชีวิตของอดีตจักรพรรดิหรือซาร์พระองค์สุดท้ายแห่งจักรวรรดิรัสเซีย
ที่ชานชาลามีผู้คนจำนวนมากมายรออยู่แล้ว พวกเขาตะโกนว่า
แสดงตัวพวกจอมดูดเลือดมาเดี๋ยวนี้!
เรื่องราวจะเป็นไปอย่างไรต่อไป
อ่านตั้งแต่ตอนแรกและติดตามตอนต่อไปใน วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ หรือติดตามตอนที่ 17 ได้ที่นี่
หนังสืออ้างอิงอยู่ที่นี่