ถ้าให้เอ่ยชื่อพระเอกอันดับ 1 ของประเทศไทยเมื่อประมาณ 50-60 ปีก่อน ชื่อของชายผู้นี้ต้องปรากฏขึ้นมาอย่างไม่มีข้อสงสัย
เขาคือ “มิตร ชัยบัญชา”
อย่างไรก็ดีพระเอกอันดับ 1 ผู้นี้กลับต้องมรณกรรมในช่วงที่ตัวเองดังที่สุด และด้วยสาเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด!

ใครคือมิตร ชัยบัญชา
ในช่วงนั้นมิตรเป็นพระเอกอันดับ 1 แห่งวงการบันเทิงไทยอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ความดังของมิตรในประเทศไทยดังแบบแมสสุดๆ ไปทั่วระหองระแหง ภาพยนตร์รักอย่างสาวเครือฟ้าที่มิตรเล่นเป็นพระเอกได้ทั้งเงินและรางวัลมากมาย
ความดังของมิตรทำให้เขาแทบจะผูกขาดบทพระเอกแห่งจอเงินไทยเอาไว้เลย ผู้ประกอบการคนไหนก็อยากจะให้มิตรมาเล่นในหนังของตน ดังนั้นในแต่ละวันมิตรต้องถ่ายหนังมากถึง 4-5 เรื่อง ในบทที่แตกต่างกัน
มิตรเป็นนักแสดงมืออาชีพ มิตรใส่ตัวตนของเขาลงไปในบทแต่ละบท และแสดงออกมาได้อย่างแนบเนียน
สำหรับนิสัยส่วนตัวแล้ว มิตรเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีและไม่ถือตัว นอกจากนี้เขาเป็นคนสุภาพ มีความเป็นผู้นำ จริงใจ อ่อนน้อม ชอบหยอกล้อกับเพื่อนๆ บ่อยๆ และยิ้มง่าย ทำให้ทั้งเพื่อนร่วมงานรักเขามาก
อย่างไรก็ดีมิตรขี้น้อยใจ นอกจากนี้ยังทำงานด้วยความจริงจังและต้องการความ perfect ในทุกสิ่ง ข้อหลังนี้ทำให้มิตรจบชีวิตในเวลาต่อมา
มิตรมีนางเอกคู่ขวัญคือ เพชรา เชาวราษฎร์ ในช่วงนั้นมิตรและเพชราเป็นคู่จิ้นอันดับ 1 ของประเทศ สื่อและประชาชนนับล้านต่างเชียร์ให้ทั้งสองคนเป็นแฟนกัน แต่มิตรเห็นเพชราเป็นเพียงน้องสาวที่สนิทสนมเท่านั้น
อินทรีแดง
อินทรีแดงเป็นหนึ่งในนวนิยายอมตะของไทย ด้วยความยอดเยี่ยมและความนิยมระดับสูงของนิยายทำให้อินทรีแดงถูกทำเป็นภาพยนตร์
แน่นอนว่าพระเอกของเรื่องอย่าง “โรม ฤทธิไกร” ก็ต้องรับบทโดย “มิตร ชัยบัญชา”
มิตรประสบความสำเร็จมากกับบทนี้ ทำให้เขายิ่งโด่งดังไปมากกว่าเดิม ด้วยความสำเร็จนี้ทำให้ผู้ประกอบการสนใจทำภาคต่อของเรื่องอินทรีแดงขึ้นมา โดยภาคต่อนี้ชื่อว่า “อินทรีทอง”
ปีนั้นเป็นปี พ.ศ.2513 มิตรที่อายุมากขึ้นจึงเริ่มเปลี่ยนบทบาทตัวเองเป็นผู้กำกับการแสดง แต่ก็ยังร่วมแสดงเองด้วย อย่างไรก็ดีด้วยความที่เป็นคนขยัน มิตรยังคงรับงานจากค่ายอื่นด้วยเช่นกัน
วันหนึ่งมิตรไปถ่ายคิวต่อสู้ในละครเรื่อง “น้องนางบ้านนา” ฉากนั้นเป็นฉากที่พระเอกต้องต่อสู้กับพวกอันธพาลในสลัมแห่งหนึ่ง ระหว่างการถ่ายทำละครเรื่องนี้ มือของมิตรโดนสังกะสีบาดเป็นแผลลึกยาว 3 ซม
มิตรรู้สึกเจ็บมาก แต่เขากลับไม่ยอมไปโรงพยาบาลให้หมอเย็บแผล เพราะเขายุ่งมากและวันรุ่งขึ้นมิตรมีถ่ายภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะฉากจบของภาพยนตร์เรื่อง “อินทรีทอง”
บาดแผลนี้เองจะทำให้เขาจบชีวิตลง
ปัญหา
ตามบทเดิมของเรื่องอินทรีทองแล้วนั้น โรม ฤทธิไกรหรืออินทรีแดงจะปราบเหล่าร้ายได้สำเร็จ และจะอำลาคนดูไปด้วยฉากกอดกับนางเอกที่เชิงเขา
อย่างไรก็ดี มิตรในฐานะผู้กำกับกลับเปลี่ยนบทให้ยากขึ้น ตอนจบจะได้กินใจคนดู
บทใหม่ที่มิตรเลือกคือ อินทรีแดง (ที่เขาแสดงเอง) จะยืนบนบันไดเชือกที่ห้อยลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ และเฮลิคอปเตอร์จะพาเขาออกไป เป็นอันจบเรื่อง
ที่มิตรและกองถ่ายเตรียมถ่ายทำฉากนี้ที่หาดดงตาล พัทยาใต้ จังหวัดชลบุรี
ก่อนการถ่ายทำมีเรื่องเล่าว่ามีลางไม่ดีหลายอย่างเกิดขึ้นกับมิตร ซึ่งก็เป็นไปตามความเชื่อลางบอกเหตุอย่างไทยๆ
ยังไม่ทันจะเริ่มถ่าย ปัญหาก็เกิดขึ้นแล้ว
สแตนอินที่รับบทเป็นมิตรกลับไม่ได้นำเสื้อผ้าชุดอินทรีแดงมา เขานำมาแต่ชุดอินทรีทองเท่านั้น ดังนั้นกองถ่ายจึงไม่สามารถใช้สแตนอินแสดงแทนได้
มิตรน่าจะไม่อยากเสียเวลา เพราะตัวเขาเองก็มีงานรัดตัว มิตรจึงตัดสินใจแสดงฉากจบเองในสภาพที่ไม่เต็มร้อย เพราะเขายังปวดแผลที่โดนสังกะสีบาดที่มืออยู่เลย
วาระสุดท้ายของมิตร ชัยบัญชา
ระหว่างที่เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นสู่ฟ้า ตัวเครื่องได้เกิดแรงกระตุกอย่างรุนแรง ทำให้มันลากมิตรขึ้นไปสู่ท้องฟ้า โดยที่มิตรยังไม่ได้ก้าวเหยียบบนบันไดเชือกอย่างที่ซ้อมเอาไว้
มิตรพยายามแก้ปัญหาด้วยการปีนขึ้นไปเหยียบบันได แต่มิตรมีรูปร่างสูงใหญ่ และลมก็พัดแรงมาก มิตรไม่สามารถทำได้สำเร็จ เขาจำต้องเกาะบันไดเชือกที่ห้อยลงมาจากเฮลิคอปเตอร์อย่างอันตรายต่อไป
เมื่อเห็นว่าจวนตัว มิตรให้สัญญาณต่อคนขับเฮลิคอปเตอร์เพื่อให้ทราบถึงความผิดพลาดด้วยการนำเท้าทั้งสองข้างเข้าหากัน แต่คนขับเฮลิคอปเตอร์กลับไม่เข้าใจสัญญาณของมิตร คนที่อยู่ด้านล่างก็ไม่เข้าใจเช่นกันจึงไม่สั่งยกเลิกการถ่ายทำ
เมื่อโหนไปได้ไม่นาน ร่างกายของมิตรเริ่มจะอ่อนล้า และเฮลิคอปเตอร์บินสูงขึ้นเรื่อยๆ ลมจากทะเลก็พัดกระโชกเข้าใส่ร่างของมิตร ทำให้เขาจวนจะตกลงไปสู่เบี้องล่างเข้าไปทุกที

ช่วงเวลานั้นเองมิตรพยายามแก้สถานการณ์ด้วยการใช้ข้อมือซ้ายพันกับบันไดเชือกที่พาดลงมาเอาไว้ เพื่อไม่ให้ตกลงไปพื้นด้านล่าง
เชือกดังกล่าวเป็นลวดสลิงแบบแบน ซึ่งมีความคมไม่น้อย แถมข้อมือซ้ายของมิตรยังมีแผลยาว 3 ซม ที่ยังสดๆ และไม่ได้รับการเย็บ ตัวเชือกจึงบาดเอ็นข้อมือของมิตรจนขาด มิตรไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้อีกแล้ว
วินาทีนั้นเองมันหมดเวลาบนโลกสำหรับดาวค้างฟ้าอย่างมิตรแล้ว
มิตรเห็นบึงอยู่ด้านล่าง เขาจึงคลายเชือกที่มัดข้อมือซ้ายไว้ออก มิตรน่าจะเชื่อว่าถ้าเขากระโดดลงน้ำในบึง เขาน่าจะรอดชีวิต
ร่างของมิตรจึงลอยละลิ่วลงมาจากท้องฟ้าที่สูงหลายร้อยฟุตลงมาสู่เบี้องล่างโดยปราศจากร่มชูชีพ!
ในจังหวะที่มิตรทิ้งตัวลงมานั้น ลมได้ปะทะกับตัวเขาอย่างแรง ทิศทางการทิ้งตัวของเขาจึงเปลี่ยนไป แทนที่มิตรจะทิ้งตัวลงที่บึงได้สำเร็จ ร่างของมิตรกลับพุ่งลงสู่พื้นราบเบื้องล่างที่มีจอมปลวกอยู่
ร่างของมิตรตกลงจากความสูงประมาณ 300 ฟุตลงมาสู่พื้นราบ ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าในวาระสุดท้ายมิตรร้องด้วยเสียงดังมากไปทั่วหาด
ในเวลา 16.13 นาฬิกา ของวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2513 ร่างของมิตรกระแทกกับพื้นเบี้องล่าง มิตรสิ้นลมหายใจทันที
ทีมงานของเขาพยายามนำมิตรส่งโรงพยาบาลแต่ก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว มิตรจากไปเมื่อเขาอายุได้เพียง 36 ปี
ผลที่ตามมา
เช้าวันที่ 9 ตุลาคม หนังสือพิมพ์ทุกฉบับในประเทศไทยต่างรายงานข่าวการเสียชีวิตของมิตร ชัยบัญชา พระเอกหนุ่มขวัญใจประชาชน
ข่าววันนั้นเป็นข่าวช็อก คนไทยทั้งประเทศต่างตกตะลึงกับการจากไปของดารานักแสดงอันดับ 1 ของประเทศด้วยอุบัติเหตุจากการถ่ายทำ หลายคนที่เป็นแฟนละครตัวยงของมิตรต่างร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ด้วยความที่การจากไปของมิตรเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด หลายคนยังคงไม่เชื่อว่ามิตรเสียชีวิตไปแล้ว เจ้าภาพถึงกับต้องนำร่างของมิตรออกมาจากโลงศพ เพื่อพิสูจน์ว่ามิตรได้จากไปแล้วจริงๆ
ในงานวันพระราชทานเพลิงศพของมิตร ผู้ร่วมงานมีมากถึง 300,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากจนต้องย้ายวัด ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ให้คำนิยามว่าเป็นงานศพของสามัญชนที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งทุกวันนี้สถิติดังกล่าวน่าจะยังไม่มีใครมาลบออกไปได้
หลังจากนั้นชาวบ้านได้มีการสร้างศาลมิตร ชัยบัญชาไว้ในจุดที่เขาเสียชีวิต และศาลดังกล่าวยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้