เทคโนโลยี"ซื้อรูปภาพ" คุณภาพสูงไปใช้งานจากเว็บไซต์ Microstock ไหนดี?

“ซื้อรูปภาพ” คุณภาพสูงไปใช้งานจากเว็บไซต์ Microstock ไหนดี?

ทุกวันนี้ความต้องการใช้งานรูปภาพคุณภาพสูงมีเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นระดับรายย่อยหรือระดับบริษัท อย่างรายย่อยเอง คุณอาจจะต้องการซื้อรูปภาพที่ดีๆ สวยๆ ไปใช้งานในเว็บไซต์ อีบุ๊ค การทำโฆษณาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Ad, Email marketing และอื่นๆ อีกมากมาย

จริงอยู่ว่ามีแพลตฟอร์มที่ให้ใช้รูปภาพฟรีอยู่หลายแห่งอย่างเช่น Pixabay หรือ Unsplash แต่คลังรูปภาพของเว็บไซต์เหล่านี้มีจำนวนน้อย ยากจะเทียบได้กับของเว็บไซต์ Microstock ขนาดใหญ่ที่ต้องเสียเงินซื้อ นอกจากนี้คุณภาพของรูปภาพฟรีบางรูปก็ไม่ดีนัก อีกด้วย

ดังนั้นในโพสนี้ เราจะมาดูกันครับว่าแพลตฟอร์มหรือเว็บไซต์ซื้อรูปภาพคุณภาพสูงมีที่ไหนบ้าง

ข้อควรทราบ: ซื้อรูปภาพที่ผมกล่าวถึงในโพสนี้คือ การได้รับลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่รูปภาพ (Licensing) หมายความว่าผู้ซื้อได้สิทธิ์นำรูปภาพไปเผยแพร่ด้วยวิธีการต่างๆ นั่นเอง

ข้อควรทราบ #2: ราคาและเงื่อนไขของแต่ละเว็บไซต์อาจจะเปลี่ยนแปลงได้โดยกะทันหัน ดังนั้นเพื่อความแน่นอน โปรดตรวจสอบกับทางผู้ให้บริการครับ

1. Shutterstock

Shutterstock เป็นเว็บไซต์ Microstock ที่ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่น่าจะคิดถึงเมื่อคิดจะซื้อรูปสักรูปหนึ่ง คลังรูปภาพของ Shutterstock นั้นใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ด้วยจำนวนรูปภาพมากกว่า 316 ล้านรูป และมีครบทุกหมวดหมู่เลยก็ว่าได้ (แต่รูปเก่าๆ อย่างเช่นรูปในประวัติศาสตร์จะมีน้อยหน่อย สู้แพลตฟอร์มอื่นไม่ได้ครับ)

Shutterstock

ในการซื้อรูปกับ Shutterstock นั้นใช้งานง่ายมาก นั่นคือสมัครสมาชิก ซื้อแพลน แล้วก็สามารถดาวน์โหลดได้เลยทันที

ถัดไปเราจะมาดูเรื่องที่สำคัญที่สุด นั่นคือเรื่องราคาของรูปภาพบน Shutterstock ครับ

ราคารูปภาพบน Shutterstock

ทุกวันนี้ Shutterstock แทบจะไม่ได้ขายรูปแบบเดี่ยวๆ อีกต่อไปแล้ว แต่ขายในลักษณะแบบเป็นแพลน (Plan)

แพลนของ Shutterstock มี 2 แบบ นั่นคือแบบสมัครสมาชิก (Subscription) และแบบซื้อเหมาแบบ On-demand ครับ

เรามาเริ่มกันที่แบบสมัครสมาชิกกันก่อน รูปแบบสมาชิกของ Shutterstock มี 3 แบบได้แก่

  • Annual Billed Upfront – สมัครสมาชิกรายปีและตัดเงินทั้งหมดทันที (เริ่มต้นที่ $299 หรือ 8,970 บาทต่อปี หรือ 747.5 บาทต่อเดือน โดยจะดาวน์โหลดได้เดือนละ 10 รูป)
  • Annual Billed Monthly – สมัครสมาชิกรายปีและตัดเงินเป็นรายเดือน (เริ่มต้นที่ $29 หรือ 870 บาทต่อเดือน โดยจะดาวน์โหลดได้เดือนละ 10 รูป)
  • Monthly – สมัครสมาชิกเป็นรายเดือน ไม่มีพันธะใดๆ ยกเลิกได้ทันที (เริ่มต้นที่ $49 หรือ 1,470 บาทต่อเดือน โดยจะดาวน์โหลดรูปได้เดือนละ 10 รูป)

จริงๆ แล้วรูปแบบสมาชิกไม่มีอะไรซับซ้อนครับก็แค่ว่า ถ้าคุณเลือกรายปี และจ่ายเงินทั้งหมดก็จะได้ราคาถูกสุด แต่ถ้าอยากจะค่อยๆ จ่าย ราคาก็จะแพงกว่าครับ ส่วนแบบไม่มีพันธะอะไรเลยอย่างแบบ Monthly ก็คือถูกสุด

จากราคาด้านบน คุณจะเห็นว่าเป็นราคา “เริ่มต้น” เท่านั้น นั่นแปลว่าถ้าคุณต้องการใช้รูปจริงๆ คุณสามารถเลือกแพลนที่แพงกว่านี้ได้ครับ อย่างเช่นคุณอาจจะต้องการ 750 รูปต่อเดือน คุณก็จะอาจจะเลือกแพลน Annual Billed Upfront ในราคา $1,999 หรือ 69,970 บาทต่อปีครับ

ข้อควรทราบ: ถ้าคุณใช้โควตาในการดาวน์โหลดไม่หมดในเดือนนั้นๆ Shutterstock จะไม่ให้คุณ Roll Over ไปเดือนหน้านะครับ เช่นถ้าคุณซื้อแพลนที่ดาวน์โหลดต่อเดือนได้ 75 รูป แต่ดาวน์โหลดจริงๆ ไป 70 รูปเท่านั้น อีก 5 รูปคือเสียไปฟรีๆ เพราะฉะนั้นคุณควรดาวน์โหลดให้ครบโควตาครับ

ส่วนแบบ On-demand packs นั้นง่ายยิ่งกว่า เพราะเป็นการซื้อเหมาสิทธิ์ในการดาวน์โหลดครับ โดยจะเริ่มต้นที่ $49 (1,470 บาท ต่อการซื้อ 5 รูป) ข้อดีของแบบนี้คือซื้อไปแล้วมีเวลาให้เลือกดาวน์โหลดรูป 1 ปี แต่ถ้าเทียบกับแบบสมาชิกจะแพงกว่าครับ

ถ้ายังไม่เข้าใจเรื่องราคา คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Shutterstock Pricing ครับ

โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่า ถ้าต้องใช้รูปภาพเป็นประจำ สมัครแบบสมาชิกแบบรายปีไปเลยจะคุ้มค่ากว่ามากครับ ราคาต่อรูปนี่แทบจะเป็นครึ่งต่อครึ่งของรายเดือนเลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ดีการซื้อรูปภาพจาก Shutterstock ไม่ได้แปลว่าซื้อแล้วเอาไปเผยแพร่ได้ทุกรูปแบบอย่างไม่จำกัด คุณยังต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของ Shutterstock ครับ ซึ่งเราจะมาว่ากันต่อไป

เงื่อนไขการซื้อภาพของ Shutterstock

ในปัจจุบัน Shutterstock ขายรูปภาพตามเงื่อนไข Royalty-free หรือหมายความว่าผู้ใช้สามารถใช้ได้ไม่จำกัดครั้งในรูปแบบการใช้งานที่กำหนด นั่นก็คือการใช้งานในรูปแบบต่อไปนี้

  • การใช้งานรูปภาพแบบเว็บไซต์
  • การโฆษณาทางออนไลน์
  • การใช้งานบน Social media
  • การโฆษณาทุกชนิดทางมือถือ
  • e-books
  • ใช้ในอีเมล์ของ Email Marketing

ทั้งหมดด้านบนจะเป็นการใช้งานรูปภาพทางออนไลน์ แต่ถ้าคุณไม่ได้ใช้ทางออนไลน์ คุณอาจจะต้องซื้อเป็นแบบ Enhanced License ซึ่งแพงกว่าอย่างนัยสำคัญครับ ลองตรวจสอบรายละเอียดของ Enhanced License ที่นี่

ข้อควรทราบอีกอย่างหนึ่งคือ รูปภาพที่ขายบน Shutterstock จะเป็นแบบ non-exclusive นั่นแปลว่าเจ้าของภาพสามารถขายรูปภาพบนแพลตฟอร์มอื่นที่เป็นแบบ non-exclusive เหมือนกันได้ด้วยเช่นกัน แปลว่าภาพอาจจะขายที่อื่นได้ด้วยนอกจาก Shutterstock ครับ

สำหรับใครที่สนใจใช้งาน Shutterstock แบบสมาชิก ทางเว็บไซต์ให้คุณลองซื้อรูปภาพได้ฟรี 10 รูป ไปสมัครกันได้เลยที่ Shutterstock ครับ

2. Alamy

Alamy เป็นเว็บไซต์ Microstock ขนาดใหญ่ที่มีรูปภาพที่ให้เลือกซื้อมากกว่า 200 ล้านรูป สำหรับคลังของ Alamy นั้นจะต่างกับ Shutterstock เพราะจะมีรูปที่เป็นลักษณะ Exclusive ด้วยครับ หรือไม่มีบนในแพลตฟอร์มอื่นเลยนั่นเอง

Alamy

แพลตฟอร์มนี้จะขายรูปภาพเป็นรายภาพครับ โดยราคาของแต่ละภาพจะแบ่งเป็นสองแบบ นั่นคือแบบ Single-Use License หรือ Royalty-free License โดยมีรายละเอียดต่อไปนี้

Single Use

  • Personal Use ($19.99 หรือ 600 บาท) – เก็บรูปนั้นไว้ใช้ส่วนตัว โดยไม่ได้ทำการค้าใดๆ
  • Presentation or Newsletter ($19.99 หรือ 600 บาท) – ใช้ในการ Present งาน (ใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น)
  • Website or Social Media ($49.99 หรือ 1,500 บาท) – ใช้ในเว็บไซต์หรือ Social media ใดๆ ใช้ได้แห่งเดียวเท่านั้น
  • Magazine or book ($69.99 หรือ 2,100 บาท) ใช้ในหนังสือหรือนิตยสารเล่มเดียวเท่านั้น
  • Marketing Package ($79.99 หรือ 2,400 บาท) – ใช้ในการทำการตลาดโครงการเดียวเท่านั้น
  • Television ($249.99 หรือ 7,500 บาท) – ใช้ในรายการทางโทรทัศน์ได้รายการเดียวเท่านั้น

Royalty-free (ใช้ทำได้ทุกอย่างของ Single Use และหลายๆ ครั้ง) แต่ราคาจะคิดตามขนาด นั่นคือ

  • Xsmall – ขนาด 449 x 300 px ($49 หรือ 1,470 บาท)
  • Small – ขนาด 720 x 481 px ($95 หรือ 2,850 บาท)
  • Medium – ขนาด 1500 x 1002 px ($190 หรือ 5,700 บาท)
  • Large – ขนาด 3000 x 2003 px ($245 หรือ 7,350 บาท)
  • XLarge – ขนาด 4000 x 2671 px ($315 หรือ 9,450 บาท)

ราคาภาพของ Alamy จัดว่าสูงถึงสูงมาก ทาง Alamy จึงมีโปรโมชั่น Image Pack ซึ่งจะลดราคาต่อภาพมากที่สุดถึง 30% แต่คุณจะต้องซื้อเหมา 5-25 ใบ (เหมือนกับ On-demand packs ของ Shutterstock) ครับ

3. iStock

iStock เป็นแพลตฟอร์มขายรูปภาพที่น่าสนใจไม่แพ้ Shutterstock แต่รูปภาพบน iStock ที่มีให้คุณซื้อจะผสมกันทั้งแบบ Exclusive และ Non-exclusive เหมือนกับ Alamy ครับ แต่ทั้งหมดจะเป็น Royalty-free ครับ

iStock

สำหรับในการซื้อรูปภาพนั้น คุณจะต้องสมัครเป็นแพลนเหมือนกับ Shutterstock และมีสองแบบเหมือนกัน นั่นคือแบบสมัครสมาชิกและแบบซื้อเหมา โดยราคาจะอยู่ที่

  • Subscription (สมาชิก) – ดาวน์โหลดได้ 10 รูปต่อเดือน โดยสมาชิกรายเดือน = 790 บาทต่อเดือน, สมาชิกรายปีเฉลี่ย = 490 บาทต่อเดือน (เพิ่มเติมรูปต่อเดือนได้ ถ้ายิ่งเพิ่ม ราคาต่อรูปจะยิ่งถูกลง)
  • Credit Packs – เริ่มต้นที่ 930 บาทสำหรับ 6 ภาพ

ข้อดีของ iStock คือผู้ที่สมัครแบบสมาชิกสามารถ Roll Over โควตาได้ถึง 250 รูป ดังนั้นถ้าคุณใช้โควตาไม่หมดก็ไม่เป็นไรครับ เพราะทบไปเป็นเดือนหน้าได้ นี่เป็นข้อดีหนึ่งที่ iStock เหนือกว่า Shutterstock นอกจากนี้ราคาต่อรูปในแพลน 10-50 ภาพต่อเดือนยังถูกกว่าด้วย

อย่างไรก็ดี iStock ไม่มีแพลนสำหรับลูกค้าที่ต้องการรูปมากๆ ต่อเดือน ในขณะที่ Shutterstock มี ดังนั้นถ้าคุณต้องการซื้อรูปภาพมากกว่า 350 ใบต่อเดือน Shutterstock จะถูกกว่า iStock อย่างมีนัยสำคัญครับ

สิ่งที่คุณควรทราบคือ ถ้าคุณต้องการใช้งานแบบพิเศษ อย่างเช่นนำรูปไปแปะหน้าสินค้าของคุณเพื่อนำไปขายต่อ (Resale) คุณจะต้องซื้อแบบ Extended License สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

4. Adobe Stock

Adobe Stock เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมรูปภาพคุณภาพสูงจำนวนมากในรูปแบบ non-exclusive และ royalty free รูปที่อยู่บนแพลตฟอร์มของ Adobe Stock ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานว่ามีคุณภาพสูงถึงสูงมากครับ

Adobe Stock

แนวทางการซื้อรูปภาพของ Adobe Stock คล้ายกับ Shutterstock และ iStock นั่นคือใช้แพลน 2 แบบ นั่นคือแบบสมาชิกและแบบซื้อเหมาโควตา แบบสมาชิกจะมีแบบรายเดือนและรายปีเช่นเดิม โดยแบบรายปีจะเริ่มต้นที่ 1,069 บาทต่อ 10 ภาพครับ

ส่วนแบบซื้อเหมาโควตา (Credit Packs) จะเริ่มต้นที่ 5 Credits ในราคา 1,780 บาท แต่ไม่ได้แปลว่า 5 Credit จะซื้อได้ 5 ภาพนะครับ เพราะบางภาพจะเป็นภาพแบบพรีเมียม ซึ่งจะต้องใช้ถึง 12 Credits เลยทีเดียว อย่างไรก็ดีวิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่จะซื้อรูปภาพระดับ Premium ได้เพราะแบบสมาชิกไม่สามารถซื้อได้ครับ

อย่างไรก็ดีภาพระดับพรีเมียมจะมาพร้อมกับ Extended License ซึ่งจะทำให้คุณสามารถ Resale สินค้าที่ใช้ภาพดังกล่าวได้ครับ และลดข้อจำกัดในการใช้งานอื่นๆ ครับ

ถ้าเปรียบเทียบราคาแล้ว Adobe Stock ถือว่าแพงกว่า iStock และ Shutterstock ครับ แต่เป็นเว็บไซต์ที่มีแพลนสมาชิกที่ดาวน์โหลดได้มากถึง 750 รูปต่อเดือน ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจงานสำหรับบริษัทที่ต้องใช้รูปมากๆ ครับ

ทั้งนี้ Adobe Stock ให้คุณดาวน์โหลดรูปได้ฟรีในเดือนแรกจำนวน 10 รูป

5. Depositphotos

ถ้าคุณยังไม่ได้รูปภาพที่คุณต้องการ หรือว่าต้องการเว็บซื้อขายภาพราคาถูก Depositphotos สามารถตอบโจทย์ของคุณได้ เพราะจำนวนรูปภาพที่มีในคลังมีมากถึง 165 ล้านรูปที่รอคุณซื้อไปใช้บริการครับ

Depositphotos

แพลนของ Depositphotos นั้นคล้ายกับเว็บอื่นๆ คือมี 2 แพลน แต่ราคานั้นถูกกว่าอย่างชัดเจน

แบบสมาชิกจะเริ่มต้นที่ รายเดือน $9.99 (300 บาท) ต่อเดือน, รายปีโดยเฉลี่ย $8.25 (247.5 บาท) ต่อเดือน โดยจะดาวน์โหลดได้ 10 รูปด้วยกัน

แบบซื้อเหมาจะเริ่มต้นที่ 10 รูปในราคา $49 (1,470 บาท) หรือเฉลี่ยรูปละ 147 บาท

ถ้าเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ แล้ว ราคาของ Depositphotos น่าจะดีที่สุดสำหรับผู้ซื้อเลยก็ว่าได้ เพราะถูกกว่าอย่างชัดเจน ยิ่งถ้าคุณซื้อเยอะๆ (เช่น 750 ภาพต่อเดือน ราคาจะเหลือแค่ภาพละ $0.22 เหลือภาพละ 6 บาทกว่าๆ เท่านั้นเองครับ)

สิ่งที่ผมชอบอีกอย่างหนึ่งในตัวแพลตฟอร์มนี้ก็คือ โควตาของแบบสมาชิกที่ใช้ไม่หมดต่อเดือนสามารถ Roll over ได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องเร่งใช้ให้หมดเหมือนกับ Shutterstock

นอกจากนี้ถ้าคุณใช้โควตาหมดไปแล้ว แต่ต้องการใช้รูปเพิ่มด่วน 1-2 รูป คุณจะซื้อได้ในราคา $1 หรือ 30 บาท ซึ่งไม่ต่างอะไรกับราคาต่อรูปในโควตามากนัก ต่างกับแพลตฟอร์มอื่นที่ต้องไปซื้อเหมาแบบแพงๆ หรือว่ารอเดือนหน้าครับ

อย่างไรก็ดีรูปภาพใน Depositphotos จะไม่สามารถใช้งานในสินค้าเพื่อการ Resale ได้เว้นเสียแต่ว่าคุณจะซื้อ Extended License ครับ ในส่วนนี้จะเหมือนกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ครับ นอกจากนี้ภาพในเว็บไซต์จะเป็นแบบ non-exclusive หมายความว่าคุณอาจจะเจอภาพแบบเดียวกันขายที่เว็บอื่นได้ครับ

6. Getty Images

Getty Images เป็นเว็บไซต์ขายรูปภาพที่มีอายุมากกว่า 25 ปีแล้ว และเป็นแพลตฟอร์มเดียวในโพสนี้ที่รูปภาพทุกภาพจะเป็นแบบ Exclusive หรือหมายความว่ามีให้ซื้อที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าราคาจะแพงกว่าที่อื่นอย่างมีนัยสำคัญครับ

Getty Images

แม้ว่าราคาจะแพง แต่สิ่งที่คุณจะได้ไปด้วยคือการตรวจสอบคุณภาพของรูปที่เข้มงวดมาก รวมไปถึงการเข้าถึงรูปบางรูปที่หายากมาก อย่างเช่นรูปเก่าๆ ของเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นต้นครับ

ในเรื่องราคา Getty Images จะขายภาพแบบ Royalty-Free แต่ว่าจะขายเป็นใบๆ นั่นคือ

  • Extra Small – 1,500 บาท
  • Small – 4,500 บาท
  • Medium – 12,000 บาท
  • Large – 15,000 บาท

ทั้งนี้คุณจะต้องใช้ Custom License เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ถ้าคุณต้องการใช้รูปภาพในสินค้าเพื่อการ resale ครับ

เงื่อนไขที่พิเศษสำหรับแพลตฟอร์มนี้คือ มีตัวเลือก Market-freeze ให้ใช้งานครับ หมายความว่าทางแพลตฟอร์มจะปิดการขายรูปภาพโดยสมบูรณ์ในช่วงเวลาที่คุณต้องการ แต่ค่าใช้จ่ายจะต้องสอบถามกับทางแพลตฟอร์มโดยตรงครับ

ข้อควรทราบในการซื้อรูปภาพ

นอกเหนือจาก 6 เว็บไซต์นี้แล้วยังมีเว็บไซต์ Microstock อื่นๆ ให้คุณซื้อรูปภาพทางออนไลน์ได้เช่นกัน อาทิเช่น Dreamstime, Bigstock, 123RF

ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าการใช้งานของคุณจะครอบคลุมอยู่ใน Standard License หรือไม่ ผมแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลของ Extended License ของแต่ละเว็บไซต์ไว้ด้วยทุกครั้ง เพราะป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลังครับ

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!