ประวัติศาสตร์รัสเซียครอบครัวซาร์ชีวิตอันดำดิ่งของครอบครัวโรมานอฟที่เยกาเตรินเบิร์ก (20)

ชีวิตอันดำดิ่งของครอบครัวโรมานอฟที่เยกาเตรินเบิร์ก (20)

การกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาด้วยกันทุกคน ทำให้ครอบครัวโรมานอฟปิติยินดีเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาทุกคนผ่านมาได้เพราะความรักที่มีให้กันล้วนๆ แต่ทุกคนรู้สึกหวั่นใจอยู่มากว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเขาบ้าง

หัวหน้าการควบคุมดูแลครอบครัวโรมานอฟคนใหม่คือ อัฟดีฟ ระเบียบและการห้ามที่มีต่อพวกเขาก็มากขึ้นกว่าเดิมมาก

ครอบครัวโรมานอฟ

ปิดหน้าต่างแทบทุกบาน

ถ้าเทียบกับการควบคุมภายใต้โคบีลินสกี้ แพนคราตอฟ และ นิโคลสกี้แล้ว การควบคุมของอัฟดีฟเข้มงวดกว่ามาก หน้าต่างถูกบานของบ้านถูกสั่งให้ปิดตาย ต่อมาอัฟดีฟก็สั่งให้ช่างทาสีมาทาสีทับจากด้านนอก เพื่อไม่ให้พวกโรมานอฟรู้สถานการณ์ข้างนอก และไม่ให้คนอื่นมองเข้ามาในบ้านได้

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเมื่อตอนที่นิโคลัสมาถึงที่นี่ใหม่ๆ ผู้คนต่างสงสัยว่าภายในบ้านอิปาตเยฟมีใครอยู่กันแน่ทำไมในบ้านถึงมีการก่อรั้วสูงเช่นนี้ แถมยังมีป้อมรักษาการณ์อีก 10 จุด พร้อมด้วยทหารยามมากมาย  

ในเวลาไม่นาน ข่าวก็แพร่สะพัดไปว่า บุคคลที่อยู่ในบ้านคือนิโคลัสและครอบครัวที่มาถึงเมืองเมื่อวันก่อนนั่นเอง เหล่ารัสเซียมุงจึงมายืนออกันอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน ต่างคนต่างชูคอเพื่อที่จะมองเข้าไปข้างใน

พวกทหารยามเห็นมีคนมุงเยอะ พวกเขาจึงตะโกนขึ้นมาว่า 

เดินไป ประชาชน เดินไป แถวนี้ไม่มีอะไรให้ดู! 

ฝูงชนตะโกนตอบไปว่า 

ถ้าที่นี่ไม่มีอะไรให้ดู แล้วทำไมพวกเราจะยืนตรงนี้ไม่ได้ถ้าพวกเราต้องการ นี่เป็นบ้านที่จักรพรรดิ (ซาร์) อยู่ใช่หรือไม่ละ!

พวกทหารยามไม่มีทางเลือกจึงต้องยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อไล่เหล่ารัสเซียมุงอยู่หลายวัน ความพิรุธนี้ยิ่งทำให้เหล่าชาวบ้านมั่นใจว่าผู้ที่อยู่ในบ้านคือนิโคลัสและครอบครัวแน่นอน

บ้านอิปาคิเยฟ (สังเกตว่าชายทางด้านขวาของภาพยังหันมามอง)

เพื่อเป็นการแก้ปัญหาอัฟดีฟเลยต้องจัดการก่อรั้วให้สูงขึ้น และจัดการกับหน้าต่างอย่างที่ได้เล่าไปแล้วด้านบน

อย่างไรก็ตามอัฟดีฟอนุญาตให้เปิดหน้าต่างบานเล็กๆ ไว้หนึ่งบานเท่านั้น และหน้าต่างบานนี้เป็นบานเดียวที่อากาศสามารถถ่ายเทเข้าออกได้นอกจากประตูหน้าบ้านที่พวกทหารใช้เข้าออก ดังนั้นไม่ต้องสงสัยว่าภายในบ้านจะอึดอัดเพียงใด

พวกโรมานอฟถูกเตือนว่าห้ามเอาอวัยวะส่วนใดออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดไว้เด็ดขาด แต่อนาสตาเซียฝ่าฝืนคำสั่ง เธอเอาหน้าของเธอออกไปในเวลากลางคืน หนึ่งในทหารรักษาการณ์จึงยิงเข้าใส่ทันที กระสุนเฉี่ยวหัวเธอไปอย่างหวุดหวิด

ความอึดอัดนี้เองทำให้ครอบครัวโรมานอฟขอให้อัฟดีฟเปิดหน้าต่างให้อีกบานหนึ่ง อัฟดีฟบิดพลิ้วไปมาแต่สุดท้ายก็อนุญาตให้ตามคำขอ แต่เขาสั่งให้มีการตรวจตราภายนอกบ้านมากขึ้นกว่าเดิม และบอกพวกโรมานอฟว่าห้ามเอาอวัยวะใดๆ ออกมานอกหน้าต่างเด็ดขาด

การเปิดหน้าต่างใบที่สองนี้ทำให้ครอบครัวโรมานอฟมีความสุขมากขึ้น นอกจากอากาศที่ถ่ายเทมากขึ้นแล้ว พวกเขาและเธอยังสามารถมองเห็นมหาวิหารของเมืองได้ ที่มหาวิหารแห่งนั้นมีไม้กางเขนตั้งอยู่บนยอด มันทำให้ทุกคนรู้สึกใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้น

ถึงกระนั้นอัฟดีฟอนุญาตให้ครอบครัวโรมานอฟออกมาเดินเล่นที่สวนได้ครั้งละหนึ่งชั่วโมง ในช่วงเช้าและช่วงบ่ายได้ทุกวัน ทุกคนไม่พลาดโอกาสที่จะออกมาจากบ้าน ยกเว้นแต่เพียงอเล็กซานดราเท่านั้นที่แทบจะไม่เคยออกมาจากบ้านเลย

ปัญหาเรื่องอื่นๆ

ในช่วงแรกที่ทุกคนมาถึง ครอบครัวโรมานอฟมีปัญหาเรื่องที่นอน เนื่องจากอเล็กเซย์มีอาการกำเริบอีกครั้งทำให้ต้องนอนซมอยู่บนเตียง พี่สาวทั้งสี่ของเขาจึงไม่มีเตียงให้นอน ห้องเล็กๆ อีกห้องหนึ่ง สี่สาวตัดสินใจมอบให้แอนนา เดมิโดวา นางกำนัลคนสนิทที่สุขภาพไม่ดีนักใช้เป็นห้องส่วนตัวของเธอ

ดังนั้นเมื่อไม่มีที่ให้นอน สี่สาวจึงต้องนอนบนพื้นในห้องของอเล็กเซย์ ทั้งสี่ช่วยกันนำเสื้อโค้ดและผ้าห่มมากองรวมกันบนพื้น เพื่อที่พวกเธอจะได้นอนบนพื้นสบายขึ้นบ้าง แต่ในอีกไม่นานเตียงเหล็กจากทาบอสค์ก็มาถึง พวกเธอเลยย้ายไปนอนบนนั้นแทน

ห้องน้ำเป็นห้องที่เป็นปัญหามากที่สุด ตัวห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมที่ครอบครัวโรมานอฟต้องใช้ร่วมกับพวกทหารที่ประจำการอยู่ที่ชั้นสอง (ชั้นที่ครอบครัวโรมานอฟอาศัยอยู่) ปัญหาไม่ใช่เกิดจากพวกทหารมาแอบดูเหล่าสี่สาวอาบน้ำ แต่พวกทหารมักกวนประสาทครอบครัวโรมานอฟด้วยการวาดภาพลามกต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างอเล็กซานดราและรัสปูติน หรือบางทีก็เขียนคำพูดแย่ๆ ไว้ในห้องน้ำ พวกเขารู้ดีว่าพวกโรมานอฟต้องเห็นแน่ เพราะว่าต้องมาใช้ห้องน้ำ

การถูกดูหมิ่นลักษณะนี้ทำให้ทุกคนเซ็งไปตามๆ กัน แต่นานวันเข้าก็ชินไปในที่สุด

ปัญหาที่เกิดจากพวกทหารอีกอย่างหนึ่งคือ พวกนี้ชอบส่งเสียงร้องโหวกเหวกโวยวายในเวลากลางคืนเพราะความเมา พอพวกนี้เมาแล้ว พวกเขามักจะตะโกนร้องเพลงที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ อาทิเช่น Workers’ Marseillaise หรือ The Internationale สร้างความหนวกหูให้ครอบครัวโรมานอฟอย่างมาก

ดังนั้นทหารที่อยู่ในบ้านอิปาตเยฟช่วงนี้จึงถือว่าไม่มีผิดมีภัย ส่วนใหญ่พวกเขาถูกเกณฑ์มาจากโรงงานใกล้ๆ นี้เอง โดยได้เงินเดือนคนละ 400 รูเบิล แต่ละคนยังหนุ่มๆ อยู่เลย บางคนอายุต่ำกว่า 20 ปีด้วยซ้ำไป แถมยังไม่มีประสบการณ์การใช้อาวุธเลยแม้แต่น้อย มีแต่พวกทหารที่เฝ้ารักษาอยู่รอบนอกเท่านั้นที่เคยผ่านสมรภูมิมาแล้ว

สำหรับตัวอัฟดีฟแล้ว พอเวลาผ่านไป อัฟดีฟเองก็หละหลวม เพราะตัวเขาเองก็เมาไม่แพ้กัน บางคนเขาถึงกับดื่มเหล้าระหว่างที่ควบคุมครอบครัวซาร์อยู่

การป่วยของคนในบ้าน

การถูกคุมขังในบ้านนานๆ ทำให้สุขภาพของผู้ถูกคุมขังย่ำแย่ลงทีละน้อย นอกเหนือจากอเล็กเซย์ที่ใช้เวลาที่เยกาเตรินเบิร์กส่วนใหญ่ไปกับการนอนอยู่บนเตียง

นิโคลัสมักมีแผลที่ก้นหรือที่เรียกว่า Hemorrhoid จากพันธุกรรมของเขา (อ้างอิงจากรัดชินสกี้) นิโคลัสจึงชอบเดินมากเป็นพิเศษ แต่ที่เยกาเตรินเบิร์กนี้ เขามีโอกาสได้เดินน้อยมาก และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่ง แผลเหล่านี้จึงยิ่งเกิดขึ้นและสร้างปัญหาให้กับเขา ในเดือนมิถุนายน นิโคลัสปวดแผลมากจนนอนไม่หลับ อเล็กซานดราจึงต้องช่วยเหลือเขาด้วยการช่วยทายาและประคบแผลให้

ส่วนอเล็กซานดรามีอาการป่วยเรื้อรังหลายอย่างอยู่แล้ว เธอเป็นไมเกรนบ่อยๆ และปวดหลังเรื้อรัง นอกจากนี้ยังนอนไม่หลับ และปวดโน่นปวดนี่อยู่เสมอ บางครั้งอเล็กซานดราต้องใช้ยาระงับปวดที่แพทย์สั่งให้อเล็กเซย์เพื่อบรรเทาอากาศปวดของเธอ

โอลกามีอาการของโรคซึมเศร้าอย่างหนัก น้ำหนักของเธอลดลงอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา อเล็กซานเดอร์ สเตรคอตคิน ทหารคนหนึ่งเล่าว่าใบหน้าของโอลกาซีดมากและดูเหมือนจะป่วยหนัก

ผู้ทีเป็นปกติดีจึงมีแค่ ทาเทียน่า มาเรีย และอนาสตาเซียเท่านั้น ในบรรดาสามคนนี้ทาเทียน่าต้องรับบทหนักที่สุด ทาเทียน่าเคยเป็นพยาบาลมาก่อน เธอจึงต้องใช้ความรู้ดังกล่าวดูแลทั้งคนในครอบครัวและข้าราชบริพารที่ป่วย อย่างในเวลานั้นนายแพทย์บอทกินป่วยหนักจากอาการไตอักเสบ ทาเทียน่าจึงช่วยฉีดยาระงับปวด (น่าจะเป็นมอร์ฟีน) ให้กับเขาเพื่อบรรเทาอาการปวด

สถานการณ์ในเวลานั้นสำหรับครอบครัวโรมานอฟอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าวิกฤต แต่ทุกอย่างมันจะยิ่งดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงวันสุดท้าย

อนาสตาเซีย มาเรีย และทาเทียน่า

ปิดตายอย่างสมบูรณ์

พวกบอลเชวิคไม่ลังเลที่จะตัดครอบครัวโรมานอฟออกจากโลกภายนอก อัฟดีฟระงับการสั่งหนังสือพิมพ์มาให้นิโคลัส ทำให้นิโคลัสรู้สึกเศร้ามาก เพราะว่าเขาสูญเสียความบันเทิงที่มีอยู่อย่างเดียวไป นอกจากนี้ยังระงับไม่ให้ครอบครัวโรมานอฟรับของจากบุคคลภายนอก นอกจากอาหารที่ได้รับมาจากโบสถ์ในเมืองเท่านั้น

ถึงแม้พลเมืองจำนวนมากที่เยกาเตรินเบิร์กจะเกลียดชังพวกโรมานอฟ แต่พลเมืองบางส่วนตรงกันข้าม พวกเขายังคงส่งอาหารมาให้ครอบครัวโรมานอฟเรื่อยๆ เหมือนกับผู้คนที่ทาบอสค์ อัฟดีฟฉวยโอกาสยักยอกของเหล่านี้ไว้เป็นจำนวนมาก แล้วมาแบ่งกันกินเองในหมู่พวกทหาร

นอกจากนี้พวกบอลเชวิคยังสั่งให้อัฟดีฟบังคับพวกโรมานอฟให้พูดภาษารัสเซียเท่านั้น พวกเขารู้ว่าครอบครัวโรมานอฟพูดได้หลายภาษา และอาจจะพูดอะไรที่เป็นความลับกัน การบังคับสร้างปัญหาให้อเล็กซานดราทันที เพราะเธอพูดภาษารัสเซียไม่คล่อง และมักใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกับลูกๆของเธอ

สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดคือ อัฟดีฟห้ามไม่ให้นายแพทย์เดเรเวนโก แพทย์ที่รักษาฮีโมฟีเลียเป็นประจำเข้าพบ อัฟดีฟอ้างว่าอเล็กเซย์ไม่เป็นไร และไม่ต้องการให้เขาเข้าพบ การห้ามดังกล่าวทำให้อเล็กซานดราและสี่สาวต้องช่วยกันดูแล และอดทนต่อเสียงร้องครวญครางของอเล็กเซย์ในเวลาค่ำคืน ทำให้ทุกคนไม่ได้หลับไม่ได้นอนไปตามกัน กว่าอัฟดีฟจะให้เดเรเวนโกเข้าพบก็ใช้เวลานับสัปดาห์

อเล็กเซย์และเดเรเวนโก

อาการของอเล็กเซย์จึงย่ำแย่ ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะรักษาตัวเองให้ดีขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่อเล็กเซย์ไม่เคยกลับมายืนหรือเดินเล่นได้ตัวเองอีกเลย จนกระทั่งเขาสิ้นชีวิต

สาเหตุสำคัญที่อัฟดีฟไม่อนุญาตให้เดเรเวนโกเข้าพบก็เพราะ กรรมาธิการของพวกบอลเชวิคกลัวว่าเดเรเวนโกจะเป็นตัวกลางในการติดต่อสื่อสารระหว่างกลุ่มนิยมกษัตริย์กับครอบครัวโรมานอฟ ซึ่งจากการศึกษาของนักประวัติศาสตร์หลายคน พบว่าเรื่องนี้น่าจะมีมูล เมื่อเดเรเวนโกเข้ามาในบ้าน ทุกย่างก้าวของเขาจึงถูกอัฟดีฟจับตามองอยู่ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม อัฟดีฟอนุญาตให้บาทหลวงเข้ามาทำพิธีทางศาสนาให้ครอบครัวโรมานอฟได้สัปดาห์ละสองครั้ง และอนุญาตให้คาริโตนอฟ พ่อครัวที่ติดตามครอบครัวโรมานอฟมาด้วยนำอาหารจากครัวของพวกบอลเชวิคไปทำใหม่ให้อร่อยขึ้นได้

การอยู่ในสภาพเช่นนี้ ทำให้อเล็กซานดราภาวนาให้มีคนรัสเซียดีๆ มาปลดปล่อยเธอเสียที มีอยู่คืนหนึ่งเธอฝันว่ามีทหารม้ากลุ่มหนึ่งมาช่วยเหลือเธอ เธอรู้สึกดีใจไม่น้อย แต่นิโคลัสอยู่กับความจริงมากกว่า เขาเชื่อว่าผู้ที่มาช่วยไม่มีอยู่จริง และโอกาสที่จะออกไปที่แห่งนี้เป็นศูนย์

หากแต่ว่าภายในเดือนมิถุนายน นิโคลัสที่ได้ยินแค่เสียงจากนอกบ้านรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นในเมือง เขาคาดไม่ผิด มีอะไรบางอย่างกำลังเกิดขึ้นในเมืองจริงๆ และจะส่งผลต่อชะตากรรมของเขาด้วย

อ่านตั้งแต่ตอนแรกและติดตามต่อได้ใน วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ หรือติดตามตอนที่ 21 ได้ที่นี่

หนังสืออ้างอิงอยู่ ที่นี่

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!