ประวัติศาสตร์รัสเซียครอบครัวซาร์ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย และความอัปยศที่สุดในชีวิตของซาร์นิโคลัสที่ 2 (12)

ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย และความอัปยศที่สุดในชีวิตของซาร์นิโคลัสที่ 2 (12)

ปี ค.ศ.1918 เป็นปีสุดท้ายของครอบครัวโรมานอฟ มันเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนทหารเกือบทั้งหมดที่คอยควบคุมและดูแลรักษาครอบครัวโรมานอฟ

ทหารเหล่านี้เป็นทหารที่ผ่านการปฏิวัติของพวกบอลเชวิคมาหมาดๆ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยว่าพวกทหารเหล่านี้จะหยาบคายและก้าวร้าวต่อครอบครัวโรมานอฟ

พวกเขาเริ่มต้นด้วยการแกะสลักคำพูดที่ลามกไว้ที่เก้าอี้ไม้ภายใต้บ้านที่ทาบอสค์ เมื่อนิโคลัสเห็นมันเข้า เขารีบนำเก้าอี้ไปเก็บทันที แต่พวกทหารก็ยังไม่ลดละ พวกเขาวาดรูปลามกต่างๆ ไว้ที่รั้วที่คุมขังพวกโรมานอฟ เพื่อจงใจให้ทุกคนเห็น และกวนประสาทสี่สาวโรมานอฟเป็นพิเศษ

ปัญหาเรื่องทหารเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ เพราะพวกเขาไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการหยอกล้อด้วยถ้อยคำลามก แต่ปัญหาเรื่องเงินและเรื่องอื่นๆ เป็นปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นมาก

นิโคลัส และลูกๆ ทั้งห้าที่ทาบอสค์

ปัญหาเรื่องเงิน

ก่อนที่คีเรนสกี้จะถูกล้ม เขาได้ใช้เงินของรัฐบาลชั่วคราวในการดูแลความเป็นอยู่ของครอบครัวโรมานอฟ ส่วนเงินเดือนให้กับเหล่าทหารที่ประจำการจะตามมาทีหลัง แต่เมื่อเลนินล้มคีเรนสกี้ไปแล้ว รัฐบาลบอลเชวิคไม่ได้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้พวกทหาร ทำให้โคบีลินสกี้ที่ควบคุมทหารดังกล่าวอยู่ต้องใช้เงินที่เก็บไว้เพื่อดูแลครอบครัวโรมานอฟจ่ายให้พวกทหารไปพลางก่อน

แต่เมื่อหมดเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว โคบีลินสกี้ และทาทิชเชฟต้องเดินทางไปพบกับพ่อค้าใหญ่คนหนึ่งในเมือง โดยได้ยืมเงินมาจำนวน 20,000 รูเบิลเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวโรมานอฟ ทั้งสองได้ใช้ตัวเองเป็นผู้ค้ำประกันเงินจำนวนนี้

ทาทิชเชฟ

หากแต่ว่าภายในไม่นานเงินจำนวนนี้ก็หมดลงไปเช่นเดียวกัน นอกจากนี้รัฐบาลบอลเชวิคยังส่งโทรเลขมาว่าจะมอบเงินประจำเดือนแก่ครอบครัวโรมานอฟเพียง 600 รูเบิลต่อเดือนต่อคนเท่านั้น โดยไม่รวมเหล่าข้าราชบริพาร ดังนั้นเงินที่ครอบครัวโรมานอฟได้จึงมีเพียง 4,200 รูเบิลเท่านั้น

นอกจากนี้หลังจากนั้นไม่นาน รัฐบาลบอลเชวิคก็สั่งโทรเลขมาบอกอีกว่า ตั้งแต่นี้ต่อไป นิโคลัสและครอบครัวจะต้องได้รับการปันส่วนอาหารไม่ต่างอะไรกับประชาชนคนอื่นๆ รัฐบาลบอลเชวิคจึงออกบัตรหมายเลข 54 ให้กับ “นิโคลัส โรมานอฟ” เพื่อใช้ในการปันส่วนอาหาร

บัตรปันส่วนหมายเลข 54 ของนิโคลัส อเล็กซานดรอวิช โรมานอฟ หรือ อดีตซาร์นิโคลัสที่ 2 Cr: Theromanovfamily

สำหรับเรื่องอาหารไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าไรนัก เพราะครอบครัวโรมานอฟรับอาหารจากที่ต่างๆ มากเกินความต้องการ เพราะทั้งเพื่อนๆ และประชาชนแถวนั้นต่างส่งอาหารมายังบ้านอิสรภาพทุกวัน

หากแต่ว่าเงินที่ลดลง ทำให้พวกเขาไม่สามารถจ้างข้าราชบริพารในจำนวนที่มีอยู่ได้อีกต่อไป นิโคลัสไม่ปรารถนาจะไล่ใครออก เขาจึงเชิญโดลโกรูคอฟ ทาทิชเชฟ และโคบีลินสกี้มาปรึกษา ท้ายที่สุดนิโคลัสก็ต้องตัดสินใจเชิญข้าราชบริพารจำนวน 10 คนให้ออกจากงานไป

แต่การให้ข้าราชบริพารออกไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าบางคนได้นำครอบครัวของพวกเขามาด้วยที่ทาบอสค์ ทำให้ไม่ปรารถนาจะออกจากงาน อเล็กซานดราพยายามจะช่วยเหลือพวกเขาด้วยการมอบเงินเดือนสามเดือนเพื่อเป็นค่าตอบแทนที่ให้ออกจากงาน แต่เมื่อตรวจสอบดูในบัญชีแล้ว เธอไม่อาจทำเช่นนั้นได้

ทางเลือกเดียวที่อยู่คือปล่อยให้พวกเขาออกจากงานไป แต่บางคนกลับยืนกรานที่จะอยู่กับครอบครัวโรมานอฟต่อไป โดยปราศจากเงินเดือนสักรูเบิลเดียว เรียกได้ว่าอยู่กันด้วยใจอย่างเต็มเปี่ยม

โชคเป็นของครอบครัวโรมานอฟ เมื่อมีผู้จงรักภักดีที่เปโตรกราดทราบเรื่อง พวกเขาจึงส่งเงินจำนวน 25,000 รูเบิลมาให้ครอบครัวโรมานอฟ ทำให้ปัญหารายจ่ายหยุดลงไปพักใหญ่ๆ

อัปยศที่สุดในชีวิต

เมื่อเดือนมีนาคมมาถึง ข่าวอันเลวร้ายที่สุดก็มาเข้าหูนิโคลัสที่บ้านอิสรภาพ มันเจ็บปวดยิ่งกว่าทุกสิ่งที่เขาเผชิญมา ความอัปยศใดๆที่เขาประสบมาไม่มีสิ่งใดเทียบได้กับสิ่งนี้

สิ่งที่ว่าก็คือ การที่พวกบอลเชวิคเซ็นสัญญาสงบศึกกับเลนินที่ Brest-Litovsk โดยรัสเซียสูญเสียดินแดนมหาศาลให้กับเยอรมนี นิโคลัสรู้สึกเจ็บปวดมาก เพราะเขาคิดมาตลอดว่าการเสียสละของเขาจะทำให้รัสเซียได้ชัยชนะในบั้นปลาย

นิโคลัสบรรยายความเจ็บปวดของเขาไว้ในไดอารี่ว่า

บางครั้งฉันรู้สึกว่าฉันไม่เหลือพลังใดๆที่จะเหลือไว้อดทนอีกแล้ว ไม่เหลือสิ่งใดให้หวัง ไม่เหลือสิ่งใดๆให้ต้องการ

สนธิสัญญา Brest-Litovsk จึงเป็นฟ้าผ่าลงที่กลางใจของนิโคลัส เขาเรียกมันว่าเป็นการฆ่าตัวตายสำหรับรัสเซีย นิโคลัสบรรยายต่อไปว่ามันเหมือนกับฝันร้าย ทุกสิ่งที่เขาได้รับมาจากซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 ถูกทำลายจนหมดสิ้นไปแล้ว

ในความเป็นจริง สนธิสัญญานี้เป็นสิ่งที่อัปยศจริงๆ สำหรับรัสเซีย แม้แต่ทรอตสกี้และพวกบอลเชวิคระดับสูงหลายคนเองก็ยังส่ายหน้า บางคนถึงกับไม่อยากจะยุ่งกับสนธิสัญญาฉบับนี้ เพราะว่าชื่อของตนจะมัวหมองไปชั่วลูกชั่วหลาน

นิโคลัสยังตกตะลึงด้วยที่จักรวรรดิวิลเฮล์มที่ 2 ญาติและศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ของเขายอมจับมือกับพวกบอลเชวิค

นิโคลัสกล่าวว่า

ฉันไม่คิดเลยว่าจักรวรรดิวิลเฮล์มและรัฐบาลเยอรมันจะมาจับมือกับพวกจอมทรยศที่น่าอนาถได้ (พวกบอลเชวิค)

แต่นิโคลัสไม่เคยรู้เลยว่า รัฐบาลเยอรมันนี่แหละเป็นผู้มอบเงินทองและรถไฟพิเศษให้เลนินกลับมารัสเซียจากสวิสเซอร์แลนด์!

นิโคลัสยังได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจด้วยว่า

นิโคลัสและลูกๆ ที่ทาบอสค์

แต่พวกเขา (เยอรมัน) จะไม่ได้อะไรหรอก สิ่งนี้จะไม่ได้ช่วยพวกเขาจากความพินาศ

คำกล่าวของนิโคลัสเป็นจริง เพราะเยอรมนีแพ้สงครามและต้องยกเลิกสนธิสัญญา Brest-Litovsk ไป และระบอบกษัตริย์เยอรมันก็ถูกล้มเลิกไม่ได้ต่างอะไรกับรัสเซีย

กิลเลียต หนึ่งในติวเตอร์เล่าว่า ข่าวสนธิสัญญา Brest-Litovsk ส่งผลอย่างมากต่อจิตใจของนิโคลัส เขามีอาการซึมเศร้าและมันได้แสดงออกอย่างชัดเจนบนร่างกายของเขา นิโคลัสดูมีอายุขึ้นอย่างรวดเร็ว หนวดเคราก็มีแต่สีขาว ทั้งๆ ที่เขายังอายุไม่ถึง 50 ปี

ต่อมา นิโคลัสก็ได้ข่าวว่าไกเซอร์เยอรมัน ญาติของเขาขอให้พวกบอลเชวิคส่งตัวนิโคลัสและครอบครัวให้กับเยอรมนีโดยปราศจากรอยขีดข่วน เพียงเท่านี้นิโคลัสและอเล็กซานดราก็ไม่พอใจอย่างยิ่งด้วยความรักชาติอย่างเต็มเปี่ยม

นิโคลัสกล่าวว่า

คงจะเป็นความพยายามที่จะดิสเครดิต หรือ เหยียดหยามฉันอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่

ฝ่ายอเล็กซานดรานั้น ถึงแม้ว่าเธอจะโดนโจมตีมาตลอดว่าสายลับเยอรมัน แต่จริงๆ แล้วเธอรักและจงรักภักดีกับรัสเซียมาโดยตลอด เธออดใจไม่ไหวและพูดขึ้นว่า

ฉันยอมตายในรัสเซียดีกว่าได้รับการช่วยเหลือจากพวกเยอรมัน

คำกล่าวของอเล็กซานดราราวกับว่าเป็นลาง เพราะในอีกไม่กี่เดือน เธอจะได้สิ้นชีวิตในแผ่นดินที่เธอรักอย่างที่เธอว่าไว้

ช่วงเวลาหลังจากที่ทหารใหม่เข้าประจำการนี้ เป็นช่วงที่ครอบครัวโรมานอฟเริ่มจะคิดอย่างจริงจังว่า วันใดวันหนึ่งทุกคนคงจะถูกพวกทหารเหล่านี้สังหาร ความผิดหวัง ความโศกเศร้า และความกลัว ทำให้ทุกคนใช้พระเจ้าเป็นที่พึ่งพิงจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต

คำถามที่น่าสนใจที่เป็นที่พูดถึงบ่อยครั้งคือ แล้วทำไมไม่มีใครมาช่วยครอบครัวโรมานอฟเลย ผมจะตอบคำถามนี้ในตอนหน้าครับ

อ่านตั้งแต่ตอนแรกและติดตามตอนต่อไป ได้ที่ วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ หรือดิดตามตอนที่ 13 ได้ที่นี่

หนังสืออ้างอิงอยู่ที่นี่

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!