ประวัติศาสตร์รัสเซียครอบครัวซาร์เมื่อซาร์องค์สุดท้ายถูก "คุมขัง" ที่บ้าน "อิสรภาพ" ณ ถนน "อิสรภาพ" (8)

เมื่อซาร์องค์สุดท้ายถูก “คุมขัง” ที่บ้าน “อิสรภาพ” ณ ถนน “อิสรภาพ” (8)

นิโคลัสและครอบครัวเดินทางมาถึงทาบอสค์หลังจากเดินทางมาด้วยรถไฟและเรือเป็นเวลารวมกันถึงหนึ่งสัปดาห์ สุดท้ายแล้วพวกเขากลับมาถึงเมืองทาบอสค์อันเป็นจุดมุ่งหมายเสียที

เมื่อคณะของนิโคลัสมาถึงแล้ว โคบีลินสกี้ ผู้บังคับบัญชาทหารที่ติดตามมาทั้งหมดได้ขึ้นไปพร้อมกับ ทาทิชเชฟ และโดลโกรูคอฟ ข้าหลวงคนสำคัญของนิโคลัสที่ติดตามมาด้วย ทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังบ้านที่เคยเป็นที่พักอาศัยเก่าแก่ของผู้ว่าราชการเมืองนี้ อันเป็นสถานที่ที่คีเรนสกี้ได้วางแผนให้ครอบครัวซาร์มาอยู่ที่นี่

บ้านหลังนี้มีชื่อว่า บ้าน “อิสรภาพ” มันตั้งอยู่บนถนนที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็น “อิสรภาพ” การที่ทุกคนต้องมาถูก “คุมขัง” โดยสูญสิ้นอิสรภาพที่นี่ มันช่างเป็นตลกร้ายเสียจริงๆ

บ้านอิสรภาพ (Freedom House) ที่ทาบอสค์ ในปี ค.ศ.1920 สองปีเศษหลังจากที่ครอบครัวซาร์เข้ามาอาศัยอยู่

ยับยั้งการขึ้นฝั่ง

สองชั่วโมงผ่านไป โคลีบินสกี้และคณะก็เดินทางกลับมายังเรือที่นิโคลัสและครอบครัวพำนักอยู่ เมื่อเข้ามาถึง เขาก็แจ้งให้นิโคลัสทราบว่า พวกเขาทั้งหมดจะขึ้นฝั่งไม่ได้ในเวลานั้น

โคบีลินสกี้และคณะแจ้งว่าบ้านหลังดังกล่าวทรุดโทรมและสกปรกมาก ห้องน้ำก็สกปรกเกินกว่าที่จะมีใครอยู่ได้ในเวลานั้น สาเหตุคือพวกแรงงานที่สังกัดสภาโซเวียตได้เข้าไปอยู่เมื่อสามวันก่อน และทิ้งมันไปโดยที่ไม่ได้ทำความสะอาดเลย เฟอร์นิเจอร์ในบ้านก็ถูกพวกคนเหล่านั้นขโมยออกไปจนหมด ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ พรม หรือแม้กระทั่งอ่างล้างหน้าก็ไม่เหลือเลยแม้แต่น้อย

ที่สำคัญที่สุด ทั้งบ้านเต็มไปด้วยขยะ เรียกได้ว่ามีอยู่แทบทุกย่างก้าวของบ้านเลยก็ว่าได้

ดังนั้นโคบิลินสกี้จึงขอให้นิโคลัสและครอบครัวอยู่บนเรือไปก่อน นิโคลัสเองไม่มีทางเลือกนอกจากยอมปฏิบัติตามคำขอ

เที่ยวชมทาบอสค์

โคบีลินสกี้ได้จ้างช่างต่างๆ มาบูรณะตัวบ้านโดยด่วน พวกเขาวางระบบไฟฟ้าใหม่ ซื้อเฟอร์นิเจอร์มาวางให้เรียบร้อย รวมมาถึงล้างห้องน้ำ และจัดการกับขยะที่วางอยู่รายรอบ

นางกำนัลอย่างแอนนา เดมิโดวาได้ออกไปซื้อของต่างๆ ในเมือง เช่น พรม เทียน และอุปกรณ์ที่ใช้ซักผ้าต่างๆ เดมิโดวารู้สึกดีใจที่เห็นสินค้าหลายอย่างกำลังลดราคา แต่เมื่อเธอไปเช็คดูป้ายราคาถึงกับตกตะลึง เพราะราคาที่ลดมาแล้วยังแพงกว่าราคาทั่วไปในเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กมากมาย

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า พวกชาวเมืองทราบว่า ครอบครัวซาร์กำลังจะมาอาศัยอยู่ที่นั่น และต้องการของเหล่านี้ พวกเขาจึงฉวยโอกาสหากำไรนั่นเอง เดมิโดวาจำต้องตัดใจจากสิ่งของเหล่านั้นเพราะมันแพงเกินควร

สำหรับนิโคลัสและครอบครัวแล้ว พวกเขาได้รับแจ้งว่าการบูรณะบ้านต้องใช้เวลาหลายวัน ทำให้พวกเขาต้องอาศัยอยู่บนเรือไปก่อน โคบีลินสกี้คิดว่าครอบครัวโรมานอฟคงจะเบื่อ เขาจึงให้เรือรูสล่องไปมาตามแม่น้ำ Tobol และ Irtysh ซึ่งเป็นแม่น้ำทั้งสองของเมือง และอนุญาตให้นิโคลัสเดินเล่นริมฝั่งแม่น้ำได้ในบริเวณที่ผู้คนไม่ค่อยอาศัยอยู่

ทาบอสค์ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20

แปดวันผ่านไป บ้านก็เสร็จในระดับหนึ่ง นิโคลัสและครอบครัวจึงได้รับการเชิญให้ขึ้นเดินทางไปสู่ “บ้านอิสรภาพ” บ้านที่จะเป็นที่คุมขังเขาและครอบครัวไปอีกหลายเดือน

สมาชิกทั้งหมดในครอบครัวต้องเดินลงจากเรือและเดินอีกกิโลกว่าๆ เพื่อไปยังบ้านด้วยสองเท้าของตนเอง มีแต่เพียงอเล็กซานดราเท่านั้นที่เดินไม่ไหว เธอเลยต้องขึ้นรถม้าไปกับทาเทียน่า ลูกสาวคนที่สองของเธอ สำหรับนิโคลัสแล้ว เขาไม่มีปัญหาอะไรกับการเดิน เขาชอบการเดินเล่นเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว อีกประการหนึ่งเขาเองก็ทราบดีว่าหลังจากนี้ โอกาสจะออกมานอกบ้านอย่างง่ายๆ คงไม่มีอีกแล้ว

ระหว่างที่นิโคลัสกำลังเดินทางมายังบ้านอิสรภาพ ผู้คนจำนวนมากมาย (แมดเวเดฟ ผู้เห็นเหตุการณ์เหล่าว่าน่าจะทั้งเมือง) ที่ได้ทราบข่าว ต่างมามุงดูนิโคลัสและครอบครัวที่ท่าเรือ สายตาของพวกเขาพุ่งไปยังชายวัยกลางคนร่างเล็กที่สวมเสื้อคลุม Khaki และกางเกงขายาวอย่างเรียบง่าย

หลังจากนั้นทุกคนในเมืองก็ได้ทราบว่า ผู้ที่อยู่ในบ้านอิสรภาพนั้นคือใคร?

เข้าสู่บ้านอิสรภาพ

ภายในเวลาไม่กี่นาที ทั้งหมดเดินมาถึงบ้านขนาดใหญ่สีขาวที่มีสองชั้น ครอบครัวโรมานอฟเข้าอาศัยในชั้นสองหรือชั้นบนสุดของบ้าน นิโคลัสและอเล็กซานดราอาศัยอยู่ในห้องหนึ่งร่วมกัน อีกห้องหนึ่งที่ติดถนนเป็นห้องของสี่สาว โอลกา ทาเทียน่า มาเรีย และอนาสตาเซีย ที่ต้องแบ่งกัน ส่วนอีกห้องหนึ่งเป็นของอเล็กเซย์ และ นาโกนี กะลาสีเรือที่คอยดูแลเขาตลอด 24 ชั่วโมง

บ้านอิสรภาพยังใหญ่พอที่จะมีห้องให้นิโคลัสได้อ่านหนังสือ ห้องให้อเล็กซานดราได้วาดภาพ และห้องโถงสำหรับสมาชิกครอบครัวจะได้ทำพิธีทางศาสนา

ดังนั้นอาจจะกล่าวได้ว่า สถานที่แห่งนี้ก็ดีไม่น้อยสำหรับ “นักโทษ”

บริเวณที่เหลือของบ้านถูกจัดสรรให้กับเหล่าข้าราชบริพารและเหล่าทหารที่ติดตามมา อาทิเช่น โคบีลินสกี้ ส่วนข้าราชบริพารที่เหลือถูกสั่งให้ไปอยู่บ้านคอร์นีลอฟ บ้านหลังใหญ่อีกหลังที่อยู่ข้างๆ ที่มีสภาพทรุดโทรมยิ่งไปกว่าบ้านอิสรภาพแห่งนี้เสียอีก

ห้องโถงในบ้านถูกเปลี่ยนให้เป็นโบสถ์ให้กับครอบครัวโรมานอฟผู้เคร่งศาสนา

หลังจากจัดสรรที่อยู่กันลงตัวแล้ว ครอบครัวโรมานอฟทั้งหมดเริ่มนำสิ่งของที่เอามาด้วยจากพระราชวังอเล็กซานเดอร์ออกจากกระเป๋า ถึงแม้จะมีเวลาเก็บของเพียงไม่ถึงสองวันเต็ม แต่อเล็กซานดราสามารถเอาข้าวของมาได้มากอย่างที่เรียกว่าไม่น่าเชื่อ

อเล็กซานดราเอาอัลบั้มรูปของครอบครัวจำนวนมากมายติดมาด้วย รวมไปถึงกล้องถ่ายรูป เครื่องเล่นเสียง จานชามที่ทำจากเงิน ผ้าปูโต๊ะ ไดอารี่และจดหมายทั้งหมดของนิโคลัสก็ถูกหอบหิ้วมาด้วยเช่นกัน

ถึงกระนั้นดูเหมือนว่า เธอจะไม่ใส่ใจกับเสื้อผ้าเลยแม้แต่น้อย เธอและสี่สาวนำเสื้อผ้าอย่างง่ายๆ เท่านั้นมายังทาบอสค์

สำหรับโคบีลินสกี้แล้ว เดิมทีเขาต้องการให้ครอบครัวโรมานอฟเข้าออกนอกบ้านได้พอสมควร อย่างเช่นในคืนวันแรก เขาอนุญาตให้ครอบครัวโรมานอฟออกจากบ้าน และไปดูว่าบ้านคอร์นีลอฟที่พวกข้าราชบริพารอาศัยอยู่เป็นอย่างไรบ้าง

แต่พวกทหารที่ติดตามมาด้วยกลับรวมตัวกันบอกโคบีลินสกี้ว่าเขาไม่ควรอนุญาตให้ครอบครัวโรมานอฟออกไปไหนมาไหนได้ตามชอบใจเช่นนี้ โคบีลินสกี้จึงต้องสั่งให้พวกทหารไปนำรั้วไม้มากั้นรอบๆ บ้าน และไม่ให้ครอบครัวโรมานอฟออกไปไหนมาไหนโดยไม่จำเป็น

หากแต่ว่าสำหรับพวกข้าราชบริพารแล้ว โคบีลินสกี้และพวกทหารไม่มีอำนาจจะยับยั้งได้ พวกเขาสามารถไปไหนมาไหนได้ตามแต่ที่ใจจะปรารถนา นายแพทย์ Botkin ที่ติดตามมาด้วยถึงกับเปิดคลีนิกขึ้นที่เมืองทาบอสค์เพื่อรักษาชาวบ้านและหารายได้เสริม

ความรู้สึกหดหู่

เมื่อแรกๆ ที่มาอยู่ที่ทาบอสค์นั้น ครอบครัวโรมานอฟรู้สึกหดหู่ไม่น้อย ทุกคนรู้สึกอึดอัดที่ต้องถูกจับตามอง และไม่สามารถออกไปไหนได้เลย สวนในบ้านก็เล็กเกินกว่าจะทำกิจกรรมอย่างการปลูกผัก ปลูกต้นไม้ดอกไม้อะไรได้ ทำให้ครอบครัวโรมานอฟที่เคยชินกับการเดินเล่นรู้สึกหดหู่

โดยเฉพาะในสองสามวันแรกที่พวกเขาช่วยกันจัดรูปที่นำมาด้วยให้เป็นระเบียบ ไม่ต้องสงสัยว่ารูปเหล่านี้ยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกสะเทือนใจยิ่งขึ้นไปอีก

นิโคลัสจึงขอให้โคบีลินสกี้ช่วยเหลือ โคบีลินสกี้ช่วยตามแต่ที่จะทำได้ เขาจัดสรรด้านหลังของบ้านส่วนหนึ่งให้เป็นที่ออกกำลังกายของครอบครัวอย่างง่ายๆ เพียงเท่านี้ครอบครัวโรมานอฟก็รู้สึกดีขึ้นมาก

นิโคลัสกำลังลำเลียงไม้ให้โอลกาใช้ขวานสับ กิจกรรมดังกล่าวเป็นที่โปรดปรานของครอบครัวโรมานอฟที่ทาบอสค์

โดลโกรูคอฟ ข้าราชบริพารคนหนึ่งเล่าว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงจะรู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหว เพราะจากที่เคยทำอะไรก็ได้ในฐานะจักรพรรดิกลับกลายเป็นนักโทษที่ไม่มีสิทธิเสรีภาพใดๆ หลงเหลืออยู่เลย แต่ครอบครัวโรมานอฟกลับปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในทาบอสค์ได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกคนไม่เคยบ่นและเรียกร้องหาความหรูหราอย่างที่เคยได้รับเลย

ที่พึ่งทางใจของนิโคลัส อเล็กซานดรา โอลกา ทาเทียน่า มาเรีย อนาสตาเซีย และอเล็กเซย์ในขณะนั้นคือศาสนา โดยเฉพาะอเล็กซานดรา ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ทั้งหมดได้กลายเป็นนักบุญในศาสนาคริสต์นิกายออโธดอกซ์ในเวลาต่อมา

อ่านตั้งแต่ตอนแรกและติดตามตอนต่อไปได้ใน วันสุดท้ายแห่งราชวงศ์โรมานอฟ หรือติดตามตอนที่ 9 ได้ที่นี่

หนังสืออ้างอิงอยู่ที่นี่

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!