ทุกอย่างต้องดำเนินมาถึงจุดจบ ครอบครัวและราชวงศ์โรมานอฟเช่นกัน 16 กรกฎาคม 1918 เป็นวันสุดท้ายที่ทุกคนจะมีชีวิตอยู่ครบ 24 ชั่วโมง
สำหรับนิโคลัสแล้ว เขาไม่ต้องการต่อต้านอะไรอีกต่อไป เขายอมรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเต็มใจ ในช่วงเวลาสุดท้ายนิโคลัสรู้สึกว่า แม้แต่พวกบอลเชวิคเอง เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธแค้น โอลกาเล่าความรู้สึกของนิโคลัสผ่านไปยังเพื่อนคนหนึ่งว่า
พ่อต้องการบอกไปยังทุกๆคนที่จงรักภักดีต่อเขา และผู้คนที่พวกเขามีอิทธิพลอยู่ว่า โปรดอย่าได้ล้างแค้นให้กับเขา เขาได้ยกโทษและสวดภาวนาให้กับทุกคนแล้ว แต่โปรดจำไว้ว่าปีศาจที่อยู่บนโลกในเวลานั้นกำลังจะมีอานุภาพมากกว่านี้ และไม่ใช่ปีศาจที่สยบปีศาจได้ มีแต่เพียงความรักเท่านั้น
ถ้าปีศาจที่นิโคลัสว่าหมายถึงพวกบอลเชวิค คำกล่าวของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับคำทำนายที่แม่นยำ เพราะหลังจากที่เขาจากไปแล้วไม่นาน เลนินได้เริ่มต้นการกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามหรือที่เรียกกันว่า Red Terror การกวาดล้างลักษณะนี้ขึ้น “มีอานุภาพ” สูงสุดในสมัยของสตาลิน หรือที่เรียกว่า Great Purge นั่นเอง ทั้งสองเหตุการณ์มีผู้เสียชีวิตรวมกันนับสิบล้านคน
15 กรกฎาคม
วันที่ 15 กรกฎาคมดำเนินไปอย่างไม่มีเหตุการณ์อะไรสำคัญนัก ครอบครัวโรมานอฟดำเนินชีวิตไปอย่างปกติ นิโคลัสอ่านหนังสือ อเล็กซานดราก็เย็บปักถักร้อยไปตามเรื่องของเธอ อเล็กเซย์นอนอยู่บนเตียงด้วยอาการป่วยเช่นเดิม ส่วนสี่สาวก็ช่วยคาริโตนอฟทำอาหารและช่วยเดมิโดวาซักผ้า
เรื่องที่แปลกของวันนั้นคือ ยูรอฟสกี้มาเล่นเกมกับครอบครัวโรมานอฟด้วย!
เมื่อมีประกาศออกมาแน่นอนในวันที่ 14 กรกฎาคมแล้วว่า คณะกรรมาธิการอูรัลจะให้สังหารครอบครัวโรมานอฟ ยูรอฟสกี้และพวกเชกาคนอื่นๆ จึงไปสำรวจจุดที่จะใช้โยนศพมาไม่กี่ชั่วโมงก่อน
จิตใจของยูรอฟสกี้จึงแข็งมาก เขาถึงมาทำเล่นสนุกกับคนที่เขากำลังจะสังหารในอีกไม่กี่วันได้
ในความเป็นจริงแล้ว ยูรอฟสกี้จงใจมาเล่นเกมเพื่อกลบเกลื่อน และทำทุกอย่างให้เป็นปกติที่สุด ครอบครัวโรมานอฟจะได้ไม่สงสัย ทุกอย่างจะได้จบลงอย่างง่ายดาย
ระหว่างนั้นเองยูรอฟสกี้ได้ให้แม่บ้านสี่คนเข้ามาในบ้านเพื่อทำความสะอาด พวกเธอทั้งสี่คือประชาชนทั่วไปกลุ่มสุดท้ายที่ได้เห็นครอบครัวโรมานอฟยังมีชีวิต ซีโมโนวา (Семёнова) แม่บ้านคนหนึ่งเล่าว่า เธอเห็นสี่สาวโรมานอฟสดใสและมีกำลังใจดีมาก
ซีโมโนวาดีใจมากที่มีโอกาสเห็นครอบครัวโรมานอฟอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ แม้ว่าเธอไม่ได้รับอนุญาตให้พูดกับพวกเขาก็ตาม ถึงแม้ตัวเธอเป็นหญิงชาวบ้านในเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของพวกบอลเชวิคในแถบนี้ เธอยังคงรักและจงรักภักดีต่อครอบครัวโรมานอฟ ในช่วงวันอีสเตอร์ เธอก็เป็นหนึ่งในชาวบ้านที่ส่งของขวัญมาให้ครอบครัวโรมานอฟที่บ้านอิปาตเยฟ
เมื่อได้พบพาน ซีโมโนวารู้สึกว่าสี่สาวในเวลานั้นไม่ใช่เจ้าหญิงอย่างที่เธอเคยจินตนาการ สี่สาวสวมใส่เสื้อผ้าโทรมๆ ยิ่งกว่าเสื้อผ้าของซีโมโนวาด้วยซ้ำไป แต่พวกเธอยังมีความสดใสและความน่ารัก ซีโมโนวาอธิบายว่าการสบสายตากับพวกเธอเป็นของขวัญอันมีค่ามากสำหรับเธอ
ซีโมโนวาแอบพูดกับสี่สาวเบาๆ ว่า
ได้โปรดพระเจ้า พวกท่านจะไม่ได้อยู่ภายใต้พวกปีศาจอีกนานนักหรอก
หนึ่งในสี่สาวขอบคุณคำอวยพรของซ๊โมโนวาอย่างเงียบๆ
คำอวยพรของซีโมโนวาดูเหมือนว่าเป็นลางร้ายเสียมากกว่า เพราะอีกไม่นานครอบครัวโรมานอฟไม่ได้อยู่ในการควบคุมของพวกบอลเชวิคอีกแล้ว พวกเขาจะจากโลกนี้ไปนั่นเอง
สำหรับชาวบ้านรัสเซียแล้ว พวกเขามองซาร์แห่งรัสเซียเหมือนดั่งเทพเจ้าลงมาจุติบนโลกมนุษย์ แต่สภาพของนิโคลัสที่ซีโมโนวาเห็นในวันนั้น ทำให้จินตนาการของเธอเกี่ยวกับซาร์แห่งรัสเซียพังทลาย เธอบันทึกไว้ว่า เธอได้เห็น
ชายร่างเล็กที่ดูจืดชืด ร่างของเขาเล็กกว่าภรรยาของเขา และดูเรียบง่ายกว่า เขาดูเหมือนกับประชาชนทั่วไปมาก และห่างไกลจากความสมบูรณ์ทางด้านกายภาพ ผมของเขาบางมาก และบางส่วนก็ล้านเป็นหย่อมๆ ขาของเขาสั้นเกินไปสำหรับตัวของเขา
สำหรับอเล็กซานดราแล้ว ซีโมโนวาอธิบายว่าเธอยังดูเหมือนซาริซาเช่นเดิม เธอรู้สึกว่าตาของอเล็กซานดราเศร้ามากและเปี่ยมไปด้วยความทุกข์
หลังจากที่พวกเธอทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้ว หญิงทั้งสี่ก็ออกจากบ้านไป พวกเธอไม่รู้เลยว่าพวกเธอเป็นคนสุดท้ายที่ได้เห็นครอบครัวโรมานอฟมีชีวิต (นอกจากพวกบอลเชวิค)
นี่คือเหตุการณ์สำคัญอย่างเดียวที่เกิดที่บ้านอิปาตเยฟในวันที่ 15 กรกฎาคม
เช้า 16 กรกฎาคม
เช้าวันที่ 16 กรกฎาคม ยูรอฟสกี้ถูกเรียกตัวไปประชุมโดยเบโลบาโรดอฟ เขาได้รับแจ้งว่าการสังหารจะล่าช้าต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะกองทัพของพวกบอลเชวิคกำลังถูกตีแตกทุกแนวรบที่เข้าสู่เมืองเยกาเตรินเบิร์ก
ยูรอฟสกี้รู้สึกกังวลเพราะเขามีเวลาเตรียมตัวไม่มาก สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือความวุ่นวายและความไร้ระเบียบที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างและหลังการสังหารครอบครัวโรมานอฟ
ความยากของภารกิจนี้คือ ยูรอฟสกี้จะสังหารพวกเขาอย่างไรโดยที่ไม่มีใครรู้เห็น และต้องทำลายศพทั้งหมดเพื่อไม่ให้พวกนิยมกษัตริย์นำไปเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจด้วย นี่เป็นคำสั่งที่เขาได้รับมาจากคณะกรรมาธิการอูรัล
ยูรอฟสกี้และนิคูลินใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงเศษในการวางแผนว่าจะทำอย่างไรกันดี ในที่สุดทั้งสองก็พบว่าจะนำตัวพวกโรมานอฟลงไปที่ห้องใต้ดิน หลังจากนั้นจะสังหารพวกเขาด้วยการยิงเพื่อที่ทุกอย่างจะจบลงโดยเร็วที่สุด ทั้งสองตกลงกันเรียบร้อยกันในเวลา 11.30 น.
ระหว่างนั้นเอง ครอบครัวโรมานอฟก็กำลังทำภารกิจลับอยู่เช่นกัน เสียงความวุ่นวายภายนอกเมืองที่เกิดจากการอพยพหนีของพวกบอลเชวิคทำให้นิโคลัสและครอบครัวทราบว่า อีกไม่นานพวกเขาอาจจะถูกนำตัวไปที่อื่นอีก อเล็กซานดราและสี่สาวจึงช่วยกันจัดการกับพวกอัญมณีที่แอบไว้ด้วยการนำมาติดกับเสื้อให้มั่นคง
หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติเหมือนกับทุกวัน สี่สาวโรมานอฟ (ยกเว้นโอลกา) มีกำลังใจที่ดี โดยเฉพาะมาเรียและอนาสตาเซีย สองสาวคนสุดท้องของบ้าน
บ่าย 16 กรกฎาคม
ชีวิตของครอบครัวโรมานอฟในวันสุดท้ายนี้ดำเนินอย่างเรียบง่ายอย่างเช่นทุกวัน นิโคลัสอ่านหนังสือ อเล็กซานดราเย็บปักถักร้อย สี่สาวก็หาอะไรทำอย่างที่พวกเธอทำเป็นประจำ จนกระทั่งถึงเวลาประมาณบ่ายสามโมง ทุกคนยกเว้นอเล็กซานดราก็ออกไปวิ่งเล่นภายนอกบ้าน การออกมาวิ่งเล่นครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ทุกคนได้เห็นโลกภายนอก
ครอบครัวโรมานอฟไม่ได้สังเกตเลยว่า ในวันนั้นยูรอฟสกี้ไม่ได้อยู่บ้านเลย เขาอยู่ข้างนอกตลอดเวลา
ยูรอฟสกี้ได้รับคำสั่งให้สังหารครอบครัวโรมานอฟอย่างเป็นทางการในเวลาบ่ายสองโมง ตัวเขารีบเดินทางไปหาเบโลบาโรดอฟ และโกโลเชคิน และแจ้งให้ทราบว่า เขาไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องสังหารลีโอนิต เซตเนฟ หลานชายที่มีอายุไม่กี่ขวบของอีวาน เซดเนฟ ข้าราชบริพารคนหนึ่งที่ถูกนำตัวออกไปจากบ้านแล้ว (ในเวลานั้นอีวานถูกสังหารไปแล้วพร้อมกับนากอร์นี)
คำขอของยูรอฟสกี้ประสบความสำเร็จ เขารีบกลับมายังบ้านอิปาตเยฟและนำตัวเซตเนฟออกมาจากบ้านทันที เขาอ้างว่าอีวาน อาของเขาต้องการพบเขา ยูรอฟสกี้เล่าว่าเด็กน้อยรู้สึกดีใจระหว่างที่ถูกพาตัวออกไป
ครอบครัวโรมานอฟรู้สึกเสียใจมากที่เซดเนฟต้องจากพวกเขาไปอีกคนหนึ่ง คนที่ถูกพวกบอลเชวิคนำตัวออกไปยังไม่เคยได้กลับมาเลย และเซตเนฟก็เป็นเพื่อนเล่นให้กับอเล็กเซย์ด้วย นายแพทย์บอทกินจึงมาถามเรื่องว่าเซดเนฟไปที่ใด ยูรอฟสกี้ก็ได้แต่บอกว่าเด็กชายไปอยู่กับอาเท่านั้น
เซตเนฟถูกส่งตัวไปยังบ้านพักของพวกทหารยามและอยู่ที่นั่นตลอดทั้งคืน เขาจะได้ยินเสียงการสังหารเล็ดลอดออกมาจากบ้านอิปาตเยฟ
เย็น 16 กรกฎาคม
ครอบครัวโรมานอฟรับประทานอาหารค่ำและใช้เวลาช่วงเย็นของวันสุดท้ายอย่างปกติสุข ทุกคนไม่รู้เลยว่าที่ชั้นล่าง ยูรอฟสกี้กำลังวางแผนสังหารพวกเขาทุกคนอยู่
ยูรอฟสกี้ไม่ต้องการให้การสังหารยุ่งยาก เขาไม่ต้องการให้นักโทษทรมานที่จะนำมาซึ่งความวุ่นวาย เขาต้องการให้ทุกอย่างจบลงด้วยความเรียบร้อยโดยเร็วที่สุด ดังนั้นมือสังหารจะได้รับการจัดสรรเป้าหมาย แต่ละคนจะได้รับหน้าที่ให้ยิงนักโทษที่แตกต่างกัน ถ้าเป็นอย่างที่วางแผนกันไว้ ทุกอย่างจะจบลงในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที
พวกมือสังหารอ้างในภายหลังว่า พวกเขาไม่ต้องการให้ครอบครัวโรมานอฟทุกข์ทรมานจากการเห็นคนในครอบครัวจากไป นั่นเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พวกเขาเลือกใช้แผนการนี้
ทีมมือสังหารได้ถูกเลือกโดยตัวยูรอฟสกี้ โดยประกอบด้วย ตัวยูรอฟสกี้เอง นิคูลิน เยอร์มาคอฟ คูดริน เมดเวเดฟและพวก Letts อีกหกคน
แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นเมื่อ พวก Letts เชื้อสายฮังกาเรียนสองคนปฏิเสธที่จะยิงผู้หญิง ดังนั้นยูรอฟสกี้ตัดสินใจไม่ให้พวกเขาเข้าร่วมการยิงสังหารเลย จำนวนมือสังหารจึงเหลือเพียง 9 คน
ปัญหาที่ยูรอฟสกี้ต้องคิดต่อไปคือ เขาจะใช้ปืนอะไรดีเพราะเขาต้องการให้มีเสียงลอดออกมาน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าใช้ปืนไรเฟิล เสียงจะดังเกินไป ผลสุดท้ายทุกคนก็ตกลงกันได้ว่าจะใช้ ปืน Mausers, Colt, Browning, Revolver ตามแต่ที่แต่ละคนชอบ
ยูรอฟสกี้ได้รับแจ้งจากคณะกรรมาธิการว่าให้ลงมือได้เมื่อรถบรรทุกศพเดินทางมาถึงบ้านอิปาตเยฟ โดยคนขับรถจะใช้รหัสลับว่า трубочист (Trubochist) หรือ“คนกวาดปล่องไฟ” เมื่อตระเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ยูรอฟสกี้จึงให้พวกมือสังหารแยกย้ายกันไปพักผ่อนรอเวลาลงมือ ส่วนตัวเขาออกไปสั่งให้พวกทหารนอกบ้านอย่าได้สนใจ ถ้ามีเสียงปืนดังขึ้นในบ้าน
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ยูรอฟสกี้จึงเดินขึ้นไปตรวจตราที่ชั้นสองที่สมาชิกครอบครัวโรมานอฟพักผ่อนอยู่ ทุกคนรับประทานอาหารเสร็จแล้ว และรวมตัวกันเพื่อทำพิธีสวดมนต์ หลังจากนั้นครอบครัวโรมานอฟและข้าราชบริพารก็แยกย้ายกันไปนอน อเล็กซานดราได้เล่นเกม Bezique (ไพ่ชนิดหนึ่ง) กับนิโคลัสในห้อง
เมื่อเล่นเกมเสร็จแล้ว อเล็กซานดราบรรจงเขียนไดอารี่ของเธอในวันสุดท้าย ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการบันทึกชีวิตประจำวันของเธอ จนกระทั่งถึงเวลาประมาณสี่ทุ่มครึ่ง ทุกคนก็เข้านอน
ภายในอีกไม่กี่ชั่วโมง การหลับใหลอันไม่มีที่สิ้นสุดของครอบครัวโรมานอฟจะเริ่มต้นขึ้น
อ่านตั้งแต่ตอนแรก และติดตามตอนต่อไปได้ที่ วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ ติดตามตอนที่ 26 ได้ที่นี่
หนังสืออ้างอิงอยู่ ที่นี่