เอเชียญี่ปุ่นเมืองเกียวโต (Kyoto) เมืองหลวงเก่าญี่ปุ่นมีที่เที่ยวไหนน่าไปบ้าง

เมืองเกียวโต (Kyoto) เมืองหลวงเก่าญี่ปุ่นมีที่เที่ยวไหนน่าไปบ้าง

เกียวโต (Kyoto) เป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เพราะมีสถานะเป็นเมืองหลวงเก่า และเป็นที่ประทับขององค์พระจักรพรรดิมานานกว่า 11 ศตวรรษ ตัวเมืองจึงอุดมไปด้วยกลิ่นอายของศิลปวัฒนธรรมญี่ปุ่นโบราณ อย่างที่จะหาเมืองใดมาเทียบได้ยาก

ปัจจุบันเกียวโตมีสถานะเป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรม และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น คนไทยที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นเองก็นิยมมาเที่ยวเมืองแห่งนี้เป็นเมืองแรกๆ อีกด้วย

ในโพสนี้ ผมจะนำทุกท่านไปรู้จักกับเมืองเกียวโต และจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเป็นลำดับต่อไปครับ

วัดคินคะคุจิ สัญลักษณ์ของเมืองเกียวโต Image by かねのり 三浦 from Pixabay

รู้จักเกียวโต (Kyoto)

เกียวโต (Kyoto) หรือชื่อในอดีตว่าเกียว (Kyo) เป็นเมืองโบราณที่มีประวัติความเป็นมาย้อนไปได้ถึงช่วงปลายศตวรรษที่ 8 หรือในยุคนารา (Nara Period)

ในช่วงเวลานั้นญี่ปุ่นถูกปกครองโดยจักรพรรดิ Kammu พระองค์ตัดสินพระทัยย้ายเมืองหลวงของญี่ปุ่นยังหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อหมู่บ้านอูดะ ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้คือพื้นที่เมืองเกียวโตในปัจจุบันนั่นเอง

สาเหตุคือพระองค์ปรารถนาจะได้เมืองหลวงที่มีทำเลที่ดีกว่า ประชาชนจะได้เดินทางไปไหนมาไหนอย่างสะดวกสบาย และไม่มีปัญหาน้ำท่วม แต่บ้างก็ว่าพระองค์ต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและแย่งชิงอำนาจกับเหล่านักบวชพุทธและชนชั้นสูงที่เมืองนารา เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น

Fushimi Inari Taisha Shrine Image by Michelle Maria from Pixabay

เมืองหลวงใหม่ถูกสถาปนาในปี ค.ศ.794 และได้ชื่อว่าเฮอันเกียว (Heian-kyo) หรือเฮอัน การย้ายเมืองหลวงมายังที่นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคเฮอัน (Heian Period) ของญี่ปุ่น

ตัวเมืองเฮอันถูกสร้างขึ้นตามแบบของเมืองฉางอาน เมืองหลวงของราชวงศ์ถัง หรือซีอานในปัจจุบัน ในฐานะเมืองหลวง เฮอันเกียว หรือเกียวโตค่อยๆ เจริญขึ้นตามลำดับ ผู้คนต่างเดินทางมาอาศัยที่นี่อย่างคับคั่ง

อย่างไรก็ดีความรุ่งเรืองของเมืองกลับเสื่อมถอยลงอย่างช้าๆ หลังจากที่ญี่ปุ่นมีรัฐบาลโชกุนขึ้นปกครอง และองค์จักรพรรดิปราศจากอำนาจ สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อนอะไร เพราะเหล่าโชกุนที่มีอำนาจสิทธิ์ขาดในแผ่นดินญี่ปุ่นย่อมสร้างทุ่มงบประมาณให้กับเมืองที่ตนเองพำนักอาศัย เมืองที่ขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่สำคัญของเกียวโตก็คือ เมืองคามากุระ (Kamakura) เมืองที่โชกุนตระกูลมินาโมโตะและฟูจิวาระพำนักอยู่นั่นเอง

ในศตวรรษที่ 15 ญี่ปุ่นเกิดสงครามกลางเมืองที่เรียกว่า Onin War ไฟสงครามนั้นไม่ได้ละเว้นเมืองเกียวโตแต่อย่างใด เพราะพวกซามูไรเข้ามาสู้รบกันตามตรอกซอกซอยภายในเมือง บ้านแต่ละแห่งถูกเปลี่ยนเป็นป้อมปราการ การต่อสู้กันอย่างดุเดือดทำให้เกียวโตได้รับความเสียหายมาก กลียุคครั้งนั้นถือว่าย่อยยับที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมืองมาจนถึงปัจจุบัน

สวนที่สวยงามเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองเกียวโต

ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 17 เกียวโตเริ่มฟื้นกลับขึ้นมาเพราะการสนับสนุนของฮิเดโยชิ และโชกุนตระกูลโตกุกาวะ ทำให้เกียวโตรุ่งเรืองเป็นเมืองอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นอีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับเมืองเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) และโอซาก้า

หลังจากที่จักรพรรดิเมจิขึ้นครองราชย์ อำนาจในการบริหารประเทศกลับคืนสู่องค์จักรพรรดิ พระองค์จึงโปรดให้ย้ายสถานที่พำนักและเมืองหลวงไปยังเมืองโตเกียวในปี ค.ศ.1869 ทำให้โตเกียวมีสถานะเป็นเมืองหลวงของประเทศอย่างเป็นทางการ และความเป็นเมืองหลวงของเกียวโตจึงสิ้นสุดลงด้วย

Emperor Meiji

อย่างไรก็ตามเกียวโตก็ยังคงเป็นเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นอยู่ ประชากรที่อยู่ในเมืองเพิ่มมากขึ้นเป็นหนึ่งล้านคนในปี ค.ศ.1932 และได้กลายเป็นศูนย์กลางทางด้านวัฒนธรรมตลอดจนการศึกษาของญี่ปุ่น

เกียวโตเป็นหนึ่งในเมืองไม่กี่แห่งของญี่ปุ่นที่รอดพ้นจากการโจมตีโดยกองทัพสหรัฐในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แม้ว่าจริงๆ แล้วรัฐบาลสหรัฐเคยคิดจะทิ้งระเบิดปรมาณูเข้าใส่เมืองก็ตาม แต่ Henry Stimson รัฐมนตรีกระทรวงสงครามทัดทานไว้อย่างแข็งขัน ทำให้เมืองเกียวโตพ้นภัยมาได้

การที่เกียวโตรอดพ้นการทำลายล้าง ทำให้ตัวเมืองยังคงมีสิ่งก่อสร้างมากมายที่มีอายุเก่าแก่หลายร้อยปี แต่ละแห่งมีความสวยงาม และเป็นเพชรเม็ดงามของสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นครับ

ถัดไปเราไปดูกันดีกว่าเมืองเกียวโตมีสถานที่ท่องเที่ยวไหนที่คุณห้ามพลาดบ้าง

1. Kinkaku-ji

Kinkaku-ji เป็นวัดชื่อว่าวัดคินคะคุจิ ที่คนไทยเรียกว่าวัดทอง วัดนี้เคยถูกสร้างเพื่อเป็นสถานที่พักตากอากาศของโชกุนโยชิมิตสึในช่วงศตวรรษที่ 14 แต่ได้ถูกเปลี่ยนเป็นวัดนิกายเซนเวลาต่อมา

Kinkaku-ji Image by pen_ash from Pixabay

จุดเด่นของวัดอยู่ที่ชั้นสองและสามที่เป็นสีทองคำอย่างสวยงาม และโดดเด่นแม้ว่าจะมองจากระยะไกล ใกล้กับวัดมีสระน้ำและสวนที่มีความร่มรื่นอย่างมาก นักท่องเที่ยวจึงนิยมเดินทางไปนั่งจิบชาและชมความงามของสถานที่ที่ร้านน้ำชาใกล้ๆ ครับ

2. Fushimi-Inari Taisha Shrine

Fushimi-Inari Taisha Shrine น่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนไทยถ่ายรูปลง Instagram เป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น ที่นี่เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศแห่งหนึ่ง และมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนมากมาย

Fushimi-Inari Taisha Shrine By Luka Peternel, CC BY-SA 4.0,

ตัวศาลเจ้ามีประวัติย้อนไปได้ถึงปี ค.ศ.711 หรือก่อนที่เมืองเกียวโตจะได้เป็นเมืองหลวงเสียอีก โดยถูกสร้างขึ้นเพื่อสักการะเทพีแห่งการปลูกข้าวชื่อ Ukanomitama-no-mikoto ครับ แต่สิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ 500-600 ปีเท่านั้น

จุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้คือซุ้มประตูสไตล์ญี่ปุ่นสีแดงสดที่เรียงรายติดต่อกันไปราวกับว่าไม่มีที่สิ้นสุด ซุ้มประตูเหล่านี้ถูกบริจาคโดยผู้ศรัทธาทั้งหลายตั้งแต่สมัยเอโดะเลยครับ เพราะมีความเชื่อว่าถ้าอธิษฐานอะไรจะได้เป็นจริงนั่นเอง

ศาลเจ้าแห่งนี้สวยทั้งกลางวันและกลางคืน ถ้าไปตอนกลางคืน บริเวณซุ้มประตูและศาลเจ้าจะเปิดไฟ ทำให้มีความสวยงามไปอีกแบบหนึ่งครับ

3. Nijo Castle

Nijo Castle เป็นปราสาทเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 เพื่อเป็นที่พักอาศัยของโชกุนโตกุกาวะที่เมืองเกียวโต และมีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมาก เพราะเป็นสถานที่ที่โชกุนโตกุกาวะ โยชิโนบุ ถวายอำนาจคืนกลับสู่องค์พระจักรพรรดิในปี ค.ศ.1867 หรือเป็นอันสิ้นสุดระบอบโชกุนที่ปกครองญี่ปุ่นมานับพันปีครับ

Nijo Castle By Monjur Mourshed, CC BY-SA 4.0,

ปัจจุบันตัวปราสาทยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์มาก ไม่ว่าจะเป็นกำแพง หอคอย ประตู และพระราชวังด้านในครับ

ไฮไลท์ของปราสาทแห่งนี้คือพระราชวังชื่อ Ninomaru Palace ซึ่งสร้างขึ้นจากไม้ Hinoki เกือบทั้งหลัง ด้านในวังมีการตบแต่งด้วยทองคำและรูปแกะสลักไม้ที่ประณีตอย่างยากจะหาที่ใดมาเปรียบ ส่วนหนึ่งเพราะโชกุนต้องการแสดงถึงอำนาจและความร่ำรวยของตนครับ

จุดอื่นๆ ที่สวยงามได้แก่

  • Honmaru Palace – ปราสาทสมัยปลายเอโดะที่ถูกตบแต่งด้วยภาพเขียนของปรมาจารย์ศิลปะของญี่ปุ่น ที่นี่เคยเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงการเฉลิมฉลองการครองราชย์ของจักรพรรดิฮิโรฮิโต จักรพรรดิที่นำญี่ปุ่นเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองครับ
  • Ninomaru Garden – สวนอันสวยงามและร่มรื่นที่เต็มไปด้วยต้นเชอรี่และพลัมญี่ปุ่น
  • East Gate – ทางเข้าปราสาทที่ได้รับการแกะสลักอย่างสวยงาม

4. Kiyomizu-dera Temple

Kiyomizu-dera Temple เป็นวัดที่สวยงามทั้งสถาปัตยกรรมและธรรมชาติโดยรอบ ตัววัดตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกียวโต และตั้งอยู่บนภูเขา Otowa ทำให้เมื่อคุณมองลงมาจากวัด คุณจะเห็นวิวที่สวยงามของเมืองเกียวโตครับ

วัดแห่งนี้เป็นวัดในพระพุทธศาสนาเพื่อสักการะพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า Kannon ประวัติความเป็นมาของที่นี่สามารถย้อนไปได้ถึงสมัยที่เกียวโตถูกสถาปนาเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น แต่สิ่งก่อสร้างทั้งหมดที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1633 ครับ

Kiyomiza-dera temple Image by Jordy Meow from Pixabay

จุดเด่นของวัดคือบริเวณเฉลียงขนาดใหญ่ที่คุณจะได้ชมวิวอันสวยงามที่จะสวยเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่ในอดีตจุดนี้คือจุดที่คนญี่ปุ่นเคยมากระโดดท้าความตายกันด้วย เพราะมีความเชื่อว่าถ้ากระโดดลงไปจากระเบียงและลอยละลิ่วลงสู่เบี้องล่างแล้วไม่ตาย ความปรารถนาจะผู้กระโดดจะสำเร็จผล (ความสูงประมาณ 13 เมตรครับ)

ผลก็คือในสมัยเอโดะ มีคนกระโดดไปทั้งหมด 234 คน และมี 85.4% ที่รอดชีวิต แต่ไม่มีการระบุว่าความปรารถนาเป็นจริงกี่ % ในปัจจุบันคุณไม่สามารถไปกระโดดได้แล้ว เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นได้สั่งห้ามในปี ค.ศ.1872 ครับ

ใกล้กับวัดแห่งนี้มีย่านชื่อว่า Higashiyama District ย่านนี้เป็นย่านที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในการสัมผัสเมืองเกียวโตโบราณ โดยบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านชา และร้านขายของที่ระลึกครับ

5. Kyoto Imperial Palace

Kyoto Imperial Palace เป็นพระราชวังที่องค์จักรพรรดิหลายสิบพระองค์เคยใช้ประทับเมื่อครั้งที่เกียวโตเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น พระราชวังแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างแห่งแรกๆ ที่สร้างขึ้นบนพื้นที่เมืองเกียวโต ประวัติความเป็นมาของที่นี่จึงย้อนไปได้ถึงปี ค.ศ.794 เลยครับ

Kyoto Imperial Palace By Ryuch, CC BY-SA 3.0,

แม้ว่าประวัติจะเก่าแก่มาก แต่ส่วนใหญ่ของพระราชวังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1855 ถ้าคุณไปชมคุณจะได้เห็นที่อยู่อาศัยขององค์จักรพรรดิตลอดจนห้องที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ ครับ ในอดีตจักรพรรดิของญี่ปุ่นก็จะทำพิธีขึ้นครองราชย์ที่นี่ด้วยครับ

ปัจจุบัน Kyoto Imperial Palace ถูกดูแลรักษาและจัดการโดยสำนักพระราชวังญี่ปุ่น (Imperial Household Agency) โดยตรง ดังนั้นกำหนดการและระเบียบต่างๆ อาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้ตามโอกาส ดังนั้นสำหรับใครที่สนใจ ควรหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

6. Sanjusangen-do Temple

Sanjusangen-do Temple เป็นวัดที่บริเวณส่วนหน้าของอาคารถูกแบ่งออกเป็น 33 ส่วน เพื่อแสดงถึงร่างทั้ง 33 ร่างของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือ Kannon ในภาษาญี่ปุ่น

พระโพธิสัตว์ Kannon ใน Sanjusangen-do Temple By Bamse, CC BY-SA 3.0,

ตัววัดมีประวัติย้อนไปได้ถึงสมัยศตวรรษที่ 12 ภายในวัดมีผลงานศิลปะที่น่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะรูปปั้นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรพันมือที่มีความสูงถึง 3.5 เมตรครับ

ในอดีตวัดแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับการฝึกยิงธนู ถ้าสังเกตดูดีๆ ที่เสาโบราณที่ตั้งอยู่ในวัด คุณจะเห็นรอยแตกหรือรูที่เกิดจากการทะลุทะลวงของลูกธนูอยู่ครับ

7. Nishi Hongan-ji Temple

Nishi Hongan-ji Temple เป็นหนึ่งในวัดที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานทางศิลปะอันล้ำค่า และเป็นสิ่งที่แสดงถึงความสวยงามของพุทธศิลป์ในญี่ปุ่น

Nishi Hongan-ji Temple By Nekosuki, CC BY-SA 4.0

ภายในวัดมีสิ่งก่อสร้างหลายแห่งที่ถูกตบแต่งอย่างสวยงาม ประณีต ตระการตา อาทิเช่น

ห้อง Daishi-do – ห้องที่ประดิษฐานรูปปั้นของ Shinran ผู้ก่อตั้งนิกาย Jodo Shinshu (หนึ่งในนิกายสุขาวตีที่สำคัญของศาสนาพุทธญี่ปุ่น) รูปปั้นดังกล่าวนี้เป็นที่สักการะบูชาของชาวญี่ปุ่นมากมายเลยครับ

Daishoin – คลังที่เคยเก็บทรัพย์สินของวัด ตัวคลังได้รับการตบแต่งอย่างสวยงามด้วยภาพเขียนสีต่างๆ ที่เป็นผลงานของจิตรกรญี่ปุ่นครับ

โดยรวมแล้วสิ่งที่งดงามและโดดเด่นที่สุดในวัดน่าจะเป็นรูปแกะสลัก ไม่ว่าจะเป็นรูปแกะสลักของสัตว์ในตำนานอย่างมังกร หรือรูปดอกไม้และสัตว์ทั่วไป รูปแกะสลักบางจุดยังเล่าตำนานและความเชื่อต่างๆ ของชาวญี่ปุ่นให้คุณได้ทราบ และยังแฝงไว้ถึงคติสอนใจด้วยครับ

8. Byodo-in Temple

ห่างออกไปจากเมืองเกียวโตประมาณ 20 กิโลเมตร คือ Byodo-in Temple วัดสมัยศตวรรษที่ 10 ที่มีสิ่งก่อสร้างและศาลอันสวยงามที่มีคุณค่าทางศิลปะหลายแห่ง โดยเฉพาะ Phoenix Hall ซึ่งเปรียบเหมือนกับไฮไลท์ของที่นี่ครับ

Byodo-in Temple By Martin Falbisoner, CC BY-SA 4.0,

สิ่งที่น่าสนใจที่นี่ได้แก่

  • Phoenix Hall – อาคารหลักของวัดที่มีรูปปั้นนกฟีนิกซ์อยู่บนหลังคา ส่วนตรงกลางมีพระพุทธรูปของพระอมิตาภพุทธเจ้าที่ประดับประดาอย่างสวยงามด้วยทองคำประดิษฐานอยู่ นอกจากนี้บริเวณอาคารถูกตบแต่งด้วยรูปแกะสลักต่างๆ ของเทวดาในแต่ละชั้นภพครับ
  • Kannon-do Hall – หนึ่งในอาคารที่สำคัญมากต่อวัฒนธรรมญี่ปุ่น และปรากฏอยู่ในเหรียญ 10 เยนทุกเหรียญ ปัจจุบันคุณไม่สามารถเข้าชมได้ครับ
  • Hoshokan Museum – พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมสิ่งของและของมีค่าต่างๆ ที่ทางวัดเก็บรักษาไว้มาหลายศตวรรษ

นอกจากนี้ Byodo-in Temple เป็นวัดที่ร่มรื่น ซึ่งมีสวนสวยๆ และสระน้ำหลายแห่ง เหมาะแก่การนั่งพักผ่อนหลังจากที่เดินเที่ยวมาทั้งวันครับ

9. Katsura Imperial Villa

Katsura Imperial Villa เป็นสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาสวนโบราณของญี่ปุ่น สวนแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 โดยอนุชาขององค์พระจักรพรรดิ และได้รับการยกย่องว่าเป็นงานระดับ masterpiece ของการจัดสวนแบบญี่ปุ่นเลยครับ

Katsura Imperial Villa By KimonBerlin, CC BY-SA 2.0,

ด้านในสวนเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ และสระน้ำ เหมาะต่อการผ่อนคลายอิริยาบทภายใต้ธรรมชาติครับ สำหรับใครที่หลงใหลในการจัดสวนหรือต้นไม้ คุณไม่ควรพลาดที่นี่เลยครับ

10. Gion Geisha District

Gion Geisha District หรือย่าน Gion เป็นย่านในเกียวโตที่โดดเด่นและน่าไปเยือนมาก เพราะตัวสถาปัตยกรรมจะเป็นแบบโมเดิร์นผสมผสานกับศิลปะดั้งเดิมแบบญี่ปุ่นครับ ตัวถนนถูกสร้างขึ้นในยุคสมัยแห่งสงครามหรือว่ายุคเซ็นโกกุครับ

Gion Geisha District By 663highland, CC BY 2.5

ภายในย่านนี้คุณจะเห็นเหล่าเกอิชาใส่ชุดพื้นเมืองไปตามถนนหนทาง ซึ่งคุณไม่ต้องแปลกใจเพราะว่าย่านนี้เป็นย่านที่มีชื่อเสียงเรื่องเกอิชามากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น

นอกจากนี้คุณยังมีโอกาสได้ลองชิมอาหารจากร้านอาหารที่มีประวัติความเป็นมากว่า 200-300 ปีด้วย โดยเฉพาะอาหารสไตล์ Kaiseki ทั้งหลาย ดังนั้นถ้าคุณอยากสัมผัสบรรยากาศแบบญี่ปุ่นโบราณที่ยังมีชีวิต ที่นี่เป็น a must ของคุณครับ

สถานที่เที่ยวอื่นๆ ในเมืองเกียวโต (Kyoto)

  • Kyoto National Museum – พิพิธภัณฑ์ศิลปะระดับโลกที่รวบรวมงานศิลปะก่อนยุคโมเดิร์นของญี่ปุ่น
  • Daitoku-Ji Temple – วัดนิกายเซนสมัยศตวรรษที่ 14 อันร่มรื่น และมีผลงานศิลปะที่สวยงาม
  • Tofukuji Temple – วัดเซนขนาดใหญ่ที่ชาวญี่ปุ่นมักจะมาชมใบไม้เปลี่ยนสี
  • Arashiyama Bamboo Grove – ทางเดินที่ถูกประกบข้างด้วยป่าไผ่ที่สวยงามทั้งสองด้าน

ไปเที่ยวเกียวโตอย่างไรดี?

เกียวโตก็เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ ของประเทศญี่ปุ่นอย่างโอซาก้าและโตเกียว นั่นคือคุณสามารถไปเองได้โดยไม่ต้องง้อบริษัททัวร์ครับ

[sc name=”travelthai” ][/sc]
Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwathttps://victorytale.com/about-victorytale/
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Victory Tale ผมชื่นชอบในหลากหลายสาขาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว เทคโนโลยี ไปจนถึงการลงทุน หลังจากที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ผมก็ได้เป็นนักลงทุนในหุ้น, ติวเตอร์, นักเขียน (ตีพิมพ์ไปแล้ว 3 เล่ม) และในปัจจุบันก็เป็นเจ้าของเว็บไซต์ครับ

สถานที่ท่องเที่ยว

โรงแรมที่พัก

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!