ตำนานกรรณะ วีรบุรุษผู้พ่ายแพ้แห่งมหาภารตะ (7): รุมสังหารนักรบหนุ่ม

กรรณะ วีรบุรุษผู้พ่ายแพ้แห่งมหาภารตะ (7): รุมสังหารนักรบหนุ่ม

สนับสนุนงานเขียนประวัติศาสตร์ของ Victory Tale ไม่ให้ขาดตอนได้ที่นี่ 

จากตอนที่แล้ว กรรณะใช้เวลาไปกับการอยู่ในค่ายตั้งแต่วันที่ 1-9 เพราะว่าภีษมะไม่ให้เขาออกไปต่อสู้ในสมรภูมิ

ภีษมะเป็นนักรบที่มีความสามารถมาก เขาไล่ตีกองทัพฝ่ายปาณฑพแตกกระจัดกระจาย ทหารปาณฑพถูกสังหารคนแล้วคนเล่า อรชุนเองก็ไม่เต็มใจที่จะรบเท่าไรนัก เพราะไม่อยากสู้กับภีษมะที่ตนเองเคารพนับถือ

พระกฤษณะที่เป็นสารถีของอรชุนจึงกริ้วยิ่งนัก ในวันที่ 9 ของการรบ พระกฤษณะเห็นอรชุนเหยาะแหยะจึงหยุดรถแล้วกระโดดลงมาจากรถด้วยความโกรธ พระกฤษณะละเมิดคำมั่นที่ตนเองมอบไว้ด้วยการหยิบล้อรถล้อหนึ่งขึ้นมา แล้วพุ่งเข้าไปหาภีษมะทันที

ภีษมะพยายามจะยิงศรเพื่อไม่ให้พระกฤษณะเข้ามาใกล้ แต่เขากลับเห็นร่างพระวิษณุในตัวของพระกฤษณะ ภีษมะจึงวางคันศรลง และเตรียมใจที่จะตาย แต่ว่าอรชุนตามมาทันเสียก่อน เขาจึงห้ามพระกฤษณะไว้ และเรียนให้ทราบถึงคำมั่นของเขาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะไม่จับอาวุธ

พระกฤษณะถือล้อเข้ามาหาภีษมะ

พระกฤษณะจึงได้สติทำให้ภีษมะรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็รอดไปได้เพียงวันเดียวเท่านั้น

ในวันที่ 10 พระกฤษณะใช้กลลวงสังหารภีษมะ ด้วยการให้ศิขันดี นักรบคนหนึ่งฝ่ายปาณฑพที่เป็นกะเทยมายืนอยู่ด้านหน้าของอรชุน ด้วยความที่ศิขันดีมีทั้งสองเพศ ทำให้ภีษมะ ผู้ที่เคยให้คำมั่นไว้ว่าจะไม่ต่อสู้กับผู้หญิง ไม่สามารถยิงศรต่อสู้ได้ ศิขันดีและอรชุนจึงกระหน่ำยิงภีษมะด้วยศรจนพรุนไปทั้งร่าง

ภีษมะตกลงมาจากรถทันที ร่างของเขาไม่แตะพื้นเพราะว่าศรนับพันอยู่ทั่วร่างกายของเขา แต่ภีษมะก็ยังไม่ตาย เพราะเคยได้รับพรว่าให้ภีษมะเลือกวันตายเองได้ ภีษมะจึงขอให้อรชุนช่วยทำเตียงลูกธนูให้กับตน อรชุนทำให้เขาด้วยน้ำตานองหน้า

เมื่อสิ้นภีษมะแล้ว อำนาจในการบังคับบัญชาอยู่ที่ โทรณะ กรรณะจึงออกรบได้เสียที

จักรพยุหะ

ก่อนที่จะออกไปรบในวันรุ่งขึ้น (วันที่ 11) กรรณะได้มาพบกับภีษมะก่อน ภีษมะกล่าวกับเขาว่า ตัวเขาเองทราบว่ากรรณะเป็นนักรบที่เก่งกล้า โดยไม่ได้ด้อยกว่าอรชุนเลย แต่ภีษมะไม่ต้องการให้เขาต่อสู้กับพี่น้องของตนเอง เขาจึงไม่ให้กรรณะออกรบมาโดยตลอด

กรรณะได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกยินดี เขาจึงเตรียมตัวออกไปรบ

เช้าวันนั้น สุริยเทพ บิดาของกรรณะได้มอบรถศึกของพระองค์เทียมด้วยม้าเจ็ดตัวเจ็ดสีให้กับกรรณะ แต่กรรณะกลับปฎิเสธ กรรณะบอกบิดาว่า เขาเป็นนักรบ เขาไม่ต้องการพึ่งพิงผู้อื่นในการต่อสู้

คำพูดของกรรณะอาจจะฟังดูธรรมดา แต่จริงๆ แล้วอาจมีนัยยะมากกว่านั้น เขาอาจจะหมายถึงอรชุน น้องชายและศัตรูคู่แค้นของเขาที่มีทั้ง พระกฤษณะ หนุมาน และยังใช้รถศึกของพระอินทร์คอยช่วยในการรบ

บางท่านอาจจะสงสัยว่า หนุมานที่ว่านี่คือ หนุมานไหน คำตอบคือ หนุมานในรามายณะนั่นแหละครับ ตัวเขายังไม่ตายเพราะเป็นอมตะ เมื่อพระวิษณุอวตารมาใหม่เป็นพระกฤษณะแล้ว หนุมานก็อาสามาช่วยเหลือด้วย แต่ไม่ได้ออกหน้า เขาเนรมิตกายเป็นธงรูปลิงปักอยู่บนรถศึกของอรชุน และคอยรับความเสียหายจากอาวุธต่างๆ ที่พุ่งมายังที่รถศึกของอรชุนนั่นเอง

หนุมานเป็นธงคอยรับความเสียหายให้กับอรชุน
อรชุน (คนซ้าย) พระกฤษณะ (คนขวา) และธงด้านบน (หนุมาน) Cr: Lord Parthasarthi

บทบาทของกรรณะในสมรภูมิสองวันแรกไม่มีอะไรมากนัก เพราะกรรณะมัวแต่ตามหาอรชุนทั้งสมรภูมิรบ แต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอ เพราะพระกฤษณะใช้เวทมนตร์บังตากรรณะเอาไว้

พระกฤษณะรู้ดีว่ามีเหตุผลอยู่อย่างหนึ่งที่กรรณะยังไม่ควรเจอกับอรชุน จะเป็นเหตุผลอะไร ขอให้ทุกท่านรอต่อไป

ในวันที่ 13 โทรณะแม่ทัพฝ่ายเการพ สั่งให้ตั้งกระบวนรบจักรพยุหะ (Chakravyuha) เข้าตีฝ่ายปาณฑพ โดยพุ่งเป้าไปที่ยุธิษฐิระ ผู้นำสูงสุดของฝ่ายปาณฑพ พยุหะที่ว่าเป็นพยุหะที่ซับซ้อน ในการจะทำลายมันจะต้องมีผู้กล้าบุกเข้าไปในพยุหะเพื่อจัดการกับมันจากภายใน หลังจากนั้นผู้ที่อยู่ภายนอกต้องช่วยกันโจมตีจากด้านนอกด้วย พยุหะดังกล่าวถึงจะถูกทำลายได้สำเร็จ

ปัญหามีอยู่ว่าถ้าเร่งทำลายพยุหะให้แตกไม่ได้ โอกาสที่ผู้กล้าที่อยู่ด้านในพยุหะจะตายมีสูงมาก เพราะว่าเขาจะโดนรุมโดยกองทัพศัตรูหลายสิบชั้น

นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าใครจะบุกเข้าไปในพยุหะก็ได้ ผู้กล้าผู้นั้นต้องมีความรู้ว่าจะเข้าไปอย่างไร และเก่งพอตัวที่จะแหวกศัตรูเข้าไปได้ด้วย

นักรบหนุ่ม อภิมันยุ

ในเวลานั้นพยุหะอันน่ากลัวของฝ่ายเการพเริ่มเข้ามาใกล้ และเริ่มบดขยี้กองทัพของฝ่ายปาณฑพ ยุธิษฐิระจึงเรียกหาผู้ที่มีความรู้ในกลพยุหะนี้ทันที แต่ก็ไม่ง่ายเพราะในกองทัพปาณฑพมีผู้มีความรู้ในเรื่องนี้อยู่จำนวน 2.5 คน

2.5 คน?? อะไรคือ 2.5 คน?

สองคนที่ว่าคือ พระกฤษณะและอรชุน แต่อีก 0.5 คือ อภิมันยุ บุตรชายของอรชุน เขามีความรู้ดังกล่าวแค่ครึ่งเดียว นั่นก็คือ เขารู้วิธีเข้าไปในพยุหะนี้ แต่ไม่รู้วิธีออกมา

ปัญหาเกิดขึ้นทันทีเพราะว่า อรชุนกับพระกฤษณะดันอยู่ด้วยกันอีกด้านหนึ่งของสมรภูมิ และกำลังต่อสู้กับทหารของศัตรูจำนวนมากที่ห้อมล้อมอยู่ ถ้ายุธิษฐิระรอให้ทั้งสองกลับมา คงไม่ทันแน่

อภิมันยุได้รับคำสั่งจากอรชุน ผู้เป็นบิดาว่าให้เป็นองครักษ์ดูแลยุธิษฐิระ ด้วยความที่เป็นนักรบหนุ่มที่กล้าหาญบ้าบิ่น เขาจึงขอเป็นผู้กล้าบุกเข้าไปด้านใน แต่ขอให้เหล่าพี่น้องปาณฑพที่เหลือยกเข้าไปช่วยเขาให้ทันด้วย

แผนการนี้เสี่ยงมาก เพราะถ้าเข้าไปช่วยไม่ทัน อภิมันยุจะตายแน่ แต่อภิมันยุคิดว่าตนเองน่าจะทานไว้ได้ถ้าพวกเการพไม่ทำการ “รุม” เขา

อภิมันยุไม่คิดว่าพวกเการพจะ “รุม” เพราะมันผิดต่อกฎแห่งสงครามที่ตั้งไว้ก่อนหน้า นอกจากนี้ยังผิดคุณธรรมของวรรณะกษัตริย์อย่างมากด้วย พวกผู้เฒ่าฝ่ายเการพก็เป็นคนดีมีคุณธรรมที่พวกปาณฑพเองก็เคารพนับถือ พวกเขาคงไม่น่าจะทำอะไรเลวๆ หรอก

ยุธิษฐิระไม่มีทางเลือกอื่น เขาจำต้องทำตามแผนของอภิมันยุ ผู้มีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น

อภิมันยุบุกเข้าไปจักรพยุหะและทำลายโครงสร้างภายในได้สำเร็จ ที่เหลือก็แค่รอให้กองทัพปาณฑพยกเข้ามาหนุนเท่านั้นเอง เพียงเท่านี้จักรพยุหะก็จะแตกไปแล้ว

หากแต่ว่าเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ไม่ว่าเขาจะรออยู่นานสักเท่าใดกลางวงล้อมของข้าศึก ก็ยังไม่เห็นกองทัพปาณฑพยกเข้ามาเสียที อภิมันยุจึงต่อสู้ด้วยความกล้าหาญกลางกองทัพศัตรู เขาไล่สังหารพวกแม่ทัพฝ่ายเการพคนแล้วคนเล่า กษัตริย์หลายคนต่างถูกสังหารด้วยลูกธนูของเขา

นักรบอาวุโสฝ่ายเการพจึงเข้าต่อสู้กับอภิมันยุตัวต่อตัวทุกคน ตั้งแต่โทรณะ กริปาจารย์ กฤตวรมัน ศัลยะ อัศวถามา ทุรโยธน์ เรื่องน่าเหลือเชื่อกลับเกิดขึ้น เพราะทุกคนต่างถูกอภิมันยุปราบได้จนหมดสิ้น

กรรณะจึงถูกเรียกตัวให้มาต่อสู้กับอภิมันยุ แต่กรรณะกลับไม่สามารถเอาชนะเด็กหนุ่มวัย 16 คนนี้ได้ เลือดของกรรณะโซมกายไปทั่วร่าง

สาเหตุที่อภิมันยุต่อสู้ได้เก่งกล้าเช่นนั้น เพราะเขามีพร (บัฟ) พิเศษสำหรับวันนั้นโดยเฉพาะ พรที่ว่าคือ

ถ้าต่อสู้ตัวต่อตัวในขบวนจักรพยุหะ เขาจะเอาชนะได้ทุกคน หากแต่ว่าเมื่อโดนรุมแล้ว เขาจะต้องตายในสมรภูมิวันนั้น

อภิมันยุจึงต่อสู้ได้อย่างกล้าแกร่งอย่างที่ไม่มีผู้ใดต้านทานได้เลย อภิมันยุยิงสังหารพวกเการพล้มตายไปคนแล้วคนเล่า ใครที่ต่อกรกับอภิมันยุถ้าไม่ถูกสังหารก็เลือดโซมกายเหมือนกรรณะทั้งสิ้น

ความพยายามช่วยเหลือ

พวกปาณฑพทั้ง 4 ที่อยู่ด้านนอกไม่ได้นิ่งดูดาย พวกเขาพยายามทุ่มกำลังโจมตีพยุหะของพวกเการพอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะตีให้แตกให้ได้ และช่วยอภิมันยุออกมาได้โดยเร็วที่สุด

หากแต่ว่าความพยายามทั้งหมดกลับล้มเหลว เพราะฝีมือของชยัตรถ (Jayadratha)

ชยัตรถผู้นี้มีความแค้นกับพวกปาณฑพมาก่อน เขาเคยลักพาตัวนางเทราปทีไปยังนครของตน ทำให้อรชุนและภีมะต้องเดินทางไปช่วยเหลือ การช่วยเหลือประสบความสำเร็จ ทั้งสองช่วยนางเทราปทีกลับมาได้ และจับตัวชยัตรถมาได้ด้วย ภีมะได้ทำปฏิบัติต่อชยัตรถแบบทาส เขาทำการโกนหัวชยัตรถจนเหลือผมเป็นหย่อมๆ หลังจากนั้นถึงปล่อยตัวชยัตรถไป

ดังนั้นชยัตรถจึงโกรธแค้นพวกปาณฑพมาก เขาไปภาวนาต่อพระศิวะอยู่เป็นเวลานาน และได้ขอต่อพระองค์ว่า ขอให้เขามีพละอำนาจที่จะเอาชนะและสังหารใครก็ได้ในโลกนี้ พระศิวะปฏิเสธว่า คำขอของชยัตรถเป็นไปไม่ได้เพราะเมื่อพระกฤษณะและอรชุนอยู่ด้วยกันจะไม่มีใครเอาชนะได้ (จะว่าไปคล้ายๆ เคสนางเทราปที) ชยัตรถจึงขอว่า

ขอให้เขามีอำนาจที่จะเอาชนะ หรือ ต้านทาน ทุกคนในแผ่นดินยกเว้นพระกฤษณะและอรชุนได้วันหนึ่ง โดยชยัตรถจะเป็นผู้เลือกวันนั้นด้วยตนเอง

พระศิวะทรงมอบพรดังกล่าวให้ หลังจากนั้นจึงจากชยัตรถไป

วันที่ชยัตรถจะใช้พรดังกล่าวนั้นคือ วันนี้นี่เอง! วันที่ 13 ในสงครามแห่งทุ่งกุรุเกษตร!

เมื่อชยัตรถใช้พรนั้น เขาจึงหยุดพวกปาณฑพทั้ง 4 และกองทัพทั้งกองไว้ได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างไรก็ตาม

อภิมันยุจึงอยู่ตรงกลางพยุหะอย่างโดดเดี่ยว โดยที่ไม่มีใครมาช่วยเลย

อภิมันยุต่่อสู้อย่างกล้าหาญกลางกองทัพศัตรู

อภิมันยุผู้แกล้วกล้า

ระหว่างที่กรรณะกำลังสู้กับอภิมันยุอยู่นั้น พวกแม่ทัพเการพที่ถูกอภิมันยุเอาชนะต่างไปหารือว่าจะจัดการอภิมันยุอย่างไรดี

สุดท้ายแล้ว โทรณะ อาจารย์ของอรชุน (บิดาของอภิมันยุ) และแม่ทัพใหญ่ฝ่ายเการพจึงกล่าวว่าไป “รุม” เด็กคนนี้เสียเลย เมื่อตกลงกันได้แล้ว โทรณะจึงขับรถศึกมาใกล้กับกรรณะ ผู้ที่ปะทะกับอภิมันยุอยู่

กรรณะเอ่ยปากถามโทรณะว่าควรจะทำอย่างไรถึงจะเอาชนะเด็กคนนี้ได้ เพราะกรรณะเองก็ยอมรับว่าสู้ไม่ได้ แต่ที่ไม่หนีเพราะไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นพวกขี้ขลาดเท่านั้น

โทรณะบอกกรรณะว่าต้องใช้วิธีสกปรกในการจัดการกับอภิมันยุ เขาสั่งให้กรรณะหาทางอ้อมไปทางด้านหลังของอภิมันยุแล้วยิงศรตัดสายธนูของอภิมันยุเสีย หลังจากนั้นก็ช่วยคนอื่นๆ รุมอภิมันยุ

ในใจกรรณะไม่เห็นด้วย แต่กรรณะไม่มีทางเลือก เขาจึงต้องทำตามคำสั่ง

เหล่าแม่ทัพฝ่ายเการพจึงเข้ามาต่อสู้กับอภิมันยุพร้อมๆ กัน เปิดโอกาสให้กรรณะแผลงศรไปตัดสายคันธนูของอภิมันยุจากด้านหลังได้สำเร็จ

เมื่ออภิมันยุไม่สามารถยิงศรได้แล้ว กริปาจารย์ และกฤตวรมันจึงสังหารสารถีและม้าของอภิมันยุ ทำให้เขาต้องลงมาสู้ต่อบนพื้น

ถึงแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน อภิมันยุยังคงกล้าหาญยิ่ง และไม่รู้จักคำว่ากลัว อภิมันยุฉวยดาบและโล่มาสู้ต่อ แต่พวกเการพยิงด้วยศรทำลายทั้งดาบและโล่ของอภิมันยุจากระยะไกล

อภิมันยุต่อสู้กับแม่ทัพฝ่ายเการพอย่างกล้าหาญ

อภิมันยุยังคงไม่ยอมแพ้อีก เขาหยิบล้อรถศึกมาฟาดใส่ทหารเการพตายคนแล้วคนเล่า และพยายามเขวี้ยงมันเข้าใส่โทรณะ กรรณะที่อยู่ใกล้ๆจำต้องใช้ศรทำลายล้อรถเพื่อป้องกันโทรณะไว้

ถึงตอนนี้อภิมันยุได้รับบาดเจ็บไปทั่วตัว เลือดของเขาไหลไปทั่วร่าง แต่อภิมันยุยังมีใจสู้ เขาจึงหยิบกระบองขึ้นมา และต่อสู้กับนักรบฝ่ายเการพในระยะประชิดอย่างกล้าหาญ ทหารและนายทัพฝ่ายเการพรอบตัวอภิมันยุตายไปคนแล้วคนเล่า

หากแต่ว่าด้วยบาดแผลและความเหนื่อยอ่อนที่สู้รบมาทั้งวัน สุดท้ายอภิมันยุก็พลาดท่าให้กับบุตรชายของทุรหาสันที่ฟาดอภิมันยุที่หัวด้วยกระบองอย่างแรง อภิมันยุล้มลงนอนจมกองเลือดและสิ้นชีวิตลง

นี่จึงเป็นเรื่องผิดคุณธรรมอีกเรื่องหนึ่งในชีวิตของกรรณะ นั่นคือรุมเด็กวัย 16 ปี ตามคำสั่งของโทรณะ อาจารย์ของอรชุน ผู้ที่เป็นที่เคารพนับถือ

สำหรับอภิมันยุแล้ว เขาได้รับการยกย่องในความกล้าหาญของเขาที่ต่อสู้จนตัวตายกลางวงล้อมข้าศึก แม้จะมีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น ถึงกระนั้นอภิมันยุเป็นสัญลักษณ์ของคนที่มีความรู้ครึ่งๆ กลางๆ เช่นเดียวกัน และความรู้ที่ไม่สมบูรณ์นั้นก็นำภัยมาสู่ตัวของเขาเอง

ถ้าอรชุนทราบว่าบุตรชายตายแล้ว เขาจะรู้สึกอย่างไรกันแน่? อ่านต่อไปในตอนหน้าครับ

บทความตำนานต่างๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!