ตำนานกรรณะ วีรบุรุษผู้พ่ายแพ้แห่งมหาภารตะ (6): จำใจอยู่นอกสมรภูมิ

กรรณะ วีรบุรุษผู้พ่ายแพ้แห่งมหาภารตะ (6): จำใจอยู่นอกสมรภูมิ

หลังจากวันที่พระอินทร์ได้มาขอเกราะและต่างหูทองไปแล้ว ต่างสองฝ่ายก็พร้อมจะต่อสู้กับในมหาสงครามแห่งทุ่งกุรุเกษตร

เดิมทีทุรโยธน์ สหายรักของกรรณะต้องการให้กรรณะเป็นแม่ทัพใหญ่ของฝ่ายเการพเข้าต่อสู้กับพวกปาณฑพ แต่ทุรโยธน์เกรงว่าปัญหาในกองทัพจะเกิดขึ้น เพราะพวกกษัตริย์จะรังเกียจกรรณะที่เป็นวรรณะศูทร และเหล่าผู้เฒ่าในกองทัพจะไม่ฟังคำสั่งของกรรณะ ดังนั้นทุรโยธน์ต้องให้ภีษมะ (Bhishma) เป็นแม่ทัพใหญ่ฝ่ายเการพแทน

พวกปาณฑพทั้งห้าถวายความเคารพต่อภีษมะก่อนสงคราม Cr:
Ramanarayanadatta astri

ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้

ภีษมะเป็นแม่ทัพผู้เฒ่าที่มีฝีมือเก่งกล้าที่สุดคนหนึ่งของกรุงหัสตินาปุระ ก่อนที่จะรับตำแหน่ง ภีษมะขอทุรโยธน์ว่า ถ้าจะให้ตนเองเป็นแม่ทัพใหญ่ กรรณะจะต้องไม่เข้าร่วมในสงคราม!

สาเหตุก็เพราะภีษมะรังเกียจกรรณะที่เคยหลอกลวงปรศุราม ผู้เป็นอาจารย์ของภีษมะด้วย (ถ้าเป็นนิยายจีนกำลังภายใน ภีษมะกับกรรณะก็เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน)

สิ่งที่ภีษมะบอกไปทุรโยธน์เป็นเพียงข้ออ้าง จริงๆ แล้วภีษมะไม่ต้องการให้กรรณะต้องต่อสู้กับพี่น้องของตนเอง เขาจึงตั้งเงื่อนไขไปในลักษณะดังกล่าว

ถึงกระนั้นนั่นก็ไม่ใช่สาเหตุทั้งหมด อีกสาเหตุนึงคือ ภีษมะแอบรับงานมาจากพระกฤษณะ กล่าวคือพระกฤษณะต้องการให้กรรณะอยู่นอกสมรภูมิ มิฉะนั้นถ้าต่อสู้กับพวกแม่ทัพของฝ่ายเการพพร้อมกันหมดแล้ว ฝ่ายปาณฑพจะเอาไม่อยู่

สำหรับภีษมะแล้ว เขาไม่ต้องการต่อสู้กับพวกปาณฑพ ผู้ที่เป็นหลานรักของเขาเช่นเดียวกัน และไม่อยากอยู่ตรงข้ามกับพระกฤษณะซึ่งเป็นตัวแทนของฝ่ายธรรมะด้วย แต่ภีษมะก็เป็นขุนศึกของหัสตินาปุระ ดังนั้นเมื่อทุรโยธน์สั่งให้เขามารบ เขาก็ต้องทำตามหน้าที่

ภีษมะจึงประสบกับข้อขัดแย้งทางด้านคุณธรรมหลายอย่างว่า เขาจะปฏิบัติตามหน้าที่ หรือ จะอยู่ข้างฝ่ายธรรมะ

ท้ายที่สุดแล้ว เขาเลือกทั้งสองอย่าง นั่นก็คือ ในสมรภูมิเขาจะต่อสู้เต็มที่กับพวกปาณฑพ แต่เขาจะปฏิบัติตามคำขอของพวกปาณฑพและพระกฤษณะ ถ้าพวกเขาขออะไรมา

ซึ่งหนึ่งในคำขอของพระกฤษณะคือให้กรรณะอยู่นอกสมรภูมิไปเสีย

ไม่เพียงเท่านั้น ภีษมะยังรับงานอีกอย่างหนึ่งมาด้วยจากพระกฤษณะคนเดิม งานที่ว่าคือภีษมะจะทำลายกำลังใจกรรณะในการทำสงครามให้มากที่สุด

ในการนี้ ภีษมะจึงเหยียดหยามกรรณะต่อหน้าที่ประชุมชนว่ากรรณะเป็นขุนศึกระดับครึ่งรธา ซึ่งเป็นขุนศึกระดับล่างสุดแล้วหารสอง ทั้งๆที่ความสามารถของกรรณะเทียบเท่ากับขุนศึกประเภทมหารธาซึ่งเป็นระดับสูงสุดแล้วคูณด้วย 2

ด้วยเหตุนี้นอกจากกรรณะจะยังไม่ได้ออกรบแล้ว เขายังจะถูกภีษมะพูดบั่นทอนกำลังใจอีก กรรณะจึงยิ่งไม่อยากรบเข้าไปอีก จริงๆ แล้วตอนนั้นกรณณะก็ไม่อยากรบแล้ว หลังจากทราบว่าศัตรูคือ น้องชายทั้งห้าคนของเขาเอง

ว่าด้วยพระกฤษณะ

หลายท่านอาจจะสงสัยว่าหลายตอนที่ผ่านมา พระกฤษณะจุ้นจ้านชีวิตกรรณะหลายครั้ง และทำให้ชีวิตของกรรณะต่ำลงด้วย เขาผู้นี้เป็นใครกันแน่

แน่นอนว่าพระกฤษณะคืออวตารของพระวิษณุ ในชาตินี้เขาเป็นพระญาติที่สนิทกับพวกปาณฑพมากมาตั้งแต่เดิม พระองค์คอยช่วยเหลือพวกปาณฑพที่โดนทุรโยธน์กลั่นแกล้งอยู่เนืองๆ อย่างตอนที่ช่วยเหลือนางเทราปทีเป็นต้น

ก่อนสงคราม พระกฤษณะยังไม่ได้แสดงออกชัดเจนว่าจะเข้ากับผู้ใด เมื่อสงครามกำลังจะเริ่มขึ้น ทุรโยธน์และอรชุนจึงมาที่เมืองของพระกฤษณะ เพื่อขอให้เขาอยู่ฝ่ายตน

ทุรโยธน์มาก่อนอรชุนเล็กน้อย แต่พระกฤษณะบรรทมอยู่ เขาจึงไม่ได้พูดคุยกับพระกฤษณะ หลังจากนั้นไม่นานอรชุนก็มาถึง

อรชุนเคารพพระกฤษณะมาก เขาจึงไปยืนรอที่เท้าของพระกฤษณะ และพนมมือด้วยความเคารพ ส่วนทุรโยธน์นั่งอยู่ด้านขวาของหน้าพระกฤษณะ

ฉากที่อรชุนยืนรอที่เท้าของพระกฤษณะ

พระกฤษณะนอนหงายอยู่ เมื่อตื่นขึ้น เขาจึงเห็นอรชุนก่อน พระกฤษณะรู้ดีว่าทั้งสองมาเพื่ออะไร แต่พระองค์เองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งสองฝ่าย (ในเปลือกนอก ความสัมพันธ์ระหว่างพระกฤษณะกับทุรโยธน์ก็ถือว่าดี)

ดังนั้นพระกฤษณะออกตัวว่าเขาจะช่วยทั้งสองฝ่าย แต่มีสองตัวเลือกให้ทั้งสองได้เลือกเอา

ตัวเลือกของพระกฤษณะมีดังนี้

  1. ได้กองทัพของพระกฤษณะจำนวน 1 อักเษาหินี ซึ่งเป็นกองทัพที่มีฝีมือที่สุดในแผ่นดิน
  2. ได้ตัวพระกฤษณะคนเดียว และเขาจะไม่จับอาวุธใดๆด้วย

ด้วยความที่พระกฤษณะตื่นขึ้นมาเห็นอรชุนก่อน พระกฤษณะจึงให้อรชุนเลือกก่อน

ปรากฏว่าอรชุนเลือกข้อ 2 ในทันทีแบบไม่ต้องคิด ตัวพระกฤษณะจึงไปอยู่ฝ่ายปาณฑพ ซึ่งทุรโยธน์เองก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะตนเองก็ต้องการข้อ 1 อยู่แล้ว ทุรโยธน์คิดว่าตัวพระกฤษณะคนเดียวและไม่จับอาวุธด้วยจะไปทำอะไรได้

นั่นเป็นความผิดพลาดอันสิ้นเชิงของทุรโยธน์

พระกฤษณะรู้ทุกสิ่งในจักรวาลเพราะตนเองเป็นอวตารของพระวิษณุ ดังนั้นเขาจึงใช้ความรู้ดังกล่าวมาออกอุบายมากมายเพื่อเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายปาณฑพ

เขารู้ดีว่าตัวอันตรายที่สุดคนหนึ่งของฝั่งเการพก็คือ กรรณะ เขาจึงต้องหาทางกำจัดทุกวิธีทาง ถึงแม้ว่าพระกฤษณะเป็นเพื่อนที่ดีกับกรรณะมาโดยตลอดก็ตาม

นั่นก็เพราะว่า หน้าที่ เช่นเดียวกับภีษมะ พระกฤษณะได้อยู่ฝ่ายปาณฑพแล้ว หลังจากที่อรชุนได้เลือกเขา ดังนั้นเขาต้องทำหน้าที่ในฐานะ “ที่ปรึกษา” หรือ “กุนซือ” ให้เต็มที่

ดังนั้นพระกฤษณะจึงไปขอภีษมะเพื่อที่จะช่วยฝ่ายปาณฑพในสงครามตามหน้าที่ของเขา

พระกฤษณะเคยกล่าวในประเด็นนี้ไว้ว่า

กรรณะเลือกอยู่ตรงข้ามกับฝ่ายธรรมะ เราเลยต้องจำใจกำจัดเขา

ในอินเดียโบราณ เรื่องหน้าที่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก สำหรับวรรณะกษัตริย์แล้ว หน้าที่ของพวกเขาคือสู้รบตามคำสั่งที่ได้รับมา ทั้งฝ่ายเการพและปาณฑพต้องลืมความทรงจำระหว่างบุคคลที่ดีๆ ระหว่างกันไปเสีย และทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดในสงคราม

หลังจากนั้นสงครามแห่งทุ่งกุรุเกษตรก็เริ่มต้นขึ้น

ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายสู้รบในการต่อสู้อย่างหนัก กรรณะไม่ได้ทำอันใดเลย นอกจากนั่งรออยู่ในค่ายด้วยความกระวนกระวายใจ และเฝ้ารอเวลาที่ตนเองจะออกไปต่อสู้ในสมรภูมิแห่งทุ่งกุรุเกษตรบ้าง เมื่อใดกรรณะจะได้ออกไปรบกันแน่? ติดตามต่อไปได้ในตอนที่ 7

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!