เทคโนโลยี6 วิธีหารายได้จาก Google Adsense ให้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน

6 วิธีหารายได้จาก Google Adsense ให้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน

Google Adsense เป็นช่องทางการสร้างรายได้จากเว็บไซต์ที่ยั่งยืนที่สุดวิธีหนึ่ง และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นช่องทางแรกที่เจ้าของเว็บไซต์สามารถทำเงินจากเว็บไซต์เลยก็ว่าได้ ผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เคยสร้างรายได้จาก Google Adsense มาก่อนเช่นกัน

อย่างไรก็ดีหลายคนที่ใช้การหารายได้วิธีนี้กลับประสบปัญหารายได้ต่ำกว่าที่คาด ทำให้ท้อแท้และเลือกที่จะเลิกทำเว็บไปเลยก็มี ในโพสนี้ผมจึงจะมาเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยให้คุณสร้างรายได้จาก Google Adsense ให้เพิ่มขึ้นครับ

บทความนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสมัคร Google Adsense ให้ผ่าน ซึ่งถ้าคุณยังติดขัดกับการสมัคร ผมแนะนำให้อ่านอีกบทความหนึ่งของผมครับ

การสร้างรายได้จาก Google Adsense ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง?

รายได้จาก Google Adsense จะมากจะน้อยนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักๆ 3 ปัจจัยนั่นก็คือ

CPC (Cost Per Click) หรือค่าใช้จ่ายของผู้ซื้อโฆษณา (Advertiser) ในการกดต่อคลิก ซึ่งจะแปรผันตามหลากหลายปัจจัย ตั้งแต่ keyword นั้นๆ ไปจนถึงความต้องการที่จะโฆษณาของฝั่ง Advertiser ซึ่งถ้ามีการแข่งขันกันสูง โอกาสที่ค่า CPC จะสูงไปด้วย

CPC นั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่กำหนดรายได้จาก Google Adsense ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณได้คลิกที่มีค่า CPC สูงถึง $10 คุณจะได้เงินต่อคลิกสูงเป็น 500 เท่าของคนที่ได้คลิกที่มีค่า CPC แค่ 0.02

หรือให้เห็นภาพมากกว่านั้นก็คือ 1 คลิกแบบแรกมีค่าเท่ากับ 500 คลิกของแบบที่ 2

2. CTR (Click-Through Rate) หรือจำนวนเปอร์เซนต์ที่มีผู้กดคลิกโฆษณา ยกตัวอย่างเช่นถ้ามีการเห็นโฆษณา (Impressions) 10,000 ครั้ง แล้วมีการกด 100 ครั้งเท่ากับว่าค่า CTR = 1%

ส่วน CTR นั้นก็ไม่ต่างกับ CPC ในเรื่องความสำคัญ เพราะจำนวนเปอร์เซนต์คลิก 0.5% กับคลิก 2% นั้นจะสร้างรายได้ที่ต่างกันถึง 4 เท่าเลยทีเดียว

3. Quality Traffic – แน่นอนสำคัญที่สุดก็คือ Traffic ที่มีคุณภาพนั่นเอง ถ้ามีผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ตรงกับเนื้อหาของเว็บไซต์ และมีความต้องการที่จะซื้อสินค้า จำนวนการกดโฆษณาของคุณก็จะมากตามไปด้วย

ดังนั้นถ้าคุณต้องการจะเพิ่มรายได้จาก Google Adsense หัวใจสำคัญก็คือคุณจะต้องทำให้ทั้ง 3 ค่านี้สูงที่สุด ทั้งนี้คุณมีข้อมูลเหล่านี้อยู่แล้วบน Dashboard ของ Google Adsense ซึ่งคุณสามารถจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ครับ

ถัดไปเราไปดูกันดีกว่ามีเทคนิคไหนบ้างที่คุณช่วยคุณเพิ่มรายได้จาก Google Adsense

วิธีหารายได้จาก Google Adsense มีความเกี่ยวข้องกับ Adwords โดยตรง

1. เลือก Niche ของเว็บไซต์ให้ถูกต้อง (CPC, CTR)

การเลือก “Niche” ของเว็บไซต์ของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง เพราะแต่ละ Niche ให้ค่า CPC ที่แตกต่างกันออกไปมาก บาง Niche อาจจะให้ค่า CPC ทั่วไปที่สูงถึง $3 ขณะที่บาง Niche ให้แค่ $0.01

หลายคนอาจจะสงสัยว่า Niche คืออะไร ผมขออธิบายง่ายๆ แค่ว่ามันก็แค่ขอบเขตของ content ในเว็บไซต์ว่าเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง แน่นอนว่าคุณอาจจะเลือกขยาย Niche ให้ครอบคลุมทุกอย่างเลยก็ได้ (เหมือนกับเว็บข่าว) หรือว่าเลือกที่จะโฟกัสไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเช่น อาหาร ท่องเที่ยว ฟิตเนส ฯลฯ

แต่สำหรับเว็บใหม่แล้ว การเลือก Niche แบบหลังเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะมีโอกาสมากกว่าที่คุณจะติดอันดับสูงๆ ใน Google (เพราะเป็น Authority Site) นอกจากนี้ถ้าคุณเลือก Niche ที่ให้ค่า CPC สูงอยู่แล้ว คุณจะได้โฟกัสอยู่กับสิ่งที่สร้างรายได้ได้ดีครับ

นอกจากนี้การเลือก Niche ยังส่งผลต่อค่า CTR อีกด้วย เพราะถ้าคุณเขียน content ที่สอดคล้องกับโฆษณา จะมีโอกาสสูงที่ Algorithm ของ Adsense จะแสดงสินค้าที่สอดคล้องกัน อย่างเช่นถ้าคุณเขียนเกี่ยวกับไก่ทอด ตัว Algorithm จาก Adsense จะแสดงผลเป็นไก่ทอดแช่แข็ง หรือร้านขายไก่ทอด ซึ่งจะช่วยให้ผู้ชมกดโฆษณามากขึ้น

ดังนั้นก่อนที่คุณจะสร้างเว็บไซต์ คุณควรจะคิดก่อนว่า Niche ไหนจะช่วยให้คุณได้โฆษณาที่มีโอกาสจะได้รับรายได้สูงที่สุด และพยายามสร้าง content คุณภาพสำหรับ niche ดังกล่าวให้ออกมาได้ดีที่สุดและมากที่สุด

2. ทำ Keyword Research (CPC)

คุณไม่มีทางได้คลิกที่ได้ค่า CPC สูงๆ เลย ถ้าคุณไม่ได้ทำ keyword research หรือหาคีย์เวิร์ดที่เหล่า Advertiser ต้องแข่งขันกัน เพื่อให้ได้โฆษณาใน keyword นี้ ซึ่งจะทำให้ค่า CPC ดังกล่าวพุ่งตามกฎอุปสงค์อุปทานทั่วไป

ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำก็คือใช้โปรแกรมสรรหา keyword นั่นเอง โปรแกรมหลายตัวจะให้ข้อมูลที่ดีมาก ไม่ว่าจะเป็น Traffic, Difficulty (ความยากในการ rank) และค่า CPC ทำให้คุณรู้ว่า keyword ไหนที่ advertiser ต้องแข่งขันกัน หลังจากนั้นคุณก็เขียนบทความที่เจาะจง keyword ดังกล่าวและทำ SEO ให้เรียบร้อย

โดยส่วนตัวแล้วผมชอบโปรแกรมอย่าง Mangools เพราะราคาไม่แพง แต่คุณจะใช้ของฟรีอย่าง Google Keyword Planner ก็ได้เช่นกัน

3. เลือกโฆษณาให้เหมาะสม (CPC, CTR)

ในหน้า Dashboard ของ Google Adsense นั้นคุณสามารถจัดการการใช้งานโฆษณาได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น

  • เลือกรูปแบบโฆษณา อย่างเช่น Display ads, In-article ads, Video ads ฯลฯ)
  • เลือกอุตสาหกรรม อย่างเช่น Tourism, Food, Education ฯลฯ
  • ความถี่ในการแสดง Ads
  • Customization (ปรับเปลี่ยนสี และรายละเอียดอื่นๆ )

ในส่วนนี้คุณสามารถตรวจสอบและทดลองดูได้ ผมไม่อาจจะแนะนำได้ว่าเว็บไซต์ไหนเหมาะกับรูปแบบไหน หรือว่าโฆษณาแบบไหนเวิร์คหรือไม่เวิร์ค เพราะว่าแค่ต่าง Niche ค่าที่เหมาะสมก็ต่างกันไปแล้ว ดังนั้นผมแนะนำให้ทดลองโดยใช้ฟีเจอร์ A/B Testing บนแพลตฟอร์มของ Google Adsense ในเลือกค่าที่เหมาะสมที่สุดครับ

อย่างไรก็ดีที่แน่ๆ ก็คือ ในส่วนของการเลือกอุตสาหกรรม (Categories) ซึ่งคุณสามารถปิดไม่ให้ผู้โฆษณาจากบางอุตสาหกรรมเข้ามาในการ bid เลยได้ ซึ่งข้อดีก็คือคุณจะมีโอกาสที่จะได้โฆษณาที่สอดคล้องกับ content ของคุณมากยิ่งขึ้น และเพิ่ม CTR ของคุณ

แต่การปรับแบบนี้ก็มีข้อเสีย เพราะคุณจะไปลดการแข่งขันในระบบ bid ทำให้การแข่งขันของผู้โฆษณาลดน้อยลงมาก ทำให้ค่า CPC อาจจะร่วงกราวได้ ดังนั้นคำแนะนำในหมู่ผู้ทำเว็บส่วนใหญ่ก็คือ ไม่ควรปิดกั้นอุตสาหกรรมไหนทั้งนั้น ยกเว้นอุตสาหกรรมที่ sensitive และผิดกฎหมาย (อย่างเช่นเว็บไซต์สำหรับการเรียนการสอนสำหรับเด็ก แต่ไม่ควรมีเรื่องการพนันเป็นต้น)

4. วางโฆษณาให้เหมาะสม (CTR)

บางเว็บไซต์เลือกที่จะวางโฆษณาแบบ Aggressive มาก หรือพูดง่ายๆ คือทั้งหน้า interface เต็มไปด้วยโฆษณา ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานเข้าชม content ได้อย่างยากลำบาก สร้างความรำคาญอย่างยากที่หาที่ได้เปรียบ

ผมเข้าใจว่าที่หลายๆ คนทำแบบนี้ก็เพราะต้องการให้ผู้เข้าชมเห็นโฆษณามากๆ หรือแม้กระทั่งหวังจะให้ผู้ใช้งานเผลอกดไปโดนโฆษณา ซึ่งจะช่วยเพิ่ม CTR ไปโดยปริยาย

ในปัจจุบัน Google อาจจะไม่ห้ามในเรื่องจำนวนโฆษณาที่วางได้แล้ว แต่ผมก็ไม่แนะนำให้วางเยอะเกินไปอยู่ดี เพราะสาเหตุต่อไปนี้

  • เว็บไซต์ของคุณดูเหมือน Spam Website ซึ่งไม่ดีต่อภาพลักษณ์ในระยะยาว และยังมีผลต่อ Google Ranking อีกด้วย
  • โฆษณาที่มากเกินไปจะทำให้ค่า CLS (Cumulative Layout Shift) ของเว็บคุณพุ่ง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับ Google Ranking เช่นเดียวกัน
  • โฆษณาทำให้เว็บไซต์ของคุณโหลดช้าถึงช้ามาก สร้างความหงุดหงิดแก่ผู้เข้าชม และไม่ดีกับการติดอันดับของ Google เหมือนเดิม
  • ผู้เข้าชมรู้สึกรำคาญเมื่อเห็นโฆษณาจำนวนมหาศาล และอาจจะปิดหน้าเว็บของคุณทันที

จากประสบการณ์ที่ผมทำ Google Adsense มา ผมพบว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดมีอยู่ไม่กี่ตำแหน่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นใต้ Paragraph ที่ 1 ของ content และพวกที่เข้ามาอยู่ระหว่างบทความทั้งหลาย ส่วนที่เหลือนั้นเรียกได้ว่าไม่ค่อยช่วยอะไรเลยดีกว่า ดังนั้นผมจึงไม่เห็นมูลเหตุที่ต้องใส่โฆษณามากๆ เลยครับ

อีกเทคนิคหนึ่งที่น่าสนใจก็คือใช้ซอฟต์แวร์ดีๆ อย่าง Smartlook ซึ่งจะช่วยให้คุณตรวจสอบดูในรูปแบบวิดีโอได้ว่า เวลาผู้ชมแต่ละคนเข้าชมเว็บไซต์นั้น พวกเขาหยุดตรงไหนบ้าง คลิกตรงไหนบ้าง หลังจากนั้นคุณก็เอาโฆษณาไปวางตรงนั้น 1-2 อัน เพิ่มโอกาสที่ผู้ชมจะคลิกโฆษณานั่นเองครับ

5. ตรวจสอบว่าผู้ชมเห็นโฆษณา

หนึ่งในปัญหาโลกแตกของผู้ใช้งาน Adsense (ไม่จำเป็นว่าต้องเริ่มต้นใช้งาน เพราะผู้ใช้งานมานานแล้วก็พบได้เช่นกัน) ก็คือการที่ผู้ชมไม่เห็นโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุจากเว็บของคุณเอง หรือตัว Adsense เองก็แล้วแต่ คุณจะต้องแก้ไขปัญหานี้ให้เร็วที่สุด

หลายคนอาจจะสงสัยว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ชมไม่เห็นโฆษณา

1. วิธีแรกก็คือใช้ Smartlook เหมือนเดิม ซึ่ง Smartlook จะแสดงผลแต่ละ session ให้คุณดูรูปแบบวิดีโออยู่แล้ว คุณก็สามารถรู้ได้ว่าผู้ใช้งานจริงนั้นเห็นหรือไม่เห็นโฆษณาจาก Google Adsense

2. ตรวจสอบ Page Views และ Impressions บน Adsense Dashboard ในแต่ละวัน ถ้าคุณเริ่มเห็นว่าอัตราส่วนเริ่มลดลงไปจากปกติ โดยที่คุณไม่เปลี่ยนแปลงอะไรบนเว็บไซต์ แสดงว่าผู้ชมเห็นโฆษณาแต่ละหน้าลดลง

ยกตัวอย่างเช่น คุณวางโฆษณาไว้ 5 ตำแหน่งต่อหน้า อัตราส่วนระหว่าง Impressions ต่อ Page Views ก็อาจจะอยู่ที่ 4-4.5 แต่ถ้าอยู่ดีๆ ค่านี้ลดลงเหลือ 2.5 หรือ 3 แสดงว่าโฆษณาบางหน้าอาจจะไม่แสดงให้ผู้ชมเห็นนั่นเอง

3. ใช้ Device อื่นหรือเปิด Incognito Mode ใน Browser แล้วเข้าเว็บไซต์ของคุณ ถ้าคุณไม่เห็นโฆษณาเลย นั่นอาจจะแสดงให้เห็นว่า การแสดงโฆษณามีปัญหาเช่นเดียวกัน

6. ให้ความสำคัญกับการทำ SEO

แม้ว่าเว็บไซต์ของคุณจะได้ traffic จากหลากหลายรูปแบบ แต่ traffic ที่มีคุณภาพที่สุดจะมาจาก SEO หรือพูดง่ายๆ คือตัว Google เอง เพราะว่าเป็น traffic ที่เกิดจากการสรรหาข้อมูลโดยตรง

ผมอาจจะขอไม่ลงรายละเอียด เพราะบทความจะยืดยาวเกินไป แต่ถ้าใครเป็นมือใหม่ไม่เคยเรียนทำ SEO มาก่อนเลย ผมแนะนำให้เรียนกับคอร์สสอนทำ SEO ชั้นยอดเหล่านี้ครับ

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!