แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูลเป็นสโมสรที่เป็นคู่รักคู่แค้นกัน หากแต่ว่าแต่ละสโมสรต่างมีเรื่องละเอียดอ่อนที่แฟนบอลดีๆ จะไม่นำมาล้อเด็ดขาด
สำหรับ แมนยู แน่นอนว่าคือ โศกนาฏกรรมที่มิวนิค ส่วนลิเวอร์พูลย่อมเป็น โศกนาฏกรรมที่ฮิลล์โบโร
ปูมหลัง
ในฤดูกาล 1988-1989 ลิเวอร์พูลเป็นทีมฟุตบอลชั้นนำของเกาะอังกฤษ เรียกว่าเป็นมหาอำนาจเลยก็ว่าได้ ทีมลิเวอร์พูลแข็งแกร่งและประสบความสำเร็จมากที่สุดในเกาะอังกฤษในขณะนั้น
ลิเวอร์พูลลงแข่งเอฟเอคัพและทุกอย่างกำลังจะเป็นไปได้สวย พวกเขาผ่านเข้ารอบมาจนถึงรอบเซมิไฟนอล หรือรอบ 4 ทีมสุดท้าย คู่แข่งของเขาคือทีมน็อตติ้งแฮมฟอเรสต์ (Nottingham Forest) ทีมใดชนะจะได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
เอฟเอหรือสมาคมฟุตบอลอังกฤษได้เลือกสนามฮิลล์โบโรสสเตเดียม (Hillsborough Stadium) สนามเหย้าของเชฟฟิลด์เวนส์เดย์ เป็นสถานที่จัดการแข่งขัน
ด้วยความที่เอฟเอคัพ เตะกันแบบน็อคเอ้าท์ ถ้าทีมไหนแพ้ก็ตกรอบไปเลย แฟนๆ ทั้งสองทีมต่างตื่นเต้นกันเป็นพิเศษ
ในวันที่ 15 เมษายน ค.ศ.1989 แฟนบอลของทั้งสองทีมก็เข้ามาสู่สนาม หากแต่ว่าไม่ใช่แฟนบอลทุกคนจะเป็นแฟนบอลที่เรียบร้อย แฟนบอลที่เป็น “ฮูลิแกน” ก็เข้ามาในสนามด้วยเช่นกัน
พวกแฟนบอลฮูลิแกนคือแฟนบอลที่ป่วนการแข่งขัน หรือก่อเหตุต่อยตีกับแฟนบอลฝ่ายตรงข้าม ในเวลานั้นแฟนบอลลักษณะนี้มีมากในอังกฤษ
แฟนบอลฮูลิแดนของลิเวอร์พูลกับน็อตติ้งแฮมฟอเรสต์ก็เคยตีกันมาแล้วครั้งหนึ่งในปี ค.ศ.1988
ในช่วงบ่ายของวันที่จัดการแข่งขันนั้น แฟนบอลของน็อตติ้งแฮมฟอเรสต์จำนวน 29,800 คนรอเข้าสู่สนามอยู่ด้านทิศใต้และตะวันออก ส่วนแฟนบอลลิเวอร์พูลประมาณ 24,000 คนก็มารอเช่นกันในด้านที่เหลืออยู่
ผู้จัดงานพยายามไม่ให้แฟนบอลทั้งสองฝ่ายเดินสวนกัน เพราะจะตีกันให้วุ่นวายอีก
ความวุ่นวาย
แฟนบอลของทั้งสองทีมก็ต่างต้องการเข้าไปอยู่ในสนามก่อนที่เกมจะเริ่มต้นขึ้น พวกเขาจึงมาแออัดอยู่ที่จุดคัดกรอง เมื่อจุดคัดกรองยังไม่เปิด ทำให้สถานการณ์เกิดเป็นคอขวด
นอกจากนี้ยังมีแฟนบอลบางส่วนที่เดินทางมาผิดจุดคัดกรอง (ผิดฝั่ง) เจ้าหน้าที่จึงไม่ให้เข้าอัฒจันทร์ (น่าจะเพราะเกรงว่าจะเข้าไปตีกัน) แต่แฟนบอลเหล่านี้ก็ออกไม่ได้ เพราะมีแฟนบอลอื่นๆ นับหมื่นที่ปิดทางออกไว้
เมื่อเกมกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ยังมีแฟนบอลจำนวนมากที่ยังเข้าสนามไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอร้องให้เลื่อนเวลาการแข่งขันไปอีก 20 นาที เพื่อให้แฟนบอลทุกคนได้เข้ามาอยู่ในสนามพร้อมกันเสียก่อน แต่คำขอร้องของตำรวจกลับถูกปฎิเสธ
ที่จุดคัดกรองฝั่งตะวันตกของแฟนบอลลิเวอร์พูลมีแฟนบอลมากกว่า 5,000 คนที่ยังเข้าสู่อัฒจันทร์ไม่ได้ เพื่อระบายคนเจ้าหน้าที่จึงเปิดประตู A และ B รวมไปถึงประตู C ที่ใช้เป็นทางออกหลัก ให้กับแฟนบอลจำนวนนี้ให้เข้ามาสู่สนาม
หลังจากประตูเปิดออก แฟนบอลลิเวอร์พูลจึงทะลักเข้าไปสู่อัฒจันทร์ฝั่งตะวันตกในส่วนที่ 3 และ 4 (pens 3, pens 4) ที่อยู่ตรงกลางของอัฒจันทร์ฝั่งตะวันตกอย่างรวดเร็ว แฟนบอลจำนวนนี้ดันกันเองและดันรั้วกั้นฮูลิแกนเพื่อที่จะเข้าไปชมเกมที่กำลังจะเริ่มขึ้น
ส่วนที่ 3 และ 4 ของอัฒจันทร์ฝั่งตะวันตกของแฟนบอลลิเวอร์พูลเป็นที่ยืนไม่มีที่นั่ง ในจุดนี้เต็มจนไม่สามารถรับคนได้อีกแล้ว แต่เรื่องแปลกก็เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลับไม่ได้นำแฟนบอลไปยังอัฒจันทร์ด้านข้างตามที่ควรจะเป็น พวกเขากลับปล่อยให้แฟนบอลเข้าไปในส่วนที่ 3 และ 4 มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเพราะพวกเขาเปิดประตู C อันเป็นประตูที่ตรงเข้าไปส่วนที่ 3 และ 4 และตัวเจ้าหน้าที่ก็ไม่ทราบว่าตรงกลางอัฒจันทร์นั้นมีปัญหาคนเต็มแน่น!
เมื่อเกมเริ่มเตะขึ้น อัฒจันทร์ส่วนที่ 3 ของแฟนบอลลิเวอร์พูลก็เริ่มเกิดปัญหา แฟนบอลจำนวนมหาศาลที่ทะลักเข้ามาทำให้แฟนบอลที่อยู่ด้านหลังเริ่มดันคนที่อยู่ด้านหน้า ที่กั้นเหล็กก็รับแรงดันมากขึ้นทุกที
อัฒจันทร์พังทลาย
หลังจากที่เกมเริ่มต้น แฟนบอลลิเวอร์พูลพากันอินไปกับเกม ทำให้พวกเขาส่งแรงผลักมายังด้านหน้ามากขึ้น ทำให้สุดท้ายแล้วที่กั้นเหล็กที่ป้องกันการถล่มแตกออก แฟนบอลที่ยืนอยู่ด้านหลังถาโถมลงมาทับคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า
แฟนบอลที่อยู่จุดนั้นเห็นว่าความตายกำลังจะมาถึง พวกเขาหนีตายอย่างสุดชีวิต บางคนพยายามจะปีนรั้วเพื่อเข้ามาในสนาม บางคนก็ถูกแฟนบอลคนอื่นช่วยเหลือด้วยการดึงไปยังจุดที่ปลอดภัย
การทับโดยคนจำนวนมหาศาลเช่นนั้น ทำให้แฟนบอลหลายคนเสียชีวิตลงจากการขาดอากาศหายใจ ผู้ตัดสินในสนามรีบเป่าหยุดเกมทันที เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์และเข้าช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่บริเวณนั้น
ในสนามเกิดความวุ่นวายไปทั่ว เหล่าแฟนบอลของน็อตติ้งแฮมฟอเรสต์ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาคิดว่าแฟนบอลลิเวอร์พูลพยายามจะลงมาในสนาม ทำให้เกิดเสียงโห่ร้องดังขึ้นไปทั่ว
สถานการณ์คลี่คลายลงเมื่อเจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ได้ และนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล
ดูภาพสิ่งที่เกิดขึ้นได้ที่นี่ rarehistoricalphoto
ความสูญเสีย
ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีมากถึง 96 คน และมีอีก 700 กว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ บางคนต้องกลายเป็น “ผัก” ไปตลอดชีวิตจากการขาดออกซิเจน
ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งหมดเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูล เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์กีฬาของอังกฤษ
ตำรวจได้เริ่มต้นการสอบสวน ในช่วงแรกพวกเขาป้ายความผิดให้กับแฟนบอลลิเวอร์พูลว่ามีพฤติกรรมฮูลิแกนและเมาเหล้า เลยทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นั่นเป็นการสรุปที่ผิดพลาดโดยสิ้นเชิง
การสอบสวนใช้เวลานานถึง 2 ปี จนสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า พฤติกรรมของแฟนบอลลิเวอร์พูลในวันนั้นไม่ได้เป็นต้นเหตุของโศกนาฎกรรม แต่เจ้าหน้าที่ในสนามและตำรวจเองต่างหากที่ควบคุมฝูงชนอย่างผิดวิธีและหละหลวมทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นขึ้น
โศกนาฏกรรมที่ฮิลล์โบโรเป็นบทเรียนครั้งใหญ่แก่วงการฟุตบอลอังกฤษ เอฟเอได้สั่งให้ปรับปรุงความปลอดภัยของสนามฟุตบอลครั้งใหญ่ อัฒจันทร์ทั้งหมดเลยถูกเปลี่ยนเป็นแบบที่นั่งทั้งหมดจนถึงทุกวันนี้