ในหน้าประวัติศาสตร์โลก มีเจ้าหญิงมากมาย แต่จะหาใครมีความเป็นเจ้าหญิงเทียบเท่า เจ้าหญิงผู้นี้เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง
เธอเป็นเจ้าหญิงที่เพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง เธอเคยได้รับการยอมรับว่าเป็นเจ้าหญิงที่สวยที่สุดคนหนึ่งของยุโรป นอกจากนี้ยังมีจิตใจงดงาม และมีเมตตาสูงมาก มากถึงขนาดที่สามารถอภัยให้กับคนที่สังหารสามีของเธอได้
เธอยังใส่ใจในทุกข์สุขของผู้คนในอาณาจักรของเธอ เธอสร้างองค์กรการกุศลมากมายเพื่อช่วยผู้คนยากไร้
เธอยังมีความศรัทธาในศาสนาอย่างแรงกล้า ไม่มีใครสามารถทำให้เธอห่างไกลจากความเชื่อทางศาสนาที่ถูกต้องได้
เจ้าหญิงผู้นี้คือแกรนด์ดัชเชสเอลิซาเบธ (เอลิซาเวตา ฟยอดอรอฟนา ,Елизавета Фëдоровна Романова) แห่งราชวงศ์โรมานอฟ หรือ เจ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งเฮซ สมาชิกในครอบครัวของเธอเรียกเธอว่า “เอลลา”
เจ้าหญิงผู้งดงาม
เอลลาเป็นลูกคนที่สองของ ลุดวิกที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮส และเจ้าหญิงอลิซแห่งสหราชอาณาจักร เธอเกิดในปี ค.ศ.1864 ดังนั้นเธอจึงเป็นหลานยายของควีนวิกตอเรีย และเป็นพี่สาวแท้ๆ ของซาริซาอเล็กซานดรา
ตั้งแต่เด็ก เอลลาถูกเลี้ยงดูอย่างเรียบง่าย เธอต้องทำความสะอาดห้องของตัวเองให้เรียบร้อยโดยไม่มีใครช่วย เจ้าหญิงอลิซ แม่ของเธอมักพาเธอไปเยี่ยมเยือนพวกทหารที่ได้รับบาดเจ็บในโรงพยาบาลตั้งแต่เธอยังเด็ก ทำให้เธอซึมซับความห่วงใยเพื่อนมนุษย์มาตั้งแต่บัดนั้น
เมื่อโรคคอตีบระบาดในปี ค.ศ.1878 ที่เฮส เอลลาโชคดีที่ไม่ได้อยู่ที่นั่น ทำให้เธอไม่ได้เจ็บป่วยจากโรคดังกล่าว แต่โรคร้ายได้พรากแม่และมาเรียน้องสาวอันเป็นที่รักไปจากเธอตลอดกาล เอลลารู้สึกว่าเหมือนกับฝันร้าย แต่เธอก็ก้าวผ่านมันมาได้
หลังจากที่เอลลากลับมายังเฮส ความสวยของเธอก็ไปเข้าตาเจ้าชายหนุ่มหลายคน โดยเฉพาะเจ้าชายวิลเฮล์มแห่งปรัสเซีย (ต่อมาคือ ไกเซอร์วิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี)
วิลเฮล์มชอบมาเยี่ยมเยือนเฮสอยู่บ่อยๆ ในเวลาไม่นานวิลเฮล์มก็ตกหลุมรักเอลลาเข้าอย่างจัง วิลเฮล์มเขียนจดหมายรักฉบับแล้วฉบับเล่ามาเพื่อจีบเอลลา แต่เอลลาไม่แยแสเลย เธอและครอบครัวไม่ชอบปรัสเซีย และวิลเฮล์มก็มีนิสัยประหลาด ทำให้เธอและพี่น้องไม่อยากอยู่ใกล้เขาเลยแม้แต่น้อย เวลาที่เขาเดินทางมายังเฮส
ดังนั้นเมื่อวิลเฮล์มขอเอลลาแต่งงาน เอลลาปฏิเสธเขาอย่างไม่ไยดี ทั้งๆ ที่ปรัสเซียเป็นมหาอำนาจทางทหารในยุโรป และผู้นำของเยอรมนีเวลานั้น ถ้าเอลลาแต่งงานกับเขา เธอจะได้ตำแหน่งเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งเยอรมนี
ต่อมาเจ้าชายอีกหลายคนในยุโรปก็พยายามจีบและขอเอลลาแต่งงาน แต่เอลลายังไม่ชอบใครสักคนเดียว เธอปฏิเสธคำขอแต่งงานไปทั้งหมด แม้กระทั่งผู้ที่ควีนวิกตอเรีย ยายอันเป็นที่รักของเธอแนะนำก็ตาม
แต่งงานกับเซอร์เกย์
บางทีโชคชะตาก็มักจะเล่นตลก หญิงสาวที่เพรียบพร้อมและงดงามกลับได้คู่ชีวิตที่ไม่โอเคเสียเลย
เอลลาเป็นหนึ่งในนั้น
หนึ่งในเจ้าชายที่มักจะเยี่ยมเยียนเฮสบ่อยๆ คือ แกรนด์ดยุคเซอร์เกย์ อเล็กซานดรอวิช โอรสของซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 เขามักจะพาซาริซามาเรีย (คนละคนกับแม่ของซาร์นิโคลัสที่ 2) แม่ของเขากลับมาเยี่ยมเยือนเฮส บ้านเกิดของเธออยู่บ่อยๆ
ระหว่างที่เขาเยี่ยมเยือนเฮส ช่วงเวลานี้เองทำให้เขาได้พบกับเอลลา
ในช่วงแรกทั้งเอลลา และเซอร์เกย์ต่างไม่ได้มีรู้สึกอะไรให้กันเลย (ต่างกับนิโคลัสและอเล็กซานดราที่มองตาก็ชอบกันเลยในทันที) หากแต่ว่าในช่วงปี ค.ศ.1878-1881 ทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะว่ามีความรู้สึกสูญเสียบุพการีเหมือนกัน เอลลาสูญเสียแม่ไปในปี ค.ศ.1878 ส่วนเซอร์เกย์เสียแม่ไปในปี ค.ศ.1880 และเสียพ่อไปในปี ค.ศ.1881 ช่วงนั้นเอลลารู้สึกสงสารเซอร์เกย์และเริ่มผูกพันกับเขา
ความสัมพันธ์ของทั้งสองได้พัฒนาไปเรื่อยๆ และต่างคนต่างพบว่ามีความชอบหลายอย่างคล้ายกัน กล่าวคือทั้งเอลลาและเซอร์เกย์ต่างชอบศิลปะ และศรัทธาในศาสนาคริสต์มาก เซอร์เกย์เริ่มรู้สึกดีกับเอลลาเพราะว่าเธอมีหลายๆ อย่างคล้ายแม่ของเขาที่จากไป
ท้ายที่สุดแล้ว เซอร์เกย์จึงขอเอลลาแต่งงาน เอลลาตอบรับคำขอของเซอร์เกย์ด้วยความยินดี เหล่าเจ้าชายเจ้าหญิงทั้งหลายต่างตกตะลึงที่เจ้าหญิงผู้งดงามอย่างเอลลาเลือกเซอร์เกย์ โดยเฉพาะควีนวิกตอเรียที่เสียใจอย่างยิ่งที่หลานสาวของเธอแต่งงานกับแกรนด์ดยุคแห่งรัสเซีย จักรวรรดิที่เธอมองว่าปราศจากความมั่นคงโดยสิ้นเชิง
เอลลาและเซอร์เกย์แต่งงานกันที่เซนต์ปีเตอร์สเปิร์กในปี ค.ศ.1884 งานแต่งงานของทั้งสองได้ให้กำเนิดคู่รักคือคู่หนึ่ง นั่นก็คือ นิโคลัสและอเล็กซานดรา ทั้งสองพบกันเป็นครั้งแรกที่งานแต่งงานของเอลลาและเซอร์เกย์นั่นเอง
ชีวิตแต่งงานของเอลลาและเซอร์เกย์
หลายท่านอ่านมาถึงตอนนี้ อาจจะถามว่าอ่าว แล้วเซอร์เกย์ไม่เหมาะสมกับเอลลายังไง
สาเหตุแรกเลยคือ
เซอร์เกย์ผู้นี้ไม่สนใจผู้หญิง! หลักฐานชั้นต้นมากมายให้ข้อมูลว่าเซอร์เกย์มีรสนิยมทางเพศแบบโฮโมเซ็กชวล เขาไม่ได้แต่งงานกับเอลลาเพราะว่าเขาหลงใหลชอบพอเธอในฐานะผู้หญิง เขาอาจจะแต่งงานกับเอลลาเพราะเธอ “คล้ายแม่ของเขา”
จริงอยู่ว่าตลอดชีวิตการสมรสเกือบยี่สิบปี เซอร์เกย์จะนอนร่วมเตียงกับเอลลาทุกคืน แต่ทั้งสองไม่เคยมีลูกด้วยกัน เอลลาจึงต้องนำลูกของแกรนด์ดยุคพอลอย่าง ดมิทรี และ มาเรีย มาเลี้ยงดู เพราะเธอไม่สามารถมีลูกของเธอเองได้
เอลลาก็มีความสุขในชีวิตคู่ของเธออยู่มากเพราะเธอรักเซอร์เกย์อย่างจริงใจ แต่ตลอดเวลายี่สิบปี เอลลาต้องสู้กับกระแสเตียงหักอยู่บ่อยครั้ง เพราะเซอร์เกย์มีข่าวเรื่องรสนิยมทางเพศนั่นเอง
เรื่องรสนิยมทางเพศนี้เป็นเรื่องเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ
เซอร์เกย์ผู้นี้เป็นแกรนด์ดยุคที่หัวแข็ง หยิ่ง และดื้อดึง เขาต่อต้านการปฏิรูปการเมืองในรัสเซียเพราะคิดว่าคนรัสเซียยังไม่พร้อม ทำให้มีผู้ไม่ชอบเขาเป็นจำนวนมาก แม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์โรมานอฟด้วยกันเองก็ยังไม่ชอบ โดยเฉพาะเหล่าแกรนด์ดยุคที่สนับสนุนการปฏิรูปการเมือง
แกรนด์ดยุคอเล็กซานเดอร์ หรือ ซานโดร เคยเขียนถึงเซอร์เกย์ว่า
ฉันไม่อาจหาด้านดีๆ สักด้านหนึ่งจากนิสัยของเขาได้เลย หัวแข็ง หยิ่งผยอง เอาแต่ใจ
We, the Romanovs
เซอร์เกย์ยังเป็นคนขี้อาย และมีนิสัยแปลกๆ หรือลึกลับ อย่างเช่น เขาไม่ชอบโดนตัวใคร ไม่ว่าจะจับมือกับใคร เขาจะต้องใส่ถุงมือสีขาวเสมอๆ ทำให้ผู้คนไม่สามารถเข้าถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาได้เข้าไปใหญ่
วีรกรรมที่ฉาวมากคือเซอร์เกย์คือ การบริหารจัดการอย่างผิดพลาดอย่างสิ้นเชิงที่ทุ่ง Khodynka ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมายจากการเหยียบกันตาย และทำให้ภาพลักษณ์ของนิโคลัสพินาศยับเยินด้วย แกรนด์ดยุคนิโคลัส เสนอให้ซาร์นิโคลัสฉวยโอกาสนี้ปลดเซอร์เกย์ออกจากตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองมอสโก แต่นิโคลัสปฏิเสธ และให้เขาดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อไป
นั่นเป็นการตัดสินใจที่พังพินาศอีกครั้งของนิโคลัส เพราะเซอร์เกย์จะหาเรื่องให้เขาอีกมากมายในกาลข้างหน้า
ในฐานะผู้ว่าราชการเมืองมอสโก เซอร์เกย์ปกครองเมืองมอสโกโดยไม่สนใจความต้องการใดๆ ของประชาชน เซอร์เกย์เกลียดชังพวกนักปฏิวัติ และคิดว่าการใช้ความรุนแรงเท่านั้นถึงจะจัดการได้ เขาสั่งให้ปราบปรามมหาวิทยาลัยและโรงเรียนต่างๆอย่างรุนแรงเพื่อไม่ให้แพร่กระจายอุดมการณ์การปฏิวัติ นอกจากนี้ยังให้อำนาจกับพวกตำรวจมากมายในการปราบปรามชาวเมืองมอสโก
วีรกรรมที่ฉาวที่สุดของเซอร์เกย์คือ การสั่งไล่ชาวยิวหลายหมื่นคนออกจากเมืองมอสโกในคืนวันหนึ่ง โดยไม่สนใจว่าพวกเขาจะอยู่ที่มอสโกมานานกี่ปีแล้วก็ตาม ชาวยิวเหล่านี้เป็นเจ้าของกิจการและร้านค้า การไล่พวกเขาออกไปทำให้คนรัสเซียอีกหลายหมื่นคนตกงานทันที
สำหรับเอลลาแล้ว เมื่อเซอร์เกย์ไล่ชาวยิวออกไปเช่นนั้น เธอถึงกับตกตะลึง เอลลาหน้าซีดและตัวแข็งเมื่อได้ทราบข่าว เธอกล่าวขึ้นว่า
พระเจ้าจะลงโทษพวกเราอย่างรุนแรง
พฤติกรรมและวีรกรรมเหล่านี้ของเซอร์เกย์ ทำให้สมาชิกในราชวงศ์โรมานอฟสงสารเอลลามาก แกรนด์ดยุคอเล็กซานเดอร์เล่าว่าเอลลางดงามและมีเมตตา เซอร์เกย์จึงไม่คู่ควรกับเธอเสียเลย
ดังนั้นตลอดชีวิตแต่งงาน เอลลาต้องช่วยแก้ข่าวให้สามีมากมาย เพราะว่าเขาถูกโจมตีบ่อยครั้งเหลือเกิน
อย่างไรก็ตาม เซอร์เกย์เองก็มีข้อดีอยู่ เขาดีกับเอลลามาก และดูแลหลานชายและหลานสาวที่กลายมาเป็นลูกบุญธรรมของเขาอย่างดีเยี่ยม รวมไปถึงรักข้าราชบริพารของเขามาก
สูญเสียสามี
กระแสเกลียดชังเซอร์เกย์ ทำให้เขาเป็นเป้าหมายสำคัญอันดับต้นๆ ของพวกนักปฏิวัติ ในปี ค.ศ.1905 พวกนักปฏิวัติจึงสังหารเซอร์เกย์ด้วยการปาระเบิดไนโตรกลีเซอรีนเข้าใส่ในระยะประชิด ร่างของเซอร์เกย์แตกละเอียดในทันที
เอลลาได้ทราบข่าวเศร้าในวันเดียวกัน เธอพยายามที่จะไม่ร้องไห้ เอลลาขอให้ทุกคนเก็บรวบรวมร่างของเซอร์เกย์ให้ได้มากที่สุด หากแต่ว่าท้ายที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว และน้ำตาของเธอไหลนองลงมาในที่สุด
หลังจากนั้นเอลลามีโอกาสได้พบกับ อีวาน คัลยาเยฟ ฆาตกรที่สังหารเซอร์เกย์ เธอบอกเขาว่า เธอยกโทษให้กับเขาแล้ว และเธอต้องการที่จะขอให้นิโคลัสเว้นโทษตายให้กับเขา เพียงแค่เขาสำนึกผิด คัลยาเยฟปฏิเสธ เขาจึงถูกแขวนคอในเวลาต่อมา
การอุทิศตนเพื่อคนอื่น
การตายของเซอร์เกย์ทำให้เอลลาเป็นม่าย เธอตัดสินใจขายทรัพย์สินทั้งหมดที่เธอมีอยู่ เพื่อนำไปสร้างวิหารและสำนักชีที่กรุงมอสโก ทั้งนี้เอลลาได้เปลี่ยนศาสนาเป็นรัสเซียนออโธดอกซ์ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1891 เอลลาเลยได้กลายเป็นหัวหน้าแม่ชีในสำนักดังกล่าว
เอลลาในฐานะแม่ชีได้อุทิศตนเพื่อคนอื่นอย่างมาก เธอใช้ทรัพย์สินของเธอสร้างโรงพยาบาล สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โบสถ์ และร้านขายยาให้กับคนยากคนจน เธอนำสิ่งของหลายอย่างไปมอบให้กับคนจนในย่านเสื่อมโทรมหรือสลัมในกรุงมอสโก
สิ่งที่เอลลาทำไม่ใช่ทำเพื่อเอาหน้า เธอทำทุกสิ่งอย่างตั้งใจเพื่อที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของพวกเขา เธอทำสิ่งเหล่านี้อยู่นานหลายปี เอลลาไม่รู้สึกเกี่ยงงอนแต่อย่างใดยามที่จะต้องคลุกคลีกับผู้ป่วยหรือคนยากคนจน เธอและแม่ชีคนอื่นๆ ช่วยพวกเขาหางาน และมอบการศึกษาแก่ลูกหลานของเหล่าผู้ยากไร้จำนวนมาก ร้านขายยาของเธอก็เป็นร้านที่ยาส่วนใหญ่ไม่มีค่าใช้จ่าย
ตอนกลางวัน เอลลาจะเดินทางไปกับแม่ชีของเธอยังสถานที่ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้คน ส่วนในเวลากลางคืน เธอจะดูแลผู้ป่วยหนักที่อยู่ในการดูแลของเธอ
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เอลลารับทหารรัสเซียที่ได้รับบาดเจ็บจากสมรภูมิมารักษาและดูแลเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้เธอยังรักษาและดูแลเหล่าเชลยศึกด้วย การดูแลเหล่าเชลยศึกทำให้เอลลาถูกโจมตีว่าเธอช่วยเหลือพวกเยอรมัน แต่เอลลาก็มิได้ใส่ใจ เธอยังคงทำงานของเธอต่อไป เธอเป็นกำลังสำคัญในการสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ที่ใช้ทำเป็นแขนเทียมและขาเทียมให้กับทหารที่สูญเสียมันไปกับการต่อสู้ โรงงานดังกล่าวยังคงผลิตชิ้นส่วนดังกล่าวมาถึงทุกวันนี้
แตกหักกับอเล็กซานดรา
เอลลามีความสัมพันธ์อันดีกับอเล็กซานดราผู้เป็นน้องสาว เธอช่วยเหลือนิโคลัสในการขอน้องสาวของเธอแต่งงานในปี ค.ศ.1894
หลังจากที่อเล็กซานดราแต่งงานและกลายเป็นซาริซาของรัสเซีย ความสัมพันธ์ระหว่างเอลลาและอเล็กซานดราก็ยังดีอยู่เหมือนเดิม แต่มันเริ่มย่ำแย่ลงหลังจากที่อเล็กซานดราเริ่มนับถือรัสปูติน
เอลลาไม่เคยนับถือรัสปูตินเลยแม้แต่น้อย เธอมั่นใจว่าเขาเป็นพวกนอกรีต เธอพยายามเตือนน้องสาวของเธอให้ออกห่างรัสปูติน แต่ก็ไม่เป็นผล เอลลากลับเป็นฝ่ายห่างเหินจากอเล็กซานดราน้องสาวของเธอมากขึ้นไปทุกที
ในปี ค.ศ.1916 การเมืองรัสเซียปั่นป่วนอย่างหนัก เพราะอเล็กซานดราพยายามปลดเสนาบดีทุกคนที่เป็นศัตรูของรัสปูติน และแต่งตั้งคนที่รัสปูตินแนะนำเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญๆ เอลลาเป็นหนึ่งคนที่พยายามเตือนอเล็กซานดราว่าอิทธิพลของรัสปูตินกำลังจะทำลายราชวงศ์ แต่อเล็กซานดราไม่ฟังพี่สาวของเธออีกต่อไป เอลลาจึงต้องจากน้องสาวของเธอไปตลอดกาล ทั้งสองไม่ได้พบกันอีกเลย
การปฏิวัติรัสเซีย
เอลลาอยู่ในกลุ่มสมาชิกราชวงศ์ที่ต้องการกำจัดอเล็กซานดราออกไปจากการเมืองรัสเซีย แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะการปฏิวัติรัสเซียเกิดขึ้นเสียก่อน
ด้วยความที่เธอเป็นคนอุทิศตนเพื่อสังคม และไม่มีบทบาทใดๆ ทางการเมือง เธอจึงไม่ถูกจับกุมดังเช่นนิโคลัสและครอบครัว
หากแต่ว่าเมื่อการปฏิวัติตุลาคมเกิดขึ้น เอลลาปฏิเสธที่จะออกจากรัสเซียตามคำแนะนำของคนหลายคน เธอเลยถูกพวกบอลเชวิคจับกุมในวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ.1918
ชะตากรรมของเอลลาจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ
หนังสืออ้างอิง อยู่ที่นี่