คุกกี้เสี่ยงทาย (Fortune Cookie) เป็นที่พูดถึงอย่างมากหลังจากที่เพลง “คุกกี้เสี่ยงทาย” ของวง BNK48 มีชื่อเสียง
หลายท่านอาจจะสงสัยว่ามึคุกกี้แบบนี้จริงๆ หรือไม่ และถ้ามี มันมีประวัติความเป็นมาอย่างไร
คำตอบคือ มีครับ มันก็เป็นคุกกี้ธรรมดาๆ นี่เองแหละ คุกกี้เสี่ยงทายเป็นคุกกี้ขนาดเล็ก มันมีรสหวาน มีความกรอบ จุดเด่นของคุกกี้นี้คือภายในคุกกี้จะสอดแทรกคำทำนายไว้อยู่
มันจึงถูกเรียกว่า Fortune Cookie นั่นเอง
ผมเคยกินคุกกี้ที่ว่านี้ตอนเรียนอยู่ที่อเมริกา คุกกี้เสี่ยงทายนี้จะห่อมาในซองพลาสติก ส่วนมากร้านอาหารจีนไม่ว่าจะเป็นในนิวยอร์ก ชิคาโก บอสตัน จะมอบให้ฟรีหลังกินอาหารเสร็จแล้ว ถ้าสั่งอาหารแบบ delivery ร้านก็มักจะใส่มันมาในถุงอาหารด้วย
ตอนไปอเมริกาใหม่ๆ ผมก็กินอยู่ แต่พักหลังก็เลิก เพราะรู้สึกว่ามันไม่อร่อยเลย
สำหรับเรื่องคำทำนาย หลายท่านอาจจะสงสัยว่าแม่นหรือไม่ คำตอบคือไม่ครับ 555 ผมทดสอบด้วยตนเองมาแล้วหลายที ครั้งหนึ่งมันเคยบอกว่าผมจะโชคดีระดับถูกรางวัลที่ 1 แต่ตอนนี้ผ่านไปหลายปีแล้ว รางวัลอะไรก็ยังไม่เห็นมาเลยครับ 55
ต้นกำเนิดของคุกกี้เสี่ยงทาย
ต้นกำเนิดของคุกกี้เสี่ยงทายไม่แน่ชัด ในศตวรรษที่ 19 เมืองเกียวโตในประเทศญี่ปุ่นมีการทำคุกกี้ที่มีรูปร่างเหมือนกับคุกกี้เสี่ยงทายในปัจจุบันออกมาขาย ส่วนวัดบางวัดในเมืองมีธรรมเนียมการเขียนคำทำนายแบบสุ่ม หรือ Omikuji
ในภายหลังเชื่อกันว่ามีผู้นำใบคำทำนายเล็กๆนี้ไปใส่ไว้ในคุกกี้ และนำออกมาขาย คุกกี้นี้มีชื่อว่า Tsujiura Senbei อย่างไรก็ตามคุกกี้แบบนี้มีสีดำเข้มกว่าคุกกี้เสี่ยงทายที่เราเห็นในปัจจุบัน
ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้โต้แย้งว่าตนเองเป็นผู้ทำคุกกี้เสี่ยงทายเป็นคนแรกในทวีปอเมริกาอยู่หลายคน พวกเขาอ้างว่าได้ผลิตคุกกี้เสี่ยงทายขึ้นมาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลายคนมีเชื้อสายจีนบ้าง ญี่ปุ่นบ้าง
หนึ่งในผู้อ้างก็คือ เซอิชิ คิโตะ เขาอ้างว่าตนเองนำแนวคิดคุกกี้เสี่ยงทายมาจากเกียวโต คิโตะทำคุกกี้แบบเดียวกันออกมาและขายไปให้ร้านอาหารจีนต่างๆ ในอเมริกา ธรรมเนียมการแจกคุกกี้เสี่ยงทายในร้านอาหารจีนจึงเกิดขึ้นนับตั้งแต่บัดนั้น
แต่เรื่องนี้เองก็ยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ถ้าข้อกล่าวอ้างของคิโตะเป็นจริง มันสามารถอธิบายได้ว่าทำไมร้านอาหารจีนในอเมริกาถึงชอบแจกคุกกี้เสี่ยงทาย
ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาสั่งให้ย้ายชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นทั้งหมดไปอยู่ในค่ายพิเศษ (Internment) ดังนั้นชาวจีนและชาวอเมริกันเชื้อสายจีนจึงเข้ามาทำธุรกิจดังกล่าวแทน ธุรกิจการผลิตคุกกี้เสี่ยงทายจึงอยู่ในมือชาวจีน การแจกมันในร้านอาหารจีนกลายเป็นธรรมเนียมที่ทำโดยทั่วไปโดยปริยาย
ในเวลาต่อมาธรรมเนียมการแจกคุกกี้ดังกล่าวได้แพร่หลายไปยังร้านอาหารจีนในประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ด้วย
ในปัจจุบัน คุกกี้เสี่ยงทายนี้เป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกามากที่สุด ราวกับว่าสินค้าดังกล่าวนี้เป็นสัญลักษณ์ของ “วัฒนธรรมเอเชียในสายตาชาวอเมริกัน” แต่ละปีจะมีการผลิตคุกกี้เสี่ยงทายมากถึง 3 พันล้านชิ้น เกือบทั้งหมดนั้นถูกบริโภคในประเทศสหรัฐอเมริกา การผลิตคุกกี้เสี่ยงทายเปลี่ยนจากผลิตด้วยมือเป็นผลิตด้วยเครื่องจักร ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20
แม้ว่าคุกกี้เสี่ยงทายจะอยู่คู่กับร้านอาหารจีนและชาวจีนในสหรัฐอเมริกา แต่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ค่อยรู้จักมันสักเท่าใดนัก เพราะว่าจริงๆ แล้ว คุกกี้เสี่ยงทสยคือวัฒนธรรมอเมริกันที่กำเนิดขึ้นเพราะชนเชื้อสายเอเชียตะวันออกนั่นเอง