ประวัติศาสตร์รัสเซียครอบครัวซาร์"อดีตซาร์นิโคลัสที่ 2" และครอบครัวเผชิญหน้ากับความอัปยศ (3)

“อดีตซาร์นิโคลัสที่ 2” และครอบครัวเผชิญหน้ากับความอัปยศ (3)

ภายหลังจากกลับมาที่พระราชวังอเล็กซานเดอร์ นิโคลัสและอเล็กซานดรา และลูกๆ ต่างตกอยู่ในสถานะนักโทษโดยสมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็มีความสุขที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้งหนึ่ง นิโคลัสและอเล็กซานดราเองก็ไม่ต้องกังวลกับเรื่องการเมืองใดๆ อีกแล้ว พวกเขาเชื่อว่าอีกไม่นานจะได้เดินทางไปยังต่างประเทศ และเมื่อสงครามสงบ พวกเขาจะได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่เงียบๆ ตามประสาพ่อแม่ลูกที่ไครเมีย

นิโคลัสไม่ทราบเลยว่า อังกฤษยกเลิกการเชิญให้เขาไปลี้ภัยเรียบร้อยแล้ว และฝูงชนภายนอกหมู่บ้านซาร์ต่างต้องการลงทัณฑ์เขา ถึงแม้ว่าหลายๆ สิ่งเขาจะไม่ได้เป็นผู้ก่อก็ตาม

เผชิญหน้ากับความอัปยศ

เหล่าข้าราชบริพารที่เห็นนิโคลัสกลับมาต่างรู้สึกตกใจที่นิโคลัสเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พบหน้าเขาเป็นเวลาเพียงหนึ่งเดือนก็ตาม ผิวของนิโคลัสขาวซีด ผมของนิโคลัสเป็นสีขาวเป็นหย่อมๆ บนใบหน้าของเขายังมีตีนกาเต็มไปหมด ลิลี่ เดห์น (Lili Dehn) นางสนองพระโอษฐ์เล่าว่านิโคลัสเหมือนกับคนแก่คนหนึ่งที่ซีดราวกับคนตาย

โคนีลอฟ นายทหารที่กุมกองกำลังที่รักษาพระราชวังอเล็กซานเดอร์อยู่ปรารถนาจะให้นิโคลัสพำนักอยู่แต่ในวังโดยไม่ต้องออกมา แต่นิโคลัสไม่ต้องการเช่นนั้น ตัวเขาชื่นชอบที่จะเดินไปเดินมาอยุ่แล้ว การให้เขาอยู่ในวังเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการเลย นิโคลัสจึงขออนุญาตโคนีลอฟให้เขาออกไปเดินเล่นที่สวนสักพักหนึ่ง

คำขอของนิโคลัสได้รับการอนุมัติ แต่โคนีลอฟสั่งให้ทหารของเขาตั้งป้อมตรวจการอย่างแน่นหนาบริเวณสวนที่นิโคลัสออกไปเดินเล่น และเขาอนุญาตให้นิโคลัสเดินเล่นได้ในบริเวณที่จำกัดเท่านั้น

เมื่อนิโคลัสออกมาจากวัง ปรากฏว่าการเตรียมการยังไม่เรียบร้อย นิโคลัสต้องรออีก 20 นาทีกว่าจะเข้าไปในสวนได้

ระหว่างที่นิโคลัสกำลังเดินอยู่ในสวน มีทหารคนหนึ่งเข้ามาขวางนิโคลัสเอาไว้ สีหน้าของนิโคลัสแปรเปลี่ยนเป็นความกังวล เขาเลยเดินไปอีกทางหนึ่ง แต่ทหารอีกคนหนึ่งก็มาหยุดเขาไว้อีก

ปรากฏว่าไม่ว่านิโคลัสจะเดินไปทางใด เขาก็ถูกทหารรักษาการณ์สกัดกั้นไว้จนหมดสิ้น พวกเขาผลักนิโคลัสให้กลับไปทางพระราชวัง และพูดขึ้นว่า

คุณพันเอก พวกเราไม่ยอมให้คุณเดินไปทางนั้นหยุดยืนอย่างที่ได้รับคำสั่ง ท่านผู้พัน

นิโคลัสไม่ได้เดินต่อไป เขามองทหารที่รายล้อมเขาอยู่ทีละคน และตัดสินใจเดินกลับไปยังพระราชวังโดยไม่ได้แสดงถึงอารมณ์โกรธเลยสักนิดเดียว

หากแต่ว่าสำหรับเหล่าข้าราชบริพารแล้ว พวกเขารู้สึกโกรธอย่างยิ่งที่พวกทหารของรัฐบาลชั่วคราวไม่ให้เกียรติอดีตซาร์แห่งรัสเซียเช่นนี้

ในวันเดียวกัน ทหารของพวกสภาโซเวียตได้เดินทางมาที่พระราชวังอเล็กซานเดอร์ และประกาศว่าต้องการตัวนิโคลัสไปคุมขังในคุกที่ป้อมปีเตอร์แอนด์พอล แต่นายทหารที่สังกัดรัฐบาลชั่วคราวได้สกัดกั้นไว้ ทั้งสองโต้เถียงกันสักพัก สุดท้ายก็ตกลงกันได้ว่า ถ้าพวกรัฐบาลชั่วคราวยอมให้พวกตนเห็นว่านิโคลัสอยู่ที่นี่จริงๆ แล้ว พวกเขาจะยอมกลับไปแต่โดยดี

นิโคลัสจึงต้องกล้ำกลืนความอัปยศ และเดินลงมาหาพวกทหารของสภาโซเวียตที่เกรี้ยวกราดได้พบ จนพวกเขาพอใจแล้วถึงเดินทางกลับไป

สูญเสียความเป็นส่วนตัว

ครอบครัวซาร์ที่อยู่ในพระราชวังอเล็กซานเดอร์ต่างสูญเสียความเป็นส่วนตัวอย่างสิ้นเชิง พวกเขาและเธอยังคงสื่อสารกับโลกภายนอกได้ แต่จดหมายทุกฉบับจะถูกเปิดออกและอ่านโดยผู้บังคับบัญชากองทหารที่ประจำการอยู่ที่พระราชวังแห่งนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการช่วยเหลือจากภายนอกได้

สายโทรศัพท์ในพระราชวังทั้งหมดถูกตัดออก เหลือแต่เพียงจุดเดียวนั่นก็คือที่ห้องทหารรักษาการณ์ นิโคลัสและครอบครัวสามารถขอใช้โทรศัพท์ได้ แต่ต้องมีนายทหารและทหารรักษาการณ์อีกนายหนึ่งเฝ้าดูอยู่เท่านั้น นอกจากนี้พวกรัฐบาลชั่วคราวยังทราบว่าครอบครัวซาร์ทุกคนสามารถพูดภาษาต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่ว ทำให้พวกเขาบังคับให้ทุกคนพูดแต่ภาษารัสเซียเท่านั้นเวลาคุยโทรศัพท์

สิ่งของทุกสิ่งที่มอบให้กับครอบครัวซาร์ยังถูกตรวจอย่างละเอียดถี่ยิบ แม้กระทั่งยาสีฟัน ช็อคโกแลต หรือกระปุกโยเกิร์ต ถ้าแพทย์เดินทางมารักษาอาการครอบครัวซาร์ จะต้องมีนายทหารหนึ่งคนคอยฟังทุกสิ่งที่แพทย์พูดตลอดเวลา

ดังนั้นเราสามารถกล่าวได้ว่า ครอบครัวซาร์หมดสิ้นความเป็นส่วนตัวโดยสิ้นเชิงระหว่างที่อยู่ที่พระราชวังอเล็กซานเดอร์ สถานที่ที่เคยเป็นบ้านแห่งความสุขของครอบครัว

อดีตซาร์ผู้มีอารมณ์เย็น

ในบรรดาทุกคนในครอบครัว นิโคลัสเป็นคนที่ปรับตัวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดีที่สุด เขาไม่แสดงท่าทีไม่พอใจกับชะตากรรมของเขาเลย ปิแอร์ กิลเลียต (Pierre Gilliard) ครูชาวสวิสที่นิโคลัสจ้างมาสอนลูกๆ เล่าว่า

นิโคลัสยอมรับข้อห้ามเหล่านี้ด้วยความสงบอย่างไม่น่าเชื่อ และคุณธรรมที่สูงยิ่ง

นิโคลัสใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือ เขายังสนใจสถานการณ์ของกองทัพรัสเซียว่าเป็นอย่างไรบ้าง นิโคลัสกลัวว่าพวกทหารในสมรภูมิจะแข็งข้อกับผู้บังคับบัญชาอย่างที่เป็นอยู่ในกรุงเปโตรกราด เขาหวังว่ากองทัพรัสเซียจะได้ชัยชนะในสงครามในที่สุด

จะว่าไปแล้วในเวลานั้น เราปฏิเสธไม่ได้ว่านิโคลัสมีความสุขไม่น้อย ตลอดยี่สิบสามปีที่เขาเป็นซาร์ เขาต้องคลุกอยู่กับการอ่านรายงานทั้งวี่ทั้งวัน และมีคนต้องการเข้าพบมากมาย แต่ในบัดนั้นเขาไม่ต้องกังวลในเรื่องพวกนั้นอีกต่อไปแล้ว นิโคลัสสามารถอ่านหนังสือต่างๆ ได้อย่างที่เขาต้องการ นิโคลัสอ่านหนังสือประวัติศาสตร์และอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลจนจบเล่ม

ส่วนเวลาอื่นนอกเหนือจากการอ่านหนังสือ นิโคลัสใช้มันไปกับการดูแลลูกๆ นิโคลัสเป็นครูสอนวิชาประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ สองวิชาที่เขาถนัดมากที่สุดให้กับลูกๆ ทั้งห้าคน ในบางครั้งเขาก็ให้ลูกๆ นั่งล้อมวง และอ่านนิยายคลาสสิกของรัสเซียให้พวกเธอและเขาฟังจนจบเล่ม

สำหรับนิโคลัสแล้ว การเป็นจักรพรรดิหรือซาร์แห่งรัสเซียเป็นสิ่งที่จากไปแล้ว และไม่มีวันหวนคืน เมื่อเขาเริ่มสอนหนังสือให้ลูกๆ เขาทักทายให้ครูคนอื่นๆของลูกๆ ว่า “เป็นอย่างไรบ้าง เพื่อนร่วมงาน”

ในวันอีสเตอร์ นิโคลัสชวนทหารรักษาการณ์ที่สนิทกันสองนายมาร่วมงานเลี้ยงเล็กๆของครอบครัว ในงาน นิโคลัสก็สวมกอดทั้งสองราวกับว่าเป็นเพื่อนกัน โดยไม่ได้ถือตัวว่าสามเดือนก่อน เขาเคยเป็นถึงซาร์แห่งรัสเซีย

นิโคลัส ทาเทียน่า และมาเรีย (หรืออนาสตาเซีย) ถ่ายรูปกับพวกทหารระหว่างถูกคุมขัง Special Thanks to https://www.theromanovfamily.com/

ถ้าว่ากันตามตรง เป็นเรื่องเศร้าไม่น้อย นิโคลัสเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นจักรพรรดิหรือซาร์ภายใต้รัฐธรรมนูญ เขามีความสง่างาม มีความอดทน อดกลั้น มีความอ่อนโยน ถ้านิโคลัสเลือกที่เดินไปในเส้นทางดังกล่าว ตัวของนิโคลัส ครอบครัว หรือแม้กระทั่งรัสเซีย อาจจะไม่ต้องดำเนินไปในเส้นทางอันโหดร้ายเช่นนี้ก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม การที่นิโคลัสยอมรับชะตากรรมดังกล่าวได้ ไม่ได้แปลว่าครอบครัวของเขาจะยอมรับได้ง่ายๆ โดยเฉพาะซาริซาอเล็กซานดรา

อดีตซาริซาในที่คุมขัง

สำหรับอเล็กซานดราแล้ว การคุมขังเป็นสิ่งที่เจ็บปวดมาก เธอยอมรับกับสิ่งที่เป็นอยู่ไม่ได้อยู่เป็นเวลานาน ในช่วงแรกอเล็กซานดราร้องไห้อยู่บ่อยครั้งเมื่อเธออยู่กับครอบครัว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าบุคคลภายนอก เธอมีบุคลิกเงียบขรึมและดูหยิ่งทรนงในศักดิ์ศรี

อเล็กซานดราใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันไปกับการนั่งอยู่บนโซฟาในห้องของสี่สาว และถักโคเชต์อย่างที่เธอชอบ ในบางครั้งเธอต้องการจะไปพบกับแอนนา วีรูโบวา (Anna Vyrubova) ข้าราชบริพารและเพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอ นิโคลัสจะเข็นอเล็กซานดราที่นั่งอยู่บนรถเข็นด้วยตัวเองเพื่อไปพบวีรูโบวา

ในใจของอเล็กซานดรา เธอหวังว่าปาฏิหาริย์ยังมีจริง เธอเชื่อว่าผู้คนส่วนใหญ่ยังรักในราชวงศ์ โดยเฉพาะในเมืองชนบทที่ห่างไกลจากกรุงเปโตรกราด แต่เมื่อเวลาผ่านไป นิโคลัสก็ช่วยกล่อมเธอไปเรื่อยด้วยวิธีของเขา จนอเล็กซานดราเริ่มรับความจริงได้ทีละน้อย

หนึ่งในวิธีของนิโคลัสก็คือ พยายามทำให้ชะตากรรมที่ครอบครัวต้องเผชิญเป็นเรื่องตลก เมื่อพวกข้าราชบริพารเรียกเขาว่า “ซาร์” เขามักจะหัวเราะและบอกว่าเขาเป็นแค่ “อดีตซาร์” เท่านั้น นานวันเข้าอเล็กซานดราก็เริ่มซึมซับเรื่องตลกนี้ไปเช่นกัน เมื่อมีนางกำนัลคนหนึ่งเรียกเธอว่าซาริซา หรือ จักรพรรดินี เธอกล่าวกับเธอว่า

ไม่ต้องเรียกฉันว่าจักรพรรดินีอีกต่อไปแล้ว ฉันเป็นแค่อดีตเท่านั้นเอง

นิโคลัส อเล็กซานดรา และลูกๆ ไม่รู้เลยว่า ทั้งหมดที่ทุกคนต้องเผชิญเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง เรื่องเลวร้ายกว่านี้กำลังจะมาถึง

อ่านตั้งแต่ตอนแรกและติดตามตอนต่อไปได้ใน วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ หรือติดตามตอนที่ 4 ได้ที่นี่

หนังสืออ้างอิงอยู่ ที่นี่

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!