ศาสนา4 "พญาช้าง" สำคัญที่ปรากฏในหน้าพุทธประวัติและชาดก

4 “พญาช้าง” สำคัญที่ปรากฏในหน้าพุทธประวัติและชาดก

ช้าง เป็นสัตว์สำคัญในอินเดียและรวมไปถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย ในพุทธประวัติและชาดกปรากฏช้างสำคัญๆ อยู่หลายครั้งด้วยกัน ในบางครั้งช้างเป็นส่วนสำคัญในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยทีเดียว

ช้างทั้ง 4 ต่อไปนี้คือ ช้างสำคัญที่ปรากฏในพุทธประวัติและชาดกครับ

1. ช้างปัจจัยนาค

ช้างปัจจัยนาค หรือ ช้างปัจจัยนาเคนทร์ เป็นช้างที่มีการเล่าถึงในเวสสันดรชาดก หรือ ชาติสุดท้ายที่พระโพธิสัตว์เกิดเป็นมนุษย์ก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ช้างตัวนี้เป็นช้างเผือกคู่บุญของพระเวสสันดร ชาวเมืองสีวีของพระเวสสันดรเชื่อว่าช้างปัจจัยนาคเป็นช้างพิเศษ ช้างตัวนี้จะช่วยให้ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล ดังนั้นจึงหวงแหนช้างตัวนี้มากกว่าสิ่งใด

ช้างปัจจัยนาค

หากแต่ว่าเมื่อเมืองกลิงคราษฎร์ส่งทูตมาขอ พระเวสสันดรกลับทรงมอบให้แต่โดยดี เหล่าชาวเมืองได้ทราบเช่นนั้นก็โกรธพระเวสสันดรอย่างมาก พวกเขาพากันไปทูลขอพระเจ้าสัญชัย พระบิดาของพระเวสสันดรให้ขับพระโอรสออกไปจากเมือง พระเจ้าสัญชัยไม่มีทางเลือก พระองค์จึงต้องไล่พระเวสสันดรออกจากเมืองสีวีไป

นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการบำเพ็ญบารมีอันยิ่งใหญ่ของพระเวสสันดรต่อไป

2. ช้างครีเมขละ

หลังจากที่เสด็จออกบวชแล้ว พระมหาบุรุษได้พยายามสรรหาสัจธรรมเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จนกระทั่งใกล้ถึงวันเพ็ญเดือน 6 พระมหาบุรุษนั่งปฏิบัติอยู่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์อย่างคร่ำเคร่งและกำลังจะตรัสรู้

พญามารเห็นเช่นนั้นจึงเข้าขัดขวาง ด้วยการกล่าวตู่ว่าจุดที่พระมหาบุรุษนั่งอยู่เป็นของตน ไพร่พลของพญามารมีมากมาย ตัวพญามารเองก็นั่งอยู่บนหลังช้างชื่อครีเมขละ

พญามารขี่ช้างครีเมขละ Cr:Hintha

พญามารอ้างว่าเหล่าไพร่พลมีมากมาย และแต่ละคนสามารถเป็นพยานได้ว่าจุดที่พระมหาบุรุษนั่งอยู่เป็นของตน พญามารจึงถามว่าแล้วพระมหาบุรุษมีใครเป็นพยานได้บ้าง พระมหาบุรุษจึงชี้ลงไปที่แผ่นดินเมื่อให้เป็นพยาน (บางตำนานว่าพระแม่ธรณีขึ้นมาเป็นพยาน)

แผ่นดินจึงสะเทือนอย่างรุนแรงขนาดที่ทำให้ช้างครีเมขละที่สูงถึง 150 โยชน์หมอบลงกับพื้นดินได้

พญามารและช้างครีเมขละเหล่านี้อาจจะไม่มีอยู่จริง แต่เป็นปุคคลาธิษฐานที่อธิบายถึงมารอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ในใจของมนุษย์ก็เป็นได้

ชัยชนะของพระพุทธเจ้าต่อพญามารปรากฏอยู่ในบทสวดบทแรกของ “พุทธชัยมงคลคาถา” หรือ “พาหุงมหากา”

3. ช้างนาฬาคีรี

ช้างนาฬาคีรีเป็นช้างตัวใหญ่ที่ดุร้าย ถึงแม้มันจะเป็นช้างบ้านแต่มันกลับชอบทำร้ายมนุษย์ มันทำอันตรายผู้คนในกรุงราชคฤห์ให้ถึงตายอยู่เสมอ ทำให้ราษฎรเกรงกลัวยิ่งนัก

มีอยู่วันหนึ่ง เทวทัตที่จองเวรต่อพระพุทธเจ้าไม่หยุดหย่อนได้พยายามหาทางปลงพระชนม์พระพุทธเจ้ามาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จ เขาจึงทำการติดสินบนพวกควาญช้างให้ปล่อยช้างนาฬาคีรีเข้าไปในจุดที่พระพุทธเจ้ากำลังเดินมา เทวทัตหมายใจว่าจะให้ช้างทำร้ายพระพุทธเจ้า

ควาญช้างได้ปล่อยช้างนาฬาคีรีออกไปทันที่พระพุทธเจ้าเดินเข้ามาใกล้ ช้างนาฬาคีรีวิ่งหูตั้งออกไปอย่างรวดเร็วไปทางทิศที่พระพุทธเจ้ากำลังเดินอยู่

เหล่าภิกษุทั้งหลายเห็นเช่นนั้นจึงทูลให้พระพุทธเจ้าเสด็จกลับ แต่พระพุทธเจ้าปฏิเสธ พระองค์ตรัสว่า


มาเถิด ภิกษุทั้งหลาย เธออย่ากลัวเลย ข้อที่ บุคคลจะปลงชีวิตตถาคตด้วยความพยายามของผู้อื่นนั่นไม่ใช่ฐานะ ไม่ใช่โอกาส เพราะพระตถาคตทั้งหลายย่อมไม่ปรินิพพานด้วยความพยายามของผู้อื่น

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๗ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒

พวกราษฎรที่เห็นช้างนาฬาคีรีเข้ามาใกล้ ต่างคนต่างปอดลอยไปหมด บางคนหนีขึ้นไปบนภูเขาหัวโล้นบ้าง หลังคาบ้าง เพื่อหนีช้าง

พระพุทธเจ้าทรงยืนสงบนิ่งและแผ่เมตตาจิตไปยังช้างนาฬาคีรี ช้างดังกล่าวสัมผัสได้ถึงความเมตตาของพระพุทธเจ้าก็หยุดลง มันลดงวงลงและเข้าไปหาพระพุทธเจ้าอย่างช้าๆ พระพุทธเจ้าได้ตรัสให้มันสงบลง หลังจากนั้นมันจึงใช้งวงโกยพื้นดินที่พระพุทธเจ้ายืนอยู่ขึ้นมาใส่กระหม่อมของตน หลังจากนั้นก็เดินไปสู่โรงช้างอย่างสงบ

ในคัมภีร์อนาคตวงศ์เขียนไว้ว่า แท้จริงแล้ว ช้างนาฬาคีรีคือพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่ง ในกาลข้างหน้ามันจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านามว่า พระติสสะพุทธเจ้า

ชัยชนะของพระพุทธเจ้าเหนือช้างนาฬาคีรีปรากฏอยู่ในบทที่สามของ “พุทธชัยมงคลคาถา” หรือที่เรียกกันว่า “พาหุงมหากา”

4. ช้างปาลิไลยกะ

ในปีที่ 10 หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระพุทธเจ้าตัดสินพระทัยไปจำพรรษาในป่าชื่อรักขิตวัน เพราะว่าพระองค์ทรงระอาที่ภิกษุที่เมืองโกสัมพีได้แบ่งเป็นสองฝ่ายและทะเลาะกันใหญ่โต ถึงแม้พระพุทธเจ้าจะทรงห้ามถึงสามครั้งก็ยังทะเลาะกันอยู่ พระองค์จึงตัดสินใจวางอุเบกขาและเสด็จไปประทับในป่า

ระหว่างที่เสด็จจำพรรษาอยู่ในป่านั้น ได้มีช้างชื่อ ปาลิไลยกะ เป็นช้างที่คอยอุปัฎฐากพระพุทธเจ้า มันใช้งวงตักน้ำให้กระบอกแล้วนำมาถวายพระพุทธเจ้า และยังได้นำผลไม้ต่างๆ มาถวายพระพุทธเจ้าด้วย นอกจากนี้มันยังคอยรักษาความปลอดภัยให้กับพระพุทธเจ้าเป็นอย่างดี

หลังจากที่พระพุทธเจ้าออกจากป่าไปแล้ว ช้างปาลิไลยกะพยายามจะติดตามพระพุทธเจ้าไปด้วย แต่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไว้เพราะว่าภายในเมืองไม่ใช่สถานที่สำหรับมัน ช้างปาลิไลยกะเสียใจมาก มันหยุดมองพระพุทธเจ้าจนลับตาด้วยความเศร้าสร้อย หลังจากนั้นหัวใจมันก็แตกตาย ช้างปาลิไลยกะได้เกิดใหม่เป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

ในคัมภีร์อนาคตวงศ์ แท้จริงแล้วช้างปาลิไลยกะเป็นพระโพธิสัตว์ ในอนาคตมันจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในนาม พระสุมังคลพุทธเจ้า

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!