ตำนานจิญจมาณวิกา สาวสวยผู้ถูกธรณีสูบเพราะใส่ความพระพุทธเจ้า

จิญจมาณวิกา สาวสวยผู้ถูกธรณีสูบเพราะใส่ความพระพุทธเจ้า

ในพุทธประวัติที่เราทราบกันโดยทั่วไปนั้น ผู้ที่ถูกธรณีสูบมีอยู่สามคน คนแรกทุกท่านน่าจะรู้จักกันดี นั่นก็คือ เทวทัต ผู้ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนห้อพระโลหิต

คนต่อมาคือ นันทมาณพ ผู้ล่วงเกินภิกษุณีอรหันต์อย่างพระอุบลวรรณาเถรี

สองคนแรกเป็นผู้ชาย แต่คนที่สามนี้เป็นผู้หญิง เธอชื่อนางจิญจมาณวิกา หรือ Cinca-Manavika

เธอผู้นี้มีวีรกรรมอะไรถึงถูกธรณีสูบ เรามาดูกันครับ

วัดเชตวันมหาวิหารในปัจจุบัน โดย myself – งานของตัว, CC BY-SA 2.5,

กลอุบายของพวกเดียรถีย์

ระหว่างนั้นพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงเป็นศาสนิกที่มีศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า ศาสนิกชาวพุทธเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน เงินทองที่บริจาคให้พวกเดียรถีย์จึงน้อยลงไปตามลำดับ

เดียรถีย์ คือ นักบวชที่ไม่ได้อยู่ในศาสนาพุทธ พวกนี้มีอยู่หลายกลุ่ม แต่เชื่อว่ากลุ่มหลักๆ ที่เป็นคู่แข่งของศาสนาพุทธคือ ศาสนาเชนของมหาวีระ

มีอยู่วันหนึ่งเดียรถีย์คนหนึ่งคิดอุบายจะทำลายพระพุทธศาสนาด้วยการใส่ความพระพุทธเจ้า เดียรถีย์ผู้นี้ทราบว่ามีสานุศิษย์ของตนนางหนึ่งชื่อ จิญจมาณวิกา เธอเป็นหญิงสาวที่มีความงดงามมาก พระไตรปิฎกว่าเธอสวยเหมือนนางฟ้าที่มีรัศมีเปล่งออกมาจากกาย เขาจึงคิดจะใช้นางในการเล่นงานพระพุทธเจ้าและศาสนาพุทธ

หลังจากนั้นไม่นานนางจิญจมาณวิกาเดินทางมายังอารามของพวกเดียรถีย์ แทนที่พวกเดียรถีย์จะโอภาปราศรัยกับนางอย่างที่เคย ทุกคนกลับเงียบขรึมไม่ยอมพูดจากับนางเลยสักคนเดียว

นางจิญจมาณวิการู้สึกสงสัย นางจึงพยายามคะยั้นคะยอถามพวกเดียรถีย์ แต่กลับไม่ได้คำตอบใดๆ เลย จนสุดท้ายนางต้องถามถึงสามรอบ พวกเดียรถีย์ถึงจะเปิดปากบอกนาง

พวกเดียรถีย์ถามนางว่า นางไม่ทราบหรือว่าพวกตนถูกพระพุทธเจ้าเบียดเบียนจนปราศจากลาภสักการะไปตามๆ กัน นางจิญจมาณวิกาตอบว่านางทราบ แต่จะให้นางทำเช่นไร

ด้วยความเจ้าเล่ห์ พวกเดียรถีย์จึงบอกอุบายแก่นางจิญจมาณวิกา เมื่อนางได้ทราบแล้ว นางรับปากว่านางจะทำตามความประสงค์ของพวกเดียรถีย์

แกล้งว่าตั้งท้อง

ตั้งแต่บัดนั้นนางจิญจมาณวิกาก็แต่งตัวอย่างสวยงาม นางทำทีว่าเดินทางไปวัดพระเชตวันในตอนเย็น และเดินกลับตอนเช้าเพื่อจะได้สวนทางกับศาสนิกของศาสนาพุทธ พวกเขาจะได้คิดว่านางไปพำนักในวัดพระเชตวันในเวลากลางคืน

จริงๆแล้วนางจิญจมานวิกาไม่เคยเข้าวัดพระเชตวันเลย นางไปค้างคืนอยู่ในวัดของพวกเดียรถีย์ที่อยู่ใกล้ๆต่างหาก

เจตนาของนางคือ ชาวพุทธจะได้สงสัยว่านางมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับพระพุทธเจ้า ไม่กี่เดือนต่อมานางก็เริ่มปล่อยข่าวว่า นางได้ไปอยู่อาศัยในกุฏิเดียวกับพระพุทธเจ้า ชาวพุทธบางคนจึงเริ่มสงสัยว่าสิ่งที่นางบอกเป็นจริงหรือไม่

หลายเดือนต่อมา นางจิญจมาณวิกาเริ่มเอาผ้าหนาๆ ใส่ไว้ในเสื้อผ้าให้ดูเหมือนผู้หญิงที่ตั้งครรภ์อ่อนๆ เมื่อเวลาผ่านไป นางผูกไม้กลมไว้ที่ท้องแล้วนำผ้าหนาๆ ทับลงไป เพื่อให้คนอื่นเห็นว่านางกำลังท้องแก่ นอกจากนี้นางยังใช้ไม้ทุบที่มือและเท้าของตนเอง เพื่อที่จะได้ดูบวมๆ ช้ำๆ เหมือนกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์

โป๊ะแตก

เมื่อนางเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน นางจึงเดินเข้าไปในวัดพระเชตวันระหว่างที่พระพุทธเจ้ากำลังแสดงธรรมต่อพุทธศาสนิกชน นางยืนตรงหน้าของพระพุทธเจ้าและพูดขึ้นว่า

มหาสมณะ พระองค์ (ดีแต่) แสดงธรรมแก่มหาชนเท่านั้น เสียงของพระองค์ไพเราะ พระโอษฐ์ของพระองค์สนิท ส่วนหม่อมฉันอาศัยพระองค์ได้เกิดมีครรภ์ครบกำหนดแล้ว, พระองค์ไม่ทรงทราบเรือนเป็นที่คลอดของหม่อมฉัน ไม่ทรงทราบเครื่องครรภบริหารมีเนยใสและน้ำมันเป็นต้น เมื่อไม่ทรงทำเอง ก็ไม่ตรัสบอกพระเจ้าโกศล หรืออนาถบิณฑิกะ หรือนางวิสาขามหาอุบาสิกาคนใดคนหนึ่ง แม้บรรดาอุปัฏฐากทั้งหลายว่า ‘ท่านจงทำกิจที่ควรทำแก่นางจิญจมาณวิกานี้ พระองค์ทรงรู้แต่จะอภิรมย์เท่านั้น ไม่ทรงรู้ครรภบริหาร

อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท โลกวรรคที่ ๑๓

หรือพูดง่ายๆ นางพยายามแฉพระพุทธเจ้าว่าพระองค์ทำนางท้อง แต่กลับไม่รับผิดชอบนั่นเอง

นางจิญจมาณวิกาใส่ร้ายพระพุทธเจ้าว่าตั้งครรภ์ โดย myself – Picture of a wallpainting in a monastery in Laos, CC BY-SA 3.0,

หลังจากนั้นนางจิญจมาณวิกาด่าว่าพระพุทธเจ้าต่อหน้าธารกำนัลอย่างยกใหญ่ พระพุทธเจ้าจำต้องหยุดการแสดงธรรม และตรัสกับนางจิญจมาณวิกาว่า

น้องหญิง ความที่คำอันเจ้ากล่าวแล้วจะจริงหรือไม่ เราและเจ้าเท่านั้น ย่อมรู้.

อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท โลกวรรคที่ ๑๓

นางจิญจมาณวิกาจึงตอบว่าใช่ มีแต่พระองค์กับนางเท่านั้นที่รู้ความจริง หลังจากนั้นนางด่าทอพระพุทธเจ้าต่อไป

เรื่องหลังจากนี้ พระคัมภีร์บรรยายไว้ว่าพระอินทร์ หรือ เทพเจ้าผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทนไม่ได้กับการกระทำกับนางจิญจมาณวิกา พระอินทร์และเทพบุตรทั้งสี่จึงลงมาจากสวรรค์ และจำแลงตัวเป็นหนูมากัดเชือกที่ผูกไม้กลมไว้จนขาด ทำให้ผ้าและไม้กลมที่นางจิญจมาณวิกาใส่มาหลุดรุ่ยลงไปทั้งหมด

ถ้าตัดเรื่องอภินิหารพวกนี้ออกไป อาจจะเป็นไปได้ว่านางจิญจมาณวิกาด่าว่าพระพุทธเจ้าด้วยอารมณ์ พอด่ามากก็ต้องขยับเขยี้อนร่างกายมาก ทำให้สุดท้ายสิ่งที่นางผูกเอาไว้ย่อมหลุดออกมาเองตามธรรมชาติ

นางจิญจมาณวิกาจึงโป๊ะแตกทันทีว่านางไม่ได้ท้อง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นกลลวงของนางเพื่อที่จะใส่ความพระพุทธเจ้า!

ชาวพุทธในวัดกรูเข้ามาหานางทันที บางคนถ่มน้ำลายใส่หัวนางบ้าง ส่วนบางคนก็เตรียมก้อนดินและท่อนไม้จะมาทุบตีนาง สุดท้ายนางถูกลากตัวออกไปจากวัดพระเชตวันก่อนที่นางจะโดยสหบาทาจนตายในวัด

ธรณีสูบ

เมื่อนางจิญจมาณวิกาพ้นออกมาจากสายตาของพระพุทธเจ้าและออกมานอกวัดพระเชตวัน นางก็ถูกธรณีสูบทันทีเหมือนกับเทวทัตและนันทมาณพ

เรื่องนี้จะจริงหรือไม่จริงคงไม่มีใครทราบ เพราะพระไตรปิฎกเองมิใช่หลักฐานที่สามารถนำมาอ้างอิงในแง่ประวัติศาสตร์ได้ 100% แต่ชื่อของนางก็อยู่ในบทสวดพุทธชัยมงคลคาถา หรือ พาหุงมหากาที่ชาวพุทธไทยสวดกันทั่วไปมาจนถึงทุกวันนี้

กัตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ 
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ

พาหุงมหากาบทที่ 5

Sources:

  • อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท โลกวรรคที่ ๑๓

บทความประวัติศาสตร์

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!