พอดีจะสั่ง Grab เช่นเดิม ผมอยากหาอะไรหวานๆ กินหน่อย แต่กินขนมฝรั่งมาเยอะแล้ว เลยหาของหวานไทยมากินบ้าง
สุดท้ายผมมาลงเอยที่ ร้านบัวลอยปริญญาที่อยู่แถวบรรทัดทอง ร้านตั้งอยู่ไหน ผมไม่รู้หรอก แต่ใช้ grab food ง่ายๆ สบาย หายห่วง ใครยังไม่เคยใช้ อย่าลืมใช้ “grabvictorytale” ด้วยนะครับ
พอดีได้คุยกับพี่ Grab ที่อาหารมาให้ เค้าบอกว่าร้านนี้คนเยอะมาก แสดงว่าน่าจะอร่อย
มาดูกันอร่อยจริงมั้ย
เมนูที่เหมือนเป็น Signature ของร้านนี้เลย คือ บัวลอยลาวารวม 7 กะทิ (60 บาท)
ในชามนี้มีบัวลอยทั้งหมด 7 เม็ด แต่ละเม็ดมีรสชาติไม่เหมือนกันเลย รสของบัวลอยมีตั้งแต่
- ทุเรียน
- ชาไทย
- งาดำ
- เผือก
- มัตฉะ
- ช็อคโกบานานา
- คัสตาร์ด
คำแรกที่ตัก ผมตักตัวกะทิก่อน ตัวกะทิก็ถือว่าใช้ได้ แต่ผมว่ามันเหมือนนมมากกว่ากะทิแหะ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือป่าว
โดยส่วนตัว ไม่รู้มาก่อนเลยว่ามีรสชาติอะไรบ้าง และสีไหนมีรสชาติอะไร การกินก็เลยแรนด้อมมากๆ เรียกว่าลุ้นไปกินไป
พอกัดเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงไส้ ถามว่าไส้ลาวาจริงมั้ย ผมบอกได้เลยว่าจริง แต่อย่าไปหวังว่าไส้จะทะลักเหมือนกับซาลาเปาไส้ลาวาอะไรแบบนั้น ผมว่าตัวไส้เนี่ยน้อยไปหน่อย
สำหรับความอร่อยของตัวบัวลอย ผมขอชมว่าทุกรสไม่หวานเลย แต่รสชาติโดยรวม ผมว่ามันออกกลางๆ ซะมากกว่า คือ รสชาติพอใช้ รู้สึกว่ามันแปลกดี แต่ไม่ได้อร่อยมาก น่าจะเข้าใจฟีลกันนะครับ
รสบัวลอยที่ผมชอบที่สุดน่าจะเป็นทุเรียนมั้ง สำหรับตัวอื่นผมว่าเฉยๆ ยกเว้นมัตฉะที่ไม่ค่อยชอบ
ต่อมาคือนี่เลยครับ ทับทิมกรอบ (40 บาท)
ถ้วยนี้ผมว่าเฉยๆ เหมือนกัน ตัวทับทิมกรอบอร่อยดีได้มาตรฐาน แต่ผมว่าตัวกะทิกับน้ำเชื่อมไม่ค่อยอร่อย เหมือนไม่ได้อบควันเทียนยังไงชอบกล รสชาติมันเลยออกมาแปลกๆ ไม่อร่อยเท่าที่ควรจะเป็น
วันนี้ได้สั่งมาลองแค่ 2 เมนูครับ ไม่กล้าสั่งเยอะ กลัวจะเป็นเบาหวาน อิอิ
สรุป: โดยรวมผมว่ารสชาติเฉยๆ ทั้งสองเมนู สำหรับบัวลอย ผมว่าแปลกดี ทำให้ไม่รู้สึกแปลกใจว่าเป็นจุดขายของร้าน ส่วนทับทิมกรอบ ผมว่าตัวกะทิกับน้ำเชื่อมมันทำพังไปหมดเลย แต่ข้อดีคือไม่หวานมากครับ
คะแนน 7/10