เทคโนโลยีซอฟต์แวร์3 ซอฟต์แวร์ดีๆ ช่วย Amazon Seller ทำ FBA อย่างสะดวกสบาย

3 ซอฟต์แวร์ดีๆ ช่วย Amazon Seller ทำ FBA อย่างสะดวกสบาย

ในปัจจุบันการเป็น Amazon Seller ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามลำดับในหมู่คนไทย เพราะเป็นช่องทางใหม่ที่จะนำเสนอสินค้าคุณภาพสูงให้กับผู้ค้าชาวต่างชาติในประเทศพัฒนาแล้วที่มีกำลังซื้อสูงอย่างเช่นสหรัฐอเมริกา โอกาสที่จะขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้

หลายคนอาจจะสงสัยว่า Amazon Seller คืออะไร?

Amazon Seller คือหรือผู้ค้าที่นำสินค้าไปขายบน Amazon นั่นเอง ซึ่งโดยมากแล้วผู้ค้าเหล่านี้จะจัดการสินค้าโดยใช้วิธี FBA (Fulfillment by Amazon) หรือพูดง่ายๆ คือให้ Amazon เป็นผู้เก็บสินค้า แพคสินค้า ส่งให้ลูกค้ารายคน รวมไปถึงจัดการเรื่อง Customer Service ด้วย ส่วนคุณก็แค่ส่งสินค้าคุณภาพดีให้กับ Amazon เท่านั้นครับ

Amazon Seller

การทำ Amazon FBA อาจจะฟังดูง่าย แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีหลายสาเหตุด้วยกันที่การขายสินค้าบน Amazon จะไม่ทำกำไรให้คุณสักบาทเดียว อาทิเช่น

  • คุณนำสินค้าไปขายแบบตามใจฉัน โดยที่ไม่ได้สำรวจตลาดสินค้าให้ดี ทำให้คุณไม่รู้ว่าสินค้าของคุณแทบไม่มีความต้องการซื้อ (demand) อยู่เลย
  • คู่แข่งที่ขายสินค้าเดียวกันมีเยอะมาก จนกลายเป็นสงครามราคา หั่นค่าใช้จ่ายไปมากลายเป็นขาดทุนซะงั้น
  • คุณไม่ได้ทำ Amazon SEO หรือ optimize keyword ของคุณ ทำให้ผู้ซื้อไม่เห็นสินค้าของคุณเลย เมื่อ search โดยใช้ keyword ต่างๆ
  • สินค้าของคุณไม่มีรีวิว ทำให้ไม่มีใครกล้าซื้อ
  • คุณพลาดโอกาสทองในการทำเงิน เพราะว่าในช่วงนาทีทองอย่างเช่น Black Friday หรือ Cyber Monday คุณไม่ได้เตรียมสินค้าไว้เพียงพอทำให้สินค้าของคุณหมด! หรือที่เรียกว่า stockout นั่นเองครับ
  • และอื่นๆ อีกมากมาย

ปัญหานี้จะหมดลงไป ถ้าคุณใช้ซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยที่จะช่วยให้ Amazon Seller ทุกคนสามารถทำ FBA ได้ง่ายดายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะมีตัวไหนบ้าง เราไปดูกันเลยดีกว่าครับ

1. Jungle Scout

Jungle Scout คือผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ที่ช่วยเหลือ Amazon Seller จัดการร้านค้าและทำ FBA มานานกว่า 6 ปีแล้ว และเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสูงสุดด้วย ปัจจุบันมี Amazon Seller ที่ใช้งาน Jungle Scout อยู่มากกว่า 400,000 คนครับ

ฟีเจอร์ของ Jungle Scout นั้นใกล้เคียงคำว่า All-in-one หรือ “เป็นทุกอย่างให้คุณแล้ว” เลยก็ว่าได้ โดยประกอบด้วยฟีเจอร์ต่อไปนี้

ฟีเจอร์ของ Jungle Scout

Product Database – เครื่องมือที่ช่วยคุณทำ Product Research หาสินค้าที่มีศักยภาพสูงและมีโอกาสให้คุณสอดแทรกเข้าไปทำกำไรได้ ทั้งการ search และข้อมูลที่ Jungle Scout ให้จะละเอียดมาก ไม่ว่าจะเป็น Monthly Sales, Sales Rank, Reviews ฯลฯ นอกจากนี้ยังมี FBA Profit Calculator ด้วยเพื่อที่คุณจะได้คำนวณว่ากำไรแต่ละชิ้นคุ้มค่าที่จะลงทุนหรือไม่

Product Database by Jungle Scout

Opportunity Finder – ใช้ตรวจสอบดูว่าสินค้าไหนกำลังอยู่ในกระแส หรือว่ากำลังติดตลาด หรือว่าสินค้าที่มีความต้องการมากแต่มีคู่แข่งน้อย Jungle Scout จะให้คะแนนที่เรียกว่า Niche Score กับทุกสินค้าโดยอัตโนมัติ ถ้าคะแนนสูงๆ ก็จะเป็นสินค้าที่มีโอกาสทองซ่อนอยู่ครับ ส่วนคะแนนต่ำจะแปลว่าคู่แข่งสูง หรือว่าความต้องการต่ำเป็นต้น

Opportunity Finder by Jungle Scout

Keyword Scout – Jungle Scout จะทำหน้าที่เป็น Keyword Tool นั่นคือจะตรวจสอบว่าผู้ซื้อ search หาสินค้าอะไร และกี่ครั้งใน Amazon เพื่อหา keyword คุณภาพที่อาจจะแอบซ่อนอยู่ และนำไป SEO เพื่อที่สินค้าของคุณจะได้มีคนเห็นมากๆ และช่วยในการประหยัดเงินค่าโฆษณาด้วย (ในกรณีที่คุณใช้บริการ PPC ads)

Keyword Scout By Jungle Scout

นอกจากนี้เครื่องมือนี้ยังสามารถตรวจสอบคู่แข่งได้อีกด้วยว่าสินค้าของพวกเขาได้รับ traffic จาก keyword ไหนมากที่สุด

Rank Tracker – ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของ Keyword ที่ผู้ซื้อใช้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น Keyword ที่คุณใช้อยู่หรือคู่แข่งใช้ เพื่อที่จะกำหนดหรือเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ให้ถูกต้องโดยทันท่วงที

Product Tracker – คุณสามารถให้ Jungle Scout ติดตามสินค้าตัวใดตัวหนึ่งอย่างใกล้ชิดได้ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าของคุณเองหรือสินค้าอื่นๆ บน Amazon ครับ คุณสามารถรู้ได้ถึงยอดขาย, sales rank และ metrics อื่นๆ แบบ real-time

Bulk Reviews – หลังจากลง Extension ของ Jungle Scout แล้ว Amazon Seller ทุกคนสามารถกดคลิกเดียวบน Seller Central เพื่อส่งอีเมล์ไปขอให้อดีตลูกค้าทุกคนมาช่วยรีวิวสินค้าของคุณ

Inventory Manager – เครื่องมือของ Jungle Scout สามารถพยากรณ์ยอดขายของคุณในระยะสั้นได้ ทำให้คุณสามารถเพิ่ม stock สินค้าได้ทันท่วงที ไม่เพียงเท่านั้น คุณยังสามารถตรวจสอบได้ด้วยว่าสินค้าคงเหลือใน FBA เหลืออยู่กี่ชิ้นและควรจะเพิ่มเท่าไร ผลที่ตามมาคือคุณจะประหยัดค่าใช้จ่าย Storage fee กับ Amazon FBA ครับ (เพราะไม่ได้ stock มากเกินไปหรือนานเกินไปนั่นเอง)

Inventory Manager By Jungle Scout

นอกจากนี้ตัวเครื่องมือพยากรณ์กำไรสุทธิให้คุณได้อีกด้วย เท่ากับว่ามีแผนการขายคุณภาพสูงอยู่ในมือครับ

Listing Builder – แก้ปัญหาผู้ซื้อไม่เห็นสินค้าด้วยการใช้เครื่องมือนี้ในการทำ SEO กล่าวคือเมื่อคุณเขียนข้อมูลต่างๆ ลงไปเพื่อโปรโมตสินค้า เครื่องมือตัวนี้จะตรวจสอบว่าคุณเขียนได้ดีพอแล้วหรือยัง และแสดงผลเป็นคะแนนให้คุณเข้าใจง่ายครับ

Supplier Database – Jungle Scout จะช่วยให้คุณหา supplier ที่ไว้ใจได้ และส่งสินค้าที่มีคุณภาพสูงจากทั่วโลก คุณจะเห็นรายละเอียดตั้งแต่พวกเขาส่งสินค้าใดบ้าง ส่งไปกี่ชิ้น มีลูกค้าหลักเป็นใคร นอกจากนี้คุณยังเปรียบเทียบได้ด้วยว่า Supplier ไหนให้ราคาที่ถูกกว่ากันครับ

Sales Analytics – ตรวจสอบข้อมูลการขาย ข้อมูลทางบัญชี รวมไปถึงการทำโฆษณา หรือพูดง่ายๆ คือทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับความเป็น Amazon Seller ของคุณ การนำเสนอข้อมูลจะถูก visualize มาอย่างสวยงามทำให้เข้าใจง่าย

Promotions & Email Listing – สร้างโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย วิธีนี้สำคัญมาก โดยเฉพาะถ้าคุณเพิ่งนำสินค้ามาขาย เพราะการขายได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่คุณเริ่มลงสินค้าเป็นการส่งสัญญาณไปให้ Amazon ทราบว่าสินค้าของคุณเป็นสินค้าชั้นดี ซึ่งจะช่วยให้แพลตฟอร์มจัดอันดับสินค้าของคุณอยู่ที่หน้าแรกครับ

Academy – คุณไม่จำเป็นต้องไม่หาคอร์ส Amazon Seller เรียนแพงๆ อีกต่อไป เพราะสมาชิก Jungle Scout ทุกคนจะได้เรียนกับ Greg Mercer ผู้เป็น CEO ของบริษัท และอดีตผู้ค้าเก่าของ Amazon ที่เคยทำรายได้มากกว่า 10 ล้านดอลลาร์ครับ

Email Campaigns – Jungle Scout ช่วยให้คุณติดต่อกับลูกค้าด้วยการส่งอีเมล์ไปโดยอัตโนมัติ โดยจะส่งได้ 15,000-100,000 ต่อเดือนแล้วแต่แพลนที่สมัคร

นอกจากนี้คุณยังสามารถสื่อสารกับลูกค้าทางอีเมล์ได้โดยตรงด้วย เพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะกลายเป็นลูกค้าประจำครับ

สำหรับใครที่สงสัยเรื่องฟีเจอร์ต่างๆ ของ Jungle Scout ลองอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Features ครับ

ราคาของ Jungle Scout

Jungle Scout คิดค่าใช้จ่ายเป็นรูปแบบสมาชิก โดยประกอบด้วย 3 แพลนได้แก่

  • Basic เริ่มต้นที่ $19 หรือ 570 บาทต่อเดือน
  • Suite เริ่มต้นที่ $49 หรือ 1,470 บาทต่อเดือน
  • Professional เริ่มต้นที่ $84 หรือ 2,520 บาทต่อเดือน

รายละเอียดเรื่องราคา อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Jungle Scout Pricing ครับ

Jungle Scout Pricing

ทั้งสามแพลนแตกต่างกันที่ฟีเจอร์ครับ อย่างแพลน Basic ทุกอย่างจะจำกัดมาก ฟีเจอร์อย่างเช่น Listing Builder, Rank Tracker, Sales Analytics, Inventory Manager, Promotions, Supplier Tracker จะใช้ไม่ได้เลย แถมฟีเจอร์ที่ใช้ได้อย่างเช่น Opportunity Finder ยังจำกัดจำนวนอีก

ดังนั้นผมมองว่าถ้าคุณจะสมัคร Jungle Scout จริงๆ ไปเริ่มต้นที่แพลน Suite เลยจะดีกว่าครับ เพราะฟีเจอร์ครบถ้วนทั้งหมดที่ผมแนะนำไป

ส่วนแพลน Professional จะเพิ่มแค่ข้อมูลที่ละเอียดขึ้นบางส่วน (เช่นข้อมูล keyword จะแสดง 2 ปีส่วนแบบ Suite จะแสดงปีเดียว) และเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานจาก 1 คนพร้อมกันเป็น 6 คน ซึ่งถ้าร้านของคุณเป็นร้านขนาดเล็กอาจจะไม่จำเป็นเท่าไรนักครับ

สิ่งที่คุณต้องทราบอีกอย่างหนึ่งคือ ราคาแบบรายปี (ที่แสดงให้เห็นด้านบน) กับราคาเดือนต่อเดือนต่างกันมาก ไม่ใช่แค่ 10%-15% เหมือนกับบางซอฟต์แวร์

อย่างเช่นแบบ Suite ถ้าคุณสมัครสมาชิกแบบเดือนต่อเดือน ราคาจะอยู่ที่ $69 แต่ถ้าคุณสมัครรายปี คุณจะเสียรายเดือนที่ราคา $49 นั่นเท่ากับว่าคุณประหยัดไปได้ถึงเกือบ 30% เลยทีเดียว ดังนั้นผมมองว่าสมาชิกแบบรายปีจะคุ้มค่ากว่ามากเลยครับ

Jungle Scout ไม่มีให้คุณลองใช้ฟรี แต่จะคืนเงินให้ทุกบาททุกสตางค์ ถ้าคุณใช้ไม่เกิน 14 วันแล้วไม่พอใจครับ

รีวิว: Trustpilot 4.3/5.0

2. AMZ Scout

AMZ Scout เป็นอีกทางเลือกที่ Amazon Seller น่าพิจารณาสำหรับการทำ FBA เพราะฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขายและหาข้อมูลสินค้าครับ

ทั้งนี้บริการหลักของ AMZ Scout คือ Amazon Seller’s Bundle ซึ่งจะมีลักษณะ All-in-one เหมือนกับ Jungle Scout โดยจะประกอบด้วยฟีเจอร์ต่อไปนี้

ฟีเจอร์ของ AMZ Scout

Product Niche Research – AMZ Scout จะรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลไม่ว่าจะเป็น trends, sales volume, competition, best seller rank, reviews ฯลฯ มาให้คุณวิเคราะห์อย่างชัดเจนว่า niche ที่คุณสนใจนำสินค้าเข้าไปขายนั้นมีศักยภาพในการทำกำไรได้หรือไม่

ตารางอาจจะลายตาสักหน่อย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะคุณสามารถ export เป็น CSV file ออกมาจัดการใน Excel ได้ครับ

Product Research by AMZ Scout

Exclusive Amazon Insights – สำหรับใครที่ขี้เกียจทำ research เอง AMZ Scout จะแนะนำสินค้า 2 ชิ้น และ niche อีก 2 ตลาดให้คุณทุกเดือน โดยข้อมูลส่วนนี้จะมาจาก AI ที่วิเคราะห์สินค้าทั้งหมดที่มีอยู่ใน Amazon ครับ (มีให้ใช้เฉพาะแพลนรายปีเท่านั้น)

Product Tracker and Database – เจาะลึกสินค้าแต่ละตัวในแต่ละ niche ในการ search คุณสามารถทำได้อย่างละเอียดมาก ไม่ว่าจะเป็นราคา, น้ำหนัก, ยอดขายที่คาดการณ์ ฯลฯ

Keyword Explorer & ASIN Lookup – หา Keywords ที่เหมาะสมในโปรโมตสินค้าของคุณใน listing นอกจากนี้คุณยังสามารถส่อง keywords ที่คู่แข่งใช้ได้ด้วยการใช้ ASIN Lookup

Keyword Explorer by AMZ Scout

Stock Stats – ตรวจสอบสินค้าคงเหลือของคุณว่าเหลือเท่าไร รวมถึงตรวจสอบความเร็วในการขาย ฯลฯ

Quick View – ส่องยอดขายและข้อมูลที่เกี่ยวข้องของสินค้าตัวใดๆ ก็ตามราวกับว่าคุณเป็นเจ้าของสินค้าตัวนั้น

FBA Calculator – คิดคำนวณกำไรทั้งหมดอย่างเบ็ดเสร็จ โดยหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับ FBA อย่างเป็นระบบและไม่สับสน ทำให้คุณเห็นภาพชัดเจนว่าควรลงทุนในสินค้าตัวดังกล่าวหรือไม่

AMZ Scout Seller’s Course – คอร์ส Amazon Seller ชั้นยอดที่ช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีการทำ Amazon FBA ทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด ตัวคอร์สจะอยู่ในการใช้งานซอฟต์แวร์ ดังนั้นจึงไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อไปเรียนอีกแล้วครับ

สำหรับเรื่องฟีเจอร์ อ่านรายละเอียดเต็มๆ ได้ที่ AMZ Scout Sellers Bundle

ราคาของ AMZ Scout

สำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายนั้น Amazon Seller’s Bundle จะเริ่มต้นที่ $24.9 หรือประมาณ 750 บาทต่อเดือน แต่ราคานี้คุณจะต้องซื้อเป็นรายปีเท่านั้น ถ้าจะจ่ายเป็นเดือนต่อเดือน ราคาจะพุ่งขึ้นไปที่ $49.87 หรือประมาณ 1,500 บาทต่อเดือน และคุณยังจะไม่ได้ฟีเจอร์อย่าง Exclusive Amazon Insights อีกด้วย

ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าแพลนรายปีนั้นคุ้มกว่ามาก เพราะถูกกว่า 50% และยังได้ฟีเจอร์พิเศษเพิ่มเข้าไปอีก ผมจึงแนะนำว่า คุณสมัครรายปีไปก่อนแล้วไปลองใช้ดู ถ้าเกิดไม่ชอบขึ้นมาก็ขอคืนเงินได้ทันที ซึ่ง AMZ Scout ยินดีคืนเงินทั้งหมดในเวลา 7 วันหลังซื้อไปครับ

รีวิว: Trustpilot 4.3/5.0

3. Helium 10

Helium 10 เป็นเครื่องมือชั้นยอดในการทำ Amazon FBA ที่จำต้องกล่าวถึง เพราะมีความครบเครื่องมากที่สุดตัวหนึ่งในตลาดครับ เราไปดูกันเลยดีกว่าฟีเจอร์ของ Helium 10 มีอะไรบ้าง

Helium 10

ฟีเจอร์ของ Helium 10

Product Research – เครื่องมือชั้นยอดที่ช่วยให้คุณตรวจสอบข้อมูลของสินค้ามากกว่า 450 ล้านชิ้นบน Amazon, ดูแนวโน้มยอดขาย, ความต้องการซื้อ รวมไปถึงปัจจัยทางฤดูกาล นอกจากนี้ตัวโปรแกรมยังสามารถคาดเดารายได้ ยอดขายในอนาคต ตลอดจนคำนวณกำไรของคุณได้อย่างเสร็จสรรพ

Keyword Research – จบปัญหาไม่มีผู้ซื้อคนไหนเห็นสินค้าของคุณ ด้วยการหา Keyword ที่มีคน search มาก เพื่อเพิ่มโอกาสที่สินค้าของคุณจะถูกพบเห็นและขายได้ นอกจากนี้คุณยังสามารถตรวจสอบ keyword ชั้นนำของคู่แข่งได้อีกด้วย

จุดแข็งอย่างหนึ่งของ Helium 10 คือมี Misspellinator หมายความว่า Helium 10 จะตรวจสอบได้ว่า keyword ที่ผู้ใช้มักสะกดผิดมีอะไรบ้าง และคุณสามารถใส่มันลงไปในท้ายสุดของ listing เพื่อที่จะได้ ranking สูงๆ บน keyword ที่สะกดผิดเหล่านั้น โดยทั่วไปแล้ว Keyword ที่สะกดผิดจะมีคู่แข่งน้อย เปิดโอกาสให้สินค้าของคุณถูกเห็นได้ง่ายๆ ครับ

ยกตัวอย่างเช่น ผู้ซื้ออาจจะสะกดที่อุดหู (earplugs) แต่เป็น earpluks มากถึง 40 คน ถ้าคุณใส่ keyword นี้ลงใน listing ของคุณที่ขาย “earplugs” ด้วย listing ของคุณก็จะอยู่ในอันดับต้นๆ อย่างง่ายๆ สบายๆ ครับ

นอกจากนี้ Helium 10 ยังมีฟีเจอร์อื่นที่น่าสนใจได้แก่

  • Listing Optimization – เมื่อคุณได้ keyword มาแล้ว Helium 10 จะช่วยคุณสร้าง Listing ที่มีคุณภาพสูง เพื่อเพิ่ม Ranking ครับ
  • Inventory Protector – ป้องกันไม่ให้สินค้าในร้านของคนถูกกว้านซื้อ ด้วยการจำกัดการซื้อต่อคน
  • Refund Genie – ซอฟต์แวร์จะช่วยให้คุณได้เงินคืนอย่างรวดเร็วจาก Amazon ถ้าสินค้าของคุณหายหรือได้รับความเสียหาย ด้วยการส่ง request ไปยัง Amazon โดยอัตโนมัติ
  • Analytics – ช่วยให้คุณติดตามสถานการณ์ร้านค้าของคุณแบบ real-time ไม่ว่าจะเป็นกำไร, สถานการณ์ตลาดที่คุณอยู่ และ ranking ของ keyword ทุกอย่างสามารถถูกสร้างเป็นรายงานอย่างสวยงามและส่งตรงให้คุณวิเคราะห์ทุกวัน
  • Marketing – ช่วยคุณทำ Amazon PPC Ads อย่างง่ายๆ และสบายๆ ด้วยการแนะนำ keyword ที่เหมาะสมให้คุณโดยอัตโนมัติ
  • Amazon Sellers Training – ช่วยเหลือให้คุณเก่งกาจในการขายด้วยคอร์สดีๆ จากผู้เชี่ยวชาญ
  • Email Automation – เป็นเครื่องมือ Email Marketing ในตัวด้วยการส่งอีเมล์ให้ลูกค้าโดยอัตโนมัติ
  • และอื่นๆ อีกมากมาย

ราคาของ Helium 10

Helium 10 ใช้รูปแบบสมาชิกเช่นเดียวกับคู่แข่ง แต่เป็นหนึ่งในซอฟต์แวร์สำหรับ Amazon Seller ที่แพงที่สุด โดยแบ่งออกเป็น 4 แพลนได้แก่

  • Free – ฟรี
  • Platinum – $97 หรือ 2,910 บาทต่อเดือน
  • Diamond – $197 หรือ 5,910 บาทต่อเดือน
  • Elite – $397 หรือ 11,910 บาทต่อเดือน

ถ้าจ่ายรายปี คุณจะประหยัดค่าใช้จ่ายไป 2 เดือนครับ ถือว่าลดน้อยกว่าซอฟต์แวร์คู่แข่งพอสมควรเลย

Helium 10 Pricing

สิ่งที่แตกต่างในแต่ละแพลนคือ แพลนฟรีจะเหมือนกับลองใช้ครับ เพราะใช้งานฟีเจอร์ได้น้อยมาก และมีจำกัดเยอะ อย่างเช่นใช้งาน Keyword Research ได้แค่ 2 ครั้งต่อวันเท่านั้นครับ

ส่วนแพลน Platinum จะได้ฟีเจอร์เกือบครบทุกอย่าง ยกเว้นแต่ Ads อย่างเดียวเท่านั้นที่จะไม่ได้ อย่างไรก็ดีทรัพยากรที่ Helium 10 ให้แพลน Platinum จะน้อยกว่าแพลนที่สูงกว่า อย่างเช่นจะใช้งานได้แค่คนเดียว และครอบคลุมแค่ 3 ตลาดของ Amazon เท่านั้น

สำหรับแพลน Diamond จะเหมือนกับแพลน Platinum แต่ใช้งาน Ads ได้ และได้ทรัพยากรที่เพิ่มมากขึ้นครับ ส่วนแพลน Elite คือได้ฟีเจอร์ทุกอย่างที่มี ทรัพยากรที่มากที่สุด และได้การ training แบบพิเศษจากทาง Helium 10 ด้วย

โดยส่วนตัวแล้ว ผมมองว่า Amazon Seller ทั่วไปใช้แพลน Platinum ก็เพียงพอแล้วครับ เพราะฟีเจอร์ครบถ้วนแล้ว ขณะที่ training นั้นหาที่อื่นที่ถูกกว่าและคุณภาพไม่ต่างได้อย่างสบายๆ ครับ

Amazon Seller จะเลือกใช้ซอฟต์แวร์ไหนดี

สำหรับ Amazon Seller มือใหม่ที่ยังมีงบส่วนนี้ไม่มากนัก ผมแนะนำให้ใช้ AMZ Scout หรือ IO Scout ครับ เพราะค่าใช้จ่ายไม่สูง และมีฟีเจอร์ที่ใช้งานได้ดี

ส่วน Amazon Seller ที่มีร้านค้าขนาดใหญ๋ที่มั่นคงระดับหนึ่งแล้ว ผมมองว่า Jungle Scout หรือ Helium 10 คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เพราะมีฟีเจอร์ครบเครื่องที่สุดแบบ All-in-one ครับ

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!