เทคโนโลยีซอฟต์แวร์10 เครื่องมือที่ช่วย "ร้านอาหาร" ทำการตลาดออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

10 เครื่องมือที่ช่วย “ร้านอาหาร” ทำการตลาดออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

“ร้านอาหาร” เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเข้ามาของแอพสั่งอาหารอย่าง Grab Food, Line Man หรือ Get Food ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารจากที่ใดก็ได้ แถมร้านหน้าใหม่แบบ Ghost Kitchen หรือร้านอาหารที่ไม่มีหน้าร้านยังผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดอีกด้วย

ดังนั้นร้านอาหารทุกแห่งจึงต้องงัดกลยุทธ์การตลาดขึ้นมาดึงดูดให้ลูกค้าเข้าร้านหรือสั่งอาหารผ่านแอพจากร้านของตน

ในทศวรรษนี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการตลาดที่ดีที่สุดสำหรับร้านอาหารย่อมต้องเป็นการตลาดแบบดิจิตอล (Digital marketing) เพราะลูกค้าส่วนใหญ่มี smartphone และมักจะ search หาข้อมูลร้านอาหารที่น่าสนใจบนโลกออนไลน์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะผ่านเว็บไซต์รีวิวอาหารอย่าง Wongnai, Influencer สายอาหารใน Facebook และ Instagram หรือว่า search Google โดยตรง ฯลฯ

ดังนั้นร้านอาหารจึงต้องมีตัวตนบนโลกออนไลน์เพื่อให้ลูกค้าได้ทราบว่ามีร้านของคุณตั้งอยู่ ในส่วนนี้ผมเชื่อว่าร้านอาหารส่วนใหญ่ก็ทำกันอยู่แล้ว นั่นคือใช้งาน social network อย่าง Facebook, Instagram (หรือในยุคหลังอาจจะเป็น Twitter + Tiktok ด้วย), เปิดเว็บไซต์ และ Google My Business ฯลฯ

ร้านอาหาร Image by Nenad Maric from Pixabay

แต่การมีสิ่งเหล่านี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการทำการตลาดดิจิตอลสำหรับร้านอาหารเท่านั้น คุณยังต้องสรรหากลยุทธ์อีกมากมายเพื่อมาต่อสู้กับคู่แข่งทางการตลาด ในโพสนี้ผมจึงจะมาแนะนำเครื่องมือที่น่าสนใจสำหรับร้านอาหารที่ต้องการทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพครับ

อย่างไรก็ดีเนื่องจากเครื่องมือที่ใช้ได้นั้นมีเป็นจำนวนมาก ผมจึงขออนุญาตแบ่งออกเป็นหมวดๆ อย่างเช่นหมวด Content marketing (สร้างคอนเทนต์), Advertising (โฆษณา) ฯลฯ

Content Marketing

เครื่องมือหมวดแรกที่ผมต้องขอกล่าวถึงคือ Content Marketing หรือการสร้างคอนเทนต์ในการทำการตลาด สำหรับร้านอาหาร คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าการทำคอนเทนต์นั้นสำคัญมาก เพราะการที่ลูกค้าจะสั่งอาหารหรือเข้าร้านของคุณนั้น พวกเขาจะต้องถูกดึงดูดด้วยคอนเทนต์เหล่านี้เสียก่อนนั่นเองครับ

1. Marketing Video

ในเมื่อลูกค้าไม่สามารถลิ้มรสและได้กลิ่นอาหารได้ผ่านทางโลกออนไลน์ ดังนั้นคุณจะต้องการสร้าง content ที่เน้นรูปภาพและเสียงให้มากที่สุดในการทำการตลาด ซึ่งในปัจจุบันแล้วไม่มีอะไรยอดเยี่ยมไปกว่า Video นั่นเอง จากสถิติแล้ว Video เป็นรูปแบบของการทำการตลาดที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีที่สุด และยังมีโอกาสเป็นไวรัลอีกด้วยครับ

สำหรับเจ้าของร้านอาหารทั่วไปแล้ว คุณสามารถทำคลิปวีดิโอได้หลากหลายรูปแบบด้วยกันในการทำการตลาดสำหรับร้านของคุณ อาทิเช่น

  • บรรยากาศของร้านอาหาร
  • บรรยากาศของห้องครัว
  • รูปร่างหน้าตาของอาหาร
  • ขั้นตอนการทำอาหารโดยพ่อครัวหรือเชฟที่ร้านของคุณ
  • งานพิเศษ เทศกาลพิเศษ โปรโมชั่นพิเศษ อาหารพิเศษ
  • และอื่นๆ อีกมากมาย

ถ้าคุณยังไม่เห็นภาพ ลองดูวีดิโอตัวอย่างใช้ทำการตลาดให้กับร้านอาหารได้จากคลิปด้านล่างครับ

อย่างไรก็ดีผมเชื่อว่าใครที่ไม่เคยทำวีดิโอมาก่อนเลยอาจจะกังวลว่า คุณจะทำเองได้รึเปล่า ต้องไปเรียนหรือไม่ จะมีเวลาทำรึเปล่าเพราะบริหารร้านก็ยุ่งอยู่แล้ว ถ้าให้ฟรีแลนซ์ทำจะเสียค่าใช้จ่ายสูงหรือไม่ ฯลฯ ในส่วนนี้ผมบอกเลยว่าไม่ต้องกังวลเลยครับ เพราะในปัจจุบันมีโปรแกรมที่สร้างวีดิโอการตลาดที่ใช้ง่ายมากๆ และราคาไม่แพงอย่างเช่น Promo เป็นต้น

การใช้งาน Promo สร้างวีดิโอจะใช้ระบบ Drag & Drop ทำให้ทุกอย่างง่ายดายและสะดวกสบาย กล่าวคือคุณแค่เลือก template ที่มีไว้อยู่แล้วมาดัดแปลงด้วยการ upload คลิปหรือรูปภาพที่คุณถ่ายไว้ หลังจากนั้นก็ใส่คลิป footage เสริมที่มีให้เลือกใช้งานอีก 23 ล้านชิ้น และเพลงประกอบเข้าไปในกรณีที่คุณต้องการ

อย่างด้านล่างจะเป็นตัวอย่าง template ที่คุณนำไปใช้งานได้ครับ

ในการทำวีดิโอโดยใช้ Promo ทุกอย่างสามารถทำได้บนเว็บไซต์ โดยไม่ต้องลงโปรแกรมใดๆ ทั้งสิ้นให้ปวดหัว และไม่ต้องไปเรียนด้วย เพราะทุกอย่างใช้ง่ายในตัวของมันอยู่แล้ว อย่างด้านล่างคือตัวแพลตฟอร์มที่คุณจะสามารถแก้ไขวีดิโอของคุณได้

ตัวอย่างการสร้างวีดิโอโดยใช้ Promo

ราคาการใช้งาน Promo คิดเป็นแบบสมาชิกครับ โดยเริ่มต้นที่ $39 (1,170 บาทต่อเดือน) โดยคุณจะสร้างคลิปแบบ Full HD ความยาวไม่เกิน 5 นาทีได้แบบไม่จำกัดครับ คุณจะสร้างเป็นร้อยคลิปก็ไม่มีใครว่าครับ

หลังจากที่คุณสร้างคลิปเสร็จแล้ว คุณจะนำคลิปวีดิโอไปทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นแชร์ผ่าน Social Network อย่าง Facebook และ Instagram รวมไปถึง Youtube หรือว่าจะใช้เป็น Video Ads ในการทำโฆษณาต่างๆ ก็ได้ครับ เพราะลิขสิทธิ์การใช้งานทั้งหมดเป็นของคุณนั่นเอง

Promo ให้คุณลองสร้างวีดิโอได้ฟรีครับ ลองใช้งานได้เลยด้วยการกดปุ่มด้านล่าง

2. Infographic

Infographic เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการทำการตลาดของร้านอาหาร เพราะคนทั่วไปใน social media นิยมอ่าน Infographic มากกว่าตัวอักษรมากๆ

คุณสามารถใช้ infographics ในการตลาดเพื่อโฆษณาร้านอาหารของคุณได้หลายรูปแบบด้วยกัน อาทิเช่น

  • เล่าสตอรี่ของอาหารของคุณ ใช้วัตถุดิบใดบ้าง ทำไมอาหารของคุณถึงเหนือกว่าเจ้าอื่น
  • เล่าประวัติความเป็นมาของเชฟ
  • แนะนำสูตรการทำอาหาร
  • แจ้งโปรโมชั่นสุดพิเศษ
  • และอื่นๆ อีกมากมาย

ในปัจจุบันการสร้าง Infographic คุณภาพสูงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะเรามีโปรแกรมกราฟิกมากมายที่คุณสามารถใช้สร้าง infographic เองได้อย่างไม่ยาก โดยไม่ต้อง install อะไรเลย แถมบางตัวยังใช้ฟรีอีกด้วย ทั้งนี้บรรดาตัวที่ผมชอบที่สุดคือ Canva ครับ

การใช้งาน Canva สร้าง infographic คุณภาพสูงถือว่าง่ายดายมาก เพราะคุณแค่เลือก infographic template หลังจากนั้นก็แก้ไขข้อมูล และใส่รูปภาพของคุณลงไป ต่อมาก็แก้ไขให้สวยตามความต้องการ เช่นเปลี่ยนสี เปลี่ยน font เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้นแล้วครับ

Infographic สำหรับร้านอาหารโดยใช้ Canva

เมื่อเสร็จแล้วก็สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานครับ คุณสามารถไปนำแชร์ในไหนก็ได้อย่างอิสระครับ

3. Blog Posts/SEO

Blog Posts คือการเขียนบทความทั่วไปใน Social Network อย่างเช่น Facebook หรือว่าบนเว็บไซต์ของคุณ ถ้าคุณเขียนออกมาได้ดีและตรงใจผู้อ่าน บทความของคุณก็จะถูกแชร์ไปยังที่ต่างๆ และสร้างการรับรู้ของลูกค้าไปโดยปริยาย บางคนอาจจะรู้สึกสนใจและลองมาชิมอาหารที่ร้านของคุณก็ได้ครับ

นอกจากนี้ถ้าคุณเขียนบทความลงบนเว็บไซต์ บทความของคุณจะได้รับการจัดอันดับโดย Google ทำให้ใครที่ search หาข้อมูลต่างๆ มาอ่านบทความบนเว็บไซต์ของคุณแล้วอาจจะรู้สึกประทับใจจนอยากเป็นลูกค้าก็ได้ การทำการตลาดในรูปแบบนี้จัดว่าไม่มีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาแต่อย่างใด และมีศักยภาพในการทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติครับ

อย่างไรก็ดีการที่คุณจะเขียนบทความนั้น คุณจะต้องเลือกเขียนในสิ่งที่มีคน search บน Google ด้วย มิฉะนั้นจะไม่มีคนมาอ่านบทความของคุณเลย วิธีการดูว่ามีการ search บน Google อะไรบ้าง ผมแนะนำให้ใช้ Keyword Planner อย่างเช่น KWFinder ในการตรวจสอบครับ

KWfinder

Keyword Planner เหล่านี้จะแจ้งให้คุณทราบว่า keyword นี้มีคน search เท่าไรต่อเดือน และตัวไหนที่มีคู่แข่งน้อย เหมาะต่อการนำมาเขียนครับ

ยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณเปิดร้านอาหารจีนเสฉวน และพบว่า “อาหารเสฉวน” มีคน search หลายพันครั้งต่อเดือน คุณอาจจะเขียนเคล็ดลับการทำอาหารเสฉวนให้ผู้สนใจได้อ่าน และแนบคำโปรยที่ชักชวนให้พวกเขามาชิมอาหารเสฉวนแท้ๆ ที่ร้านของคุณไว้ตอนท้ายบทความก็ได้ครับ

ค่าใช้จ่ายในการใช้งาน KWFinder จะเริ่มต้นที่ $29.90 หรือประมาณ 900 บาทต่อเดือนครับ โดยมีลองใช้ฟรี 10 วันครับ

Advertising

Advertising หรือการโฆษณาคือส่วนสำคัญที่สุดในการทำการตลาดของทุกธุรกิจเลยก็ว่าได้ สำหรับร้านอาหารแล้ว การโฆษณาที่น่าจะใช้กันบ่อยๆ น่าจะเป็นการโฆษณาผ่าน Facebook, Instagram หรือว่า Google

อย่างไรก็ดีค่าโฆษณาบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ในระยะหลังแพงขึ้นมากอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะ Facebook ดังนั้นคุณจะต้องใช้เครื่องมืออื่นเข้ามาช่วยในเพิ่มศักยภาพในการโฆษณาให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดครับ

เราไปดูกันดีกว่ามีเครื่องมือใดบ้าง

4. Ad Management

Ad Management คือเครื่องมือที่ช่วยคุณโฆษณาผ่าน Facebook, Instagram และ Google ได้อย่างประสิทธิภาพมากขึ้น และยังจัดการการโฆษณาให้คุณได้อย่างอัตโนมัติ คุณจึงไม่จำเป็นต้องพะวงในเรื่องค่าโฆษณาพุ่งโดยที่คุณไม่รู้ตัวครับ

ซอฟต์แวร์ที่น่าสนใจในที่นี้ก็คือ Revealbot เพราะสามารถดูแลการโฆษณาให้คุณได้ทั้ง Facebook Ads/Instagram Ads และ Google Ads ตัวโปรแกรมจะช่วยให้คุณค้นหาสูตรการโฆษณาที่ดีที่สุดบน Facebook และ Google โดยใช้หลักสถิติและ AI ดังนั้นโอกาสที่คุณโฆษณาไปแล้วไม่ได้รับผลตอบรับใดๆ มาเลยจะลดลงไปอย่างมากเลยครับ

จัดการการโฆษณาผ่าน Google Ads โดยใช้ Revealbot

สำหรับค่าใช้จ่ายนั้นจะใช้ระบบสมาชิก ค่าใช้จ่ายจะเริ่มต้นที่ $83 หรือประมาณ 2,490 บาทต่อเดือน โดยคุณจะใช้บริหารโฆษณา (ทุกแพลตฟอร์ม) ได้ในมูลค่า $10,000 หรือประมาณ 300,000 บาทครับ

Revealbot ให้คุณใช้งานได้ฟรี 14 วัน

อย่างไรก็ดี Revealbot นั้นใช้ไม่ฟรี ถ้าคุณอยากใช้ Ad Management ฟรีโดยที่ลดฟีเจอร์ไปสักหน่อย ผมแนะนำให้ใช้ Adzooma ครับ

Adzooma จะช่วยดูแล Google Ads และ Facebook Ads ให้คุณได้อย่างอัตโนมัติเช่นเดียวกับ Revealbot โดย Adzooma จะช่วยแนะนำว่า campaign โฆษณาของคุณมีส่วนไหนควรจะปรับปรุงบ้าง และนำเสนอวิธีแก้ไขที่ได้ผลที่เข้าใจง่าย อย่างเช่นควรเพิ่ม Keywords หรือว่าใส่ Location Targeting เป็นต้น

นอกจากนี้ Adzooma ยังช่วยจัดการโฆษณาแบบอัตโนมัติให้คุณได้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มลดงบประมาณโฆษณาในกรณีที่ค่า CPC สูง หรือ ROAS ต่ำก็สามารถทำให้ได้ในทันที ดังนั้นคุณจะไม่เสียเงินโฆษณาไปอย่างสูญเปล่าอีกต่อไป

สิ่งที่ Adzooma แพ้ Revealbot ก็คือไม่มีฟีเจอร์ระดับสูงที่ช่วยหา Strategy ในการโฆษณาที่ทรงประสิทธิภาพครับ แต่ก็แลกมาด้วยการใช้งานฟรีตลอดชีพนั่นเอง

ทั้งนี้ Adzooma และ Revealbot เป็น partner ของ Google และ Facebook เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าคุณจะเกิดปัญหาอะไรถ้าใช้งานซอฟต์แวร์สองตัวนี้ครับ

6. Influencer Marketing

Influencer marketing เป็นอีกวิธีการทำการตลาดยอดนิยมที่ร้านอาหารทั้งหลายนิยมใช้กัน ไม่ว่าจะเป็น influencer ใน Facebook, Instagram, Youtube หรือแม้กระทั่ง social network ที่กำลังมาแรงมากอย่าง Tiktok โดย Influencer เหล่านี้จะมารีวิวร้านอาหารของคุณ และแนะนำให้ผู้ติดตามของเขาไปลองชิมที่ร้านของคุณ เกิดเป็นกระแสฮิตแบบปากต่อปากได้ครับ

ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะเลือก Influencer อย่างไรดี ผมแนะนำให้ใช้บริการของ Tellscore หรือ Influencer House เพื่อหา Influencer ที่เหมาะสมกับร้านอาหารของคุณได้ อย่างไรก็ดีคุณควรจะประเมินประสิทธิภาพของ Influencer แต่ละคน (อย่างเช่นค่า Engagement ต่างๆ) ก่อนที่จะตัดสินใจทำการตลาดกับ Influencer คนดังกล่าวครับ

7. Email Marketing

Email Marketing เป็นการทำการตลาดโดยใช้อีเมล์ กล่าวคือคุณจะส่งอีเมล์ต่างๆ ไปให้ลูกค้า ภายในอีเมล์อาจจะประกอบด้วยการแจ้งข่าวสาร แจ้งโปรโมชั่นพิเศษให้กับลูกค้าประจำ ดึงดูดให้ลูกค้าหวนกลับมาใช้บริการร้านอาหารของคุณอีกนั่นเองครับ

จุดแข็งที่สำคัญของ Email Marketing คือราคาถูกเมื่อเทียบกับการโฆษณากับ Facebook หรือ Google และยังช่วยลดการพึ่งพาสองแพลตฟอร์มนี้ในการทำโฆษณาอีกด้วย นั่นแปลว่าถ้าเกิดเพจของคุณโดนปิดขึ้นมา คุณก็ติดต่อกับลูกค้าผ่านอีเมล์ได้นั่นเองครับ

นอกจากนี้คุณยังส่งอีเมล์ไปขอให้ลูกค้าช่วยเขียนรีวิวผู้ที่เคยไปกินจริงๆ บนแพลตฟอร์มอย่าง Wongnai หรือแม้กระทั่ง Facebook Page ของคุณได้อีกด้วย ทำให้จบปัญหาเรื่องร้านของคุณไม่มีรีวิวครับ

ตัวอย่าง Email Marketing

ผู้ให้บริการ Email Marketing ที่น่าสนใจคือ MailChimp เพราะคุณสามารถใช้งานได้ฟรีแบบตลอดชีพ แต่ถ้าคุณต้องการอีเมล์ที่ดูสวยงาม ส่งตรงถึงกล่อง Inbox ของลูกค้า และเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะกดอ่านแล้ว ผมแนะนำให้ใช้เป็น Constant Contact จะดีกว่า เพราะว่ามีฟีเจอร์หลากหลายและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณเพิ่มจำนวนสมาชิก (ลูกค้าที่อนุญาตให้คุณส่งอีเมล์ไปได้) อย่างรวดเร็วครับ

Victory Tale เป็น affiliate partner กับ Constant Contact หมายความว่าถ้าคุณใช้บริการของ Constant Contact ผ่านทางลิงค์นี้ ทางผมจะได้รับส่วนแบ่งจากการขายจาก Constant Contact ด้วยครับ ซึ่งผมจะนำรายได้ดังกล่าวมาพัฒนาเว็บไซต์ต่อไปครับ

8. Online Reservations

การเข้าร่วม Online Reservations app อย่างเช่น Hungry Hub หรือ Eatigo เป็นทางเลือกการตลาดที่น่าสนใจสำหรับร้านอาหาร เพราะว่า app เหล่านี้มีผู้ใช้งานมากขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ต้องการรับประทานอาหารที่มีคุณภาพในราคาย่อมเยา

การที่ร้านอาหารของคุณไปปรากฏในแพลตฟอร์มเหล่านี้ย่อมช่วยให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น และดึงดูดลูกค้าที่ชอบลองร้านใหม่ๆ จริงอยู่ว่าอัตรากำไร (margin) ของคุณอาจจะไม่เท่ากับการขายทั่วไปแบบ a la carte แต่ในส่วนของยอดขายแล้วจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

อย่าง Hungry Hub ได้แจ้งว่าได้สร้างยอดขายต่อเดือนให้กับร้านอาหารร้านหนึ่งมากถึง 1,900,000 บาทเลยทีเดียว

นอกจากนี้ถ้าอาหารของคุณรสชาติดีมากและเป็นที่น่าประทับใจ ก็มีโอกาสที่ลูกค้าเหล่านี้จะกลายเป็นลูกค้าประจำได้เช่นกัน แม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็น partner กับ Online Reservations app เหล่านี้อีกแล้วก็ตามครับ

เครื่องมือการตลาดสำหรับร้านอาหารในรูปแบบอื่นๆ

9. Chatbot

Chatbot คือ bot ที่คุณสร้างขึ้นเพื่อสื่อสารกับลูกค้าในเวลาที่คุณหรือทีมงานไม่อยู่ประจำการ อย่างเช่นในช่วงเวลาที่ร้านอาหารของคุณมีลูกค้าจำนวนมากหรือว่าได้รับออเดอร์มากมาย ทำให้ไม่มีใครว่างมาตอบ Message ของผู้ที่เข้ามาสอบถามข้อมูลของร้านใน Facebook เลย ร้านของคุณจึงสูญเสียผู้ที่อาจจะเป็นลูกค้าชั้นดีไปหลายคน

ปัญหานี้แก้ไขไม่ยากเลยครับ เพราะถ้าคุณติดตั้ง Chatbot เอาไว้ใน Facebook Messenger เจ้า Chatbot นี้จะให้ข้อมูลที่ลูกค้าต้องการได้อย่างละเอียด มอบโปรโมชั่นพิเศษ ชักชวนลูกค้า แถมยังสามารถจองโต๊ะให้ลูกค้าได้อีกด้วย ทำให้คุณไม่เสียลูกค้าไปในเวลาที่คุณไม่ว่างตอบ message อย่างแน่นอนครับ

สิ่งที่ดีเยี่ยมอีกอย่างหนึ่งคือ เจ้า Chatbot ช่วยเก็บข้อมูลของลูกค้าได้ไม่ว่าจะเป็น Email, หมายเลขโทรศัพท์ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้คุณนำข้อมูลตรงนี้ไปทำการตลาดได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับ targeting ของโฆษณาให้ตรงกลุ่มมากขึ้น หรือว่าการทำ Email marketing ครับ

ManyChat

สำหรับโปรแกรมที่ใช้สร้าง Chatbot อย่างไม่ยากและสะดวกสบายก็คือ ManyChat ครับ แถมยังมีให้ใช้งานเบื้องต้นฟรีอีกด้วยครับ

10. Social Listening

Social Listening คือการตรวจสอบว่าในโลกออนไลน์มีการกล่าวถึงแบรนด์ของคุณในทางใดบ้าง กล่าวคือเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้คุณทราบว่าผู้คนในโลกออนไลน์มีความคิดเห็นอย่างไรต่อร้านอาหารของคุณ

บางคนอาจจะเป็นลูกค้าที่เคยไปกินแล้วรู้สึกประทับใจ หรือไม่ประทับใจ พวกเขาอาจจะไม่บอกคุณ แต่เขียนลงมาใน Social Network หรือลงใน pantip แทนเป็นต้น ดังนั้นคุณอาจจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงร้านอาหารของคุณได้

นอกจากนี้เครื่องมือ Social Listening ยังมีประโยชน์มากในเรื่องการจัดการ Crisis Management เช่นสมมติว่ามีคนตั้งกระทู้ใน pantip ว่า “ร้านของคุณมีหางจิ้งจกในน้ำซุป” คุณก็จะทราบจากเครื่องมือเหล่านี้ได้ในทันที และสามารถรีบเข้าไปขอโทษ ต่อรอง ชดเชยกับผู้โพสต์ ก่อนที่กระแสจะลุกลามบานปลายจนสร้างความเสียหายกับภาพลักษณ์ของร้านอาหารของคุณได้ครับ

การตรวจสอบว่าแบรนด์ของคุณกล่าวถึงอย่างไรบนโลกออนไลน์โดยใช้ Social Listening Tools อย่าง Awario

ซอฟต์แวร์ Social Listening ส่วนมากจะมีราคาสูง แต่ตัวที่มีประสิทธิภาพและมีราคาย่อมเยาก็มีอยู่เช่นกัน อาทิเช่น Awario เป็นต้น

Awario สามารถช่วยตรวจสอบได้ว่าแบรนด์ของคุณถูกกล่าวถึงอย่างไรบ้างแบบ real-time ในทุกภาษาไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ฯลฯ นอกจากนี้ยังดูการกล่าวถึงร้านคู่แข่งของคุณได้อีกด้วย!

ค่าบริการเริ่มต้นของ Awario จะอยู่ที่ $24 หรือประมาณ 720 บาทต่อเดือน แต่ความคุ้มค่าผมบอกได้เลยว่าล้นเหลือครับ คุณสามารถลองใช้งานได้ฟรีโดยไม่ต้องใส่ข้อมูลเครดิตการ์ดด้วยการกดปุ่มด้านล่างครับ

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!