Marketing Automation คือการทำการตลาดได้อย่างอัตโนมัติได้ในช่องทางต่างๆ อาทิเช่น, การทำ Email Marketing เพื่อสื่อสารกับลูกค้า, การสร้างประสบการณ์ที่เหมาะสมกับความชอบของลูกค้าบนเว็บไซต์ หรือแม้กระทั่งการโฆษณาใน social media อย่างเช่น Facebook และอื่นๆ อีกมากมาย
โดยมากแล้วการจะทำ marketing automation จะทำได้ง่ายที่สุดโดยใช้ Marketing Automation Software ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์หรือเครื่องมือระดับสูงที่สามารถช่วยให้คุณทำการตลาดในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างอัตโนมัติ
ประโยชน์ของซอฟต์แวร์เหล่านี้มีมหาศาล ไม่ว่าจะเป็น
- เพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดบนแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างมีนัยสำคัญด้วยวิธี Personalization (ทำความเข้าใจลูกค้าจากการเก็บข้อมูล หลังจากนั้นก็ส่งสิ่งที่ลูกค้าแต่ละคนต้องการจะเห็นเท่านั้น)
- ช่วยบริษัทของคุณบริหารค่าใช้จ่ายและเวลาได้ดียิ่งขึ้น เพราะคุณสามารถโยกย้ายทีมงานไปทำงานที่สำคัญกว่า และไม่ต้องเสียเวลาทำงานซ้ำซากจำเจที่ตัวแพลตฟอร์มสามารถทำให้คุณได้อย่างอัตโนมัติครับ
อย่างไรก็ดีซอฟต์แวร์ Marketing Automation ก็มีหลายประเภทเช่นกัน ผมขอจัดกลุ่มดังต่อไปนี้
ประเภทของ Marketing Automation Software
All-in-One Marketing Automation – กลุ่มนี้จะมีฟีเจอร์ที่ครบถ้วนที่สุดและครอบคลุมกลุ่มอื่นทุกกลุ่มด้วย ทำให้ซอฟต์แวร์ตัวเดียวทำได้หมดแทบทุกอย่าง แต่อาจจะจะทำได้ดีสู้ซอฟต์แวร์เฉพาะทางไม่ได้
ในส่วนของราคา โดยมากแล้วซอฟต์แวร์ Marketing Automation แบบ All-in-one จะแพงที่สุด เช่นอาจจะอยู่ที่หลายหมื่นถึงหลายแสนบาทต่อเดือน ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กและกลางไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่ถ้าคิดว่า คุณต้องซื้อซอฟต์แวร์ตัวอื่นที่ทำหน้าที่แยกไปหลายๆ ตัวมาใช้งานแล้ว การใช้ซอฟต์แวร์แบบ All-in-one จะถูกกว่าครับ
Advertising Automation – ซอฟต์แวร์ที่ช่วยบริการจัดการการโฆษณาอย่างอัตโนมัติไม่ว่าจะเป็น Google, Facebook, Twitter ฯลฯ หน้าที่ของซอฟต์แวร์กลุ่มนี้จะทับซ้อนกับกลุ่ม Social Media บางส่วน แต่จะเน้นไปที่การยิง Ads ล้วนๆ ครับ
Social Media Automation – ซอฟต์แวร์ที่ช่วยทำการตลาดใน Social Media ต่างๆ อาทิเช่น Facebook, Instagram, Twitter โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะครอบคลุมทั้งหมดไม่ใช่เพียงแค่การโฆษณาเหมือนกับกลุ่ม Advertising
Email Marketing Automation – ซอฟต์แวร์ที่เน้นไปที่การส่งอีเมล์สื่อสารกับลูกค้าโดยอัตโนมัติ จบปัญหาการต้องให้ทีมการตลาดมาติดต่อลูกค้าเป็นรายคนอีกต่อไป
Customer Journey Automation – ซอฟต์แวร์ที่ช่วยจัดการเรื่อง Lead Generation และ Lead Nurturing หรือช่วยให้ธุรกิจของคุณเปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือ Landing Page ให้เป็นลูกค้าของคุณ
ทั้งนี้มีบางซอฟต์แวร์อย่างเช่น ActiveCampaign อาจจะทำได้หลายอย่าง แต่ไม่ครบทุกอย่างแบบ All-in-one ครับ
ในโพสนี้เราจะมาดูกันว่าซอฟต์แวร์ Marketing Automation ดีๆ สำหรับธุรกิจขนาดเล็กมีตัวไหนบ้างครับ
ข้อควรทราบ: ราคา เงื่อนไข และการใช้งานอาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากในโพสได้ตามความต้องการของผู้บริการ เพื่อความชัดเจนควรตรวจสอบกับทางผู้ให้บริการโดยตรงครับ
1. ActiveCampaign (ใกล้เคียง All-in-one)
ActiveCampaign น่าจะเป็นบริษัท Marketing Automation ที่ใกล้เคียงกับแบบ All-in-one และให้บริการในราคาที่ย่อมเยาเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กมากที่สุด ปัจจุบันมีผู้ใช้งานซอฟต์แวร์นี้มากกว่า 100,000 บริษัทใน 170 ประเทศทั่วโลกครับ
ฟีเจอร์ของ ActiveCampaign นั้นครอบคลุมเกือบทุกด้าน อาทิเช่น
- Email Automation – ส่งอีเมล์หาลูกค้าใหม่โดยอัตโนมัติอย่างเป็นระบบตามที่คุณกำหนด การส่งอีเมล์ทำได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็น Broadcast emails, Triggered Emails, Targeted Emails, Autoresponders และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมี template อันสวยงามให้ใช้งานด้วย
- Automated Workflows – สร้าง Workflows ใหแพลตฟอร์มทำงานให้คุณอย่างอัตโนมัติอย่างง่ายดายด้วยระบบ Drag & Drop และยังสามารถตรวจสอบการทำงานแบบอัตโนมัติด้วย Dashboard แบบ Bird’s Eye view
- Split Action – ทดสอบระบบที่ใช้งานได้ที่สุดด้วยการใช้ Split Action Test
- Segmentation – จัดกลุ่มให้ลูกค้าให้เหมาะสม เพื่อที่จะได้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ตรงใจมากที่สุด
- Integration – เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่นๆ อีก 280 ตัวอย่างเช่น Woocommerce และ Shopify
- Attribution – ติดตามลูกค้าที่เข้ามาในเว็บไซต์ของคุณตั้งแต่ต้นจนจบ พร้อมส่งอีเมล์ไปหาลูกค้าโดยอัตโนมัติในกรณีที่คุณต้องการ
- Facebook Custom Audiences – เพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณาผ่าน Facebook ด้วยการเลือก Targeting ที่ต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถโฆษณาบน Facebook ในรูปแบบที่ต่างกันสำหรับคนที่อยู่คนละ stage ของ Sales Funnel อย่างคนที่เคยเข้ามาคลิก Product Page แล้วก็จะเห็นโฆษณาคนละแบบกับคนที่เพิ่งจะเข้ามาเป็นครั้งแรกเป็นต้น (ผมมองว่าน่าสนใจมาก อ่านรายละเอียดเพิ่มได้ที่นี่)
- Live Chat – แชทกับลูกค้าหรือผู้สนใจผ่านทาง Live Chat แบบ Real-time เพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะซื้อสินค้าของคุณ
- Personalized Website – สร้างเว็บไซต์หรือ Landing Page ที่เปลี่ยนแปลงได้โดยอัตโนมัติตามข้อมูลของลูกค้าแต่ละคน
- CRM – จัดการและติดต่อลูกค้าแต่ละคนอย่างรวดเร็วและเที่ยงตรงด้วยแพลตฟอร์ม CRM ชั้นยอด
- Sales Automation – จัดการแต่ละ Lead โดยอัตโนมัติ และเปลี่ยนผู้เข้าชมให้เป็นลูกค้าด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่นตัวแพลตฟอร์มมีการใช้ระบบคะแนนในผู้เข้าชมแต่ละคนเพื่อวัดความสนใจของลูกค้า ถ้าลูกค้ามีทีท่าสนใจมาก แพลตฟอร์มจะแจ้งทีมขายให้ติดต่อลูกค้าไปทันที
- และอื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับเรื่องราคานั้น Active Campaign ประกอบด้วย 4 แพลนด้วยกัน แต่ที่เริ่มใช้งาน Marketing Automation ได้จริงๆ คือ 3 แพลนต่อไปนี้
- Plus – เริ่มต้นที่ $49 หรือประมาณ 1,370 บาทต่อเดือน สำหรับ 1,000 contacts
- Professional – เริ่มต้นที่ $129 หรือประมาณ 3,870 บาทต่อเดือน สำหรับ 2,500 contacts
- Enterprise – เริ่มต้นที่ $49 หรือประมาณ 1,370 บาทต่อเดือน สำหรับ 5,000 contacts
นอกจากนี้ถ้าคุณต้องการ Live Chat ด้วยจะต้องเสียเพิ่มในราคา $9 ต่อคนต่อเดือนครับ เชนเดียวกับจำนวน contact ที่ถ้าต้องการเพิ่มก็จะต้องจ่ายเพิ่มเช่นกัน
สำหรับทั้ง 3 แพลนนี้ แพลน Plus จะใช้งานฟีเจอร์ Marketing Automation ได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ถ้าจะให้สมบูรณ์จริงๆ คือ Professional ครับ ซึ่งจัดว่าคุ้มค่ามาก เพราะว่าแพลตฟอร์มเดียวทำได้เกือบหมดทุกอย่างเลยครับ แถมยังได้ถึง 2,500 Contracts เลยด้วย
ส่วนแพลน Enterprise นั้นผมว่าไม่จำเป็นเท่าไรสำหรับธุรกิจขนาดเล็กครับ เพราะฟีเจอร์ที่เพิ่มมาจะเกี่ยวพันกับการทำงานในองค์กรขนาดใหญ่มากกว่า แถม Professional ยังใช้งานได้พร้อมกันถึง 50 คนแล้วด้วยครับ
สำหรับข้อสงสัยเรื่องราคาและแพลน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Pricing
ActiveCampaign ให้คุณลองใช้ฟรีได้ 14 วัน โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลเครดิตการ์ดใดๆ ครับ
2. Keap (ฝั่ง Customer Journey + Email)
Keap หรือในอดีตคือ InfusionSoft เป็นหนึ่งในซอฟต์แวร์ชั้นนำในส่วนของ Customer Journey หน้าที่ของ Keap คือช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กเปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้กลายเป็นลูกค้าของคุณ หลังจากใช้งานซอฟต์แวร์ของ Keap แล้ว พบว่าลูกค้าของ Keap เพิ่มยอดขายโดยเฉลี่ยมากถึง 832% เช่นเดียวกับกำไรที่เพิ่มมากถึง 310% ครับ
โดย Keap จะมีฟีเจอร์ต่อไปนี้
- สร้าง Sales Processes ที่มีประสิทธิภาพด้วยการส่งอีเมล์เพื่อติดต่อและช่วยเหลือผู้ที่สนใจตั้งแต่แรกเริ่มไปจนถึงการปิดการซื้อขาย ทุกอย่างจะทำโดยอัตโนมัติโดยระบบของ Keap
- Sales Pipeline – จัดการและตรวจสอบข้อมูลของลูกค้าทุกคนที่เข้ามาในแพลตฟอร์ม และตอบสนองลูกค้าโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ข้อมูลของลูกค้าจะถูกส่งมายังที่แพลตฟอร์มและจัดเรียงเป็นกลุ่มตามโอกาสที่ลูกค้าจะซื้อสินค้า ทำให้ฝ่ายขายของคุณประสานงานกับลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ถ้าสงสัยว่าเป็นอย่างไร ลองใช้งานแบบจำลองได้ทันทีที่ Sales Pipeline (เข้าใจง่ายมากๆ ผมแนะนำให้ลองเลยครับ)
- Email Marketing – Keap จะช่วยให้คุณทำ Email marketing อย่างมีประสิทธิภาพด้วย template ที่สวยงามมากมาย, A/B Testing และ Auto Spam Checking เพื่อเพิ่ม % ในการกดอ่านของลูกค้า
- Laser Focus – สร้างประสบการณ์ที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละคนด้วยการ Segmentation หรือจัดลูกค้าเป็นกลุ่มๆ เพื่อที่การติดต่อจะได้เชื่อมโยงกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น
- CRM – Keap เป็นซอฟต์แวร์ CRM ในตัวด้วย อย่างเช่นสามารถเก็บข้อมูลของลูกค้า และนำไปจัดการด้วยวิธีต่างๆ ตามความต้องการของคุณ
- Appointments – จัดการการพบลูกค้าอย่างง่ายดาย ด้วยการส่งอีเมล์ให้ลูกค้าเลือกเวลาจากตารางที่ว่างของคุณโดยอัตโนมัติ แถมยัง Update Outlook/Google Calendar ของคุณในทันทีที่ลูกค้าเลือกเวลาเสร็จสิ้น นอกจากนี้เมื่อเวลานัดใกล้จะมาถึง ลูกค้ายังจะได้อีเมล์แจ้งเตือนอีกด้วย ทำให้ไม่มีการหลงลืมอย่างแน่นอน ลองดูการจำลองการใช้งานจริงได้ที่ demo
- Payments – สร้างใบแจ้งหนี้ที่สวยงามอย่างง่ายดาย และสร้างอีเมล์ไปให้ลูกค้าสามารถจ่ายเงินได้ทันทีอย่างสะดวกสบายและปลอดภัย โดยใบแจ้งหนี้จะเปลี่ยนแปลงโดยอัตโนมัติตามข้อมูลของลูกค้า คุณไม่จำเป็นต้องมาแก้ไขด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบว่าลูกค้าคนใดยังไม่ได้อ่านใบแจ้งส่งของหรือใบแจ้งหนี้ของคุณได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดีในปัจจุบัน Keap ยังไม่รองรับภาษาไทยในส่วนของระบบ Automation ทั้งหลาย แต่รองรับภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น สเปน ฝรั่งเศส เยอรมัน อารบิก โปรตุกีส ดัชต์และสวีดิช ดังนั้นตัวซอฟต์แวร์นี้จึงมีข้อจำกัดอยู่บ้างในการใช้งานกับลูกค้าไทยบางส่วน แต่ถ้าคุณทำเว็บไซต์ e-commerce, Dropshipping หรือให้การบริการอื่นๆ แก่ลูกค้าต่างชาติ Keap จะเป็นตัวเลือกที่ perfect มากครับ
สำหรับในเรื่องราคานั้น Keap มี 3 แพลนด้วยกัน แต่แพลนที่ถูกที่สุดนั้นจะยังไม่มี Marketing Automation ให้ใช้ ตัวเลือกของคุณจึงเหลือ 2 แพลนได้แก่
- Keap Pro เริ่มต้นที่ $149 หรือ 4,470 บาทต่อเดือน แต่สองเดือนแรกจะได้ราคาพิเศษที่ $45 หรือ 1,350 บาทต่อเดือน
- Infusionsoft เริ่มต้นที่ $199 หรือ 5,970 บาทต่อเดือน แต่สองเดือนแรกจะได้ราคาพิเศษที่ $60 หรือ 1,800 บาทต่อเดือน
ทั้งสองแพลนจะต่างกันที่ฟีเจอร์ครับ Infusionsoft จะมีฟีเจอร์ที่เพิ่มมากกว่า Keap Pro ขึ้นไปอีก ถ้าสนใจสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ Pricing ครับ
อย่างไรก็ดีสิ่งที่คุณต้องทราบคือทั้ง 2 แพลนจะใช้ได้กับ Contact 500 คนเท่านั้น และ User คนเดียวเท่านั้น ถ้าคุณต้องการเก็บข้อมูลและจัดการลูกค้าที่มากขึ้น คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มโดยอยู่ที่อัตรานี้ครับ
- $30 หรือ 900 บาทต่อเดือนสำหรับ contact เพิ่ม 1,000 คน
- $130 หรือ 3,900 บาทต่อเดือนสำหรับ contact เพิ่ม 5,000 คน
- $200 หรือ 6,000 บาทต่อเดือนสำหรับ contact เพิ่ม 10,000 คน
- $300 หรือ 9,000 บาทต่อเดือนสำหรับ contact เพิ่ม 25,000 คน
- $350 หรือ 10,500 บาทต่อเดือนสำหรับ contact เพิ่ม 50,000 คน
นอกจากนี้ถ้าคุณต้องการ User เพิ่ม (เช่นเพิ่มลูกทีมของคุณในการใช้งาน) ราคาจะอยู่ที่ $30 หรือ 900 บาทต่อเดือนครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการแพลน Keap Pro แต่ต้องการ Contact เพิ่ม 5,000 คน และ User เพิ่ม 2 คน ราคาจะอยู่ที่
$149+$130+($30×2) = $339 หรือว่า 10,170 บาทต่อเดือนครับ
Keap ให้คุณลองใช้งานฟรีได้ 14 วัน โดยไม่ต้องใส่ Credit Card ใดๆ
3. Constant Contact (ฝั่ง Email)
ถ้าเอ่ยถึงวงการ Email marketing Automation แล้ว Constant Contact เป็นผู้นำของตลาดอย่างแท้จริง เพราะซอฟต์แวร์ที่ล้ำสมัยและทรงประสิทธิภาพนั่นเองครับ
ลองดู Intro กันก่อนได้จากคลิป Youtube ด้านล่าง (กด Play ได้เลยครับ)
ฟีเจอร์ของ Constant Contact ได้แก่
- Automated Email – สร้างอีเมล์ไปให้ลูกค้าโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะแจ้งข่าวสารต่างๆ แจ้งสถานะปัจจุบัน โปรโมชั่น หรือแม้กระทั่งส่งอีเมล์อวยพรวันเกิดลูกค้า คุณสามารถเลือกกำหนดได้ว่าจะส่งวันไหน และจะเว้นวรรคกี่วันครับ นอกจากนี้ถ้าลูกค้ายังไม่ได้เปิดอีเมล์สำคัญ อีเมล์จะถูกส่งไปเตือนโดยอัตโนมัติได้เช่นกัน
- Segmentations/Drip Campaigns – จัดการลูกค้าเป็นกลุ่มๆ เพื่อส่งทำการตลาดให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
- List Building Tools – เครื่องมือต่างๆ ที่จะช่วยเหลือคุณเพิ่มยอดสมาชิกโดยอัตโนมัติ อย่างเช่นการสร้าง My Mailing List บน Facebook และอื่นๆ อีกมากมาย
- Ecommerce Marketing – ใส่สินค้าของคุณจาก Shopify และ Woocommerce ในอีเมล์อย่างง่ายดาย และยังสามารถส่งอีเมล์แจ้งลูกค้าว่ายังไม่ได้ซื้อของที่อยู่ในตะกร้าได้อีกด้วย
- Surveys, Polls, Coupons – เครื่องมือการขายที่คุณสามารถสร้างให้ลูกค้าใช้งานเพื่อเพิ่ม Engagement และยอดขาย
- RSVP – ส่งอีเมล์ที่ลูกค้าสามารถแจ้งว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมหรือไม่โดยอัตโนมัติ เพิ่มความสะดวก และลดภาระฝ่ายขายและลูกค้าสัมพันธ์
- Dynamic Content – Content สามารถเปลี่ยนไปได้อัตโนมัติตาม custom field ที่คุณกำหนด เช่นลูกค้าที่อยู่กรุงเทพจะเห็นอีเมล์ต่างกับลูกค้าที่อยู่กัวลาลัมเปอร์เป็นต้น
- A/B Testing – เครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบว่าถ้าคุณแก้ไขส่วนนี้แล้ว ลูกค้าจะตอบสนองกับอีเมล์ของคุณดีขึ้นหรือแย่ลง เพื่อประโยชน์ในการ optimize ตัวอีเมล์นั่นเองครับ
- Email Template – สร้างอีเมล์ให้สวยงามและน่าคลิกด้วย Template อันหลากหลายที่ดูมืออาชีพไปด้วยพร้อมๆ กัน คุณสามารถแก้ไขได้ทุกสิ่งภายในอีเมล์ของคุณครับ
- และอื่นๆ อีกมากมาย (Constant Contact นั้นมีฟีเจอร์มากมายจริงๆ จนไม่สามารถระบุทั้งหมดในที่นี้ได้ ผมจึงขอให้ทุกท่านที่สนใจอ่านเพิ่มเติมในลิงค์ครับ)
สำหรับเรื่องราคานั้น Constant Contact มี 2 แพลนด้วยกัน แต่แพลนราคาถูกจะไม่ตอบโจทย์คุณในกรณีที่คุณต้องการ Email Marketing Automation ดังนั้นคุณจะต้องใช้แพลน Email Plus ซึ่งเป็นแพลนสูงสุดเท่านั้น
ราคาของแพลน Email Plus เริ่มต้นที่ $45 (1,350 บาท) ต่อเดือน ในราคานี้คุณจะได้ Subscriber แค่ 500 คนเท่านั้น ถ้าคุณต้องการจำนวนคนมากกว่านี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไปตามลำดับครับ แต่ถ้าคุณจ่ายล่วงหน้า 12 เดือน คุณจะได้ลดราคา 15% ครับ
ทั้งนี้ Constant Contact ให้คุณใช้งานเดือนแรกฟรีครับ
Victory Tale เป็น affiliate partner ของ Constant Contact หมายความว่าถ้าคุณซื้อบริการผ่านลิงค์เหล่านี้ ทางเว็บไซต์จะได้ส่วนแบ่งทางการขายจากผู้ให้บริการ การอุดหนุนผู้ให้บริการจึงเป็นการอุดหนุนผมด้วย ผมจะนำรายได้ส่วนนี้ไปพัฒนาเว็บไซต์และเขียนบทความที่มีคุณภาพต่อไปครับ
4. Revealbot (ฝั่ง Advertising)
Revealbot เป็น Advertising Automation ที่ช่วยให้คุณจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณาผ่าน Facebook และ Google อย่างอัตโนมัติ (จริงๆ Snapchat ด้วย แต่คนไทยไม่นิยมใช้เท่าไรนัก) จากการตรวจสอบของ Facebook for Business พบว่าค่าโฆษณาที่สูญเปล่าไปเพราะไม่มี conversion เลยลดลงไปถึง 76% เลยทีเดียวครับ
ฟีเจอร์หลักของ Revealbot มีดังต่อไปนี้
- Advanced rules – โฆษณาผ่าน Facebook และ Google โดยอัตโนมัติโดยการสร้างกฎที่สอดคล้องกับเงื่อนไขในการ targeting ต่างๆ รวมไปถึง performance ของตัวโฆษณาด้วย ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะตั้งกฎอย่างไรดี คุณสามารถใช้กฎที่ทางผู้เชี่ยวชาญของ Revealbot แนะนำเอาไว้แล้วได้
- Auto-Boosting Top Posts – ตั้งค่าให้โฆษณาโพสที่ทำผลงานได้ดีผ่าน Facebook โดยอัตโนมัติ เช่นถ้าโพสไหนมี Like เยอะ ตัวซอฟต์แวร์จะ Boost โพสนั้นให้คุณทันที ภายใต้งบประมาณที่กำหนดไว้
- Bulk Creation – สร้างโฆษณาใน Facebook หลากหลายรูปแบบในไม่กี่นาที แล้วใช้ A/B Testing เพื่อตรวจสอบว่าโฆษณาแบบไหนแล้วเวิร์ค/ไม่เวิร์ค ซึ่งจะทดสอบเร็วกว่าไปทอสอบเองหลายสิบเท่า
- Scaling – แพลตฟอร์มจะแจ้งว่าคุณควรจะเพิ่มหรือลด Bid และ Budget ของคุณในการโฆษณาผ่าน Google Ad เมื่อใด
- Reports – รายงานเรื่องประสิทธิภาพในการโฆษณาอย่างละเอียด เพื่อการวิเคราะห์และหากลยุทธ์ใหม่ต่อไป
- และอื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับค่าใช้จ่ายในการใช้งานนั้นเริ่มต้นที่ $83 (2,490 บาทต่อเดือน) ในราคานี้คุณจะโฆษณาผ่าน Revealbot ได้ในมูลค่า $10,000 (300,000 บาท) ต่อเดือน ถ้าเกินกว่านี้จะต้องปรับเป็นแพลนที่สูงขึ้นครับ อย่างไรก็ดี Revealbot อนุญาตให้คุณปรับแพลนได้อย่างอิสระโดยไม่มีข้อบังคับตามงบประมาณโฆษณาในแต่ละเดือน ในส่วนของรายละเอียดเรื่องราคา อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Revealbot Pricing
Revealbot ให้คุณลองใช้งานได้ฟรี 14 วัน
Alternative: Adzooma
สำหรับใครที่อยากลองใช้ Advertising Automation แบบยาวๆ แต่ไม่อยากรองรับค่าใช้จ่ายของ Revealbot ผมแนะนำให้ลองใช้ Adzooma ครับ เพราะว่าใช้ฟรีตลอดชีพไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
Adzooma นี้มีศักยภาพในการทำ Optimization และ Automation โฆษณาของคุณใน Facebook และ Google เหมือนกับ Revealbot แต่ว่าจะขาดฟีเจอร์สำคัญไปหลายตัวอาทิเช่น Auto Boosting หรือว่า Bulk Creation เป็นต้น
อย่างไรก็ดีถ้าคุณต้องการแค่การดูแลโฆษณาและเพิ่มประสิทธิภาพอย่างอัตโนมัติ Adzooma สามารถตอบโจทย์ของคุณได้เป็นอย่างดี โดยที่ปราศจากค่าใช้จ่ายใดๆ ครับ
ข้อควรทราบก่อนที่จะสมัคร
ก่อนที่จะสมัครใช้งานซอฟต์แวร์ Marketing Automation ใดๆ คุณควรจะทำสิ่งต่อไปนี้ครับ
- ตรวจสอบความต้องการของคุณ – ซอฟต์แวร์ Marketing Automation สำหรับธุรกิจขนาดเล็กแต่ละตัวจะมีฟีเจอร์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะไม่ครบถ้วนเหมือนกับตัว All-in-one เช่นบางตัวจัดการ Facebook Ads ได้แต่บางตัวทำไม่ได้ คุณควรตรวจสอบให้ดีว่าคุณต้องการฟีเจอร์ไหนบ้างครับ ค่าใช้จ่ายที่เสียไปจะได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด
- ตรวจสอบราคา – ซอฟต์แวร์บางตัวจะมี Add-ons ที่ทำให้ราคาสูงขึ้นกว่าที่เห็น เพราะฉะนั้นก่อนจะสมัครคุณต้องตรวจสอบให้ดีก่อนครับ
- ลองใช้งาน Free Trial ก่อนที่จะสมัครทุกครั้ง – คุณและทีมงานควรลองใช้งานก่อนเพื่อดูว่าการใช้งานซอฟต์แวร์ Marketing Automation มีอุปสรรคหรือไม่ เพราะว่าการใช้ซอฟต์แวร์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เคยมีผู้ใช้จำนวนมากจ่ายเงินไปโดยที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน ปรากฏว่าพอจะใช้จริง การใช้งานซับซ้อนเกินไป ทำให้ต้องขอเงินคืน และเสียเวลาเป็นจำนวนมากไปโดยเปล่าประโยชน์ครับ
- ตรวจสอบในเรื่องของ Integration – คุณต้องตรวจสอบให้ดีว่าซอฟต์แวร์ Marketing Automation ที่คุณเลือกสามารถใช้งานร่วมหรือเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ที่คุณใช้งานอยู่แล้วได้หรือไม่ (โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ CRM ทั้งหลายครับ)
หลายแพลตฟอร์มในโพสนี้จะมีบริการ Training ฟรีหรือเสียค่าใช้จ่ายแบบ one-time ส่วนหนึ่ง ผมแนะนำว่าให้เข้ารับการเทรน เพราะจะได้ใช้ซอฟต์แวร์อย่างเต็มประสิทธิภาพครับ