Google Ad Management Tool คือเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ประกอบการโฆษณาผ่าน Google Ads อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ ROAS (Return on Ad Spend) สูงขึ้น สร้าง conversion ได้มากขึ้นในจำนวนเงินที่เท่าเดิม
ทุกวันนี้มีธุรกิจมากมายที่ใช้บริการ Google Ads ในการโฆษณาแบบ PPC เพราะว่าเป็นโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงมาก อย่างไรก็ดีการโฆษณาวิธีนี้ต้องอาศัยความชำนาญ และการควบคุมดูแลที่ดี อย่างเช่นการตรวจสอบประสิทธิภาพของแต่ละ keyword (อย่างที่ทราบกันดี อาจจะมีได้หลายสิบหลายร้อยไปจนถึงหลายพัน), เปลี่ยนแปลง bids ให้เหมาะสม ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อวัน
หลายธุรกิจที่ละเลยการบริหารส่วนนี้อาจจะเสียเงินนับหมื่นนับแสนไปในโฆษณาในแต่ละเดือน โดยที่โฆษณาเหล่านั้นไม่ถูกบริหารจัดการที่ดีเลย ทำให้ค่าโฆษณาพุ่งสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น หรือว่าให้ยอด conversion ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาก
แม้ว่า Google จะมีฟีเจอร์ช่วยในส่วนนี้บ้าง อย่างเช่น Built-in automation features และ custom scripts แต่ก็ซับซ้อนเกินไปสำหรับผู้โฆษณาส่วนใหญ่ ทำให้หลายธุรกิจแก้ปัญหาด้วยการพึ่งพาเหล่า agency โฆษณามาดูแลในส่วนนี้ให้ แต่การจ้าง agency ก็มีค่าใช้จ่ายสูงไม่แพ้กัน ทำให้ไม่ใช่หนทางที่ยั่งยืนเท่าไรนัก
ดังนั้นผมจึงมองว่าทางออกที่ดีที่สุดคือ การที่คุณจัดการตัว Google Ads ด้วยการใช้ Google Ad Management Tool เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้คุณจัดการ Google Ads ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพอย่างอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเขียน code ใดๆ ให้ปวดหัว และค่าใช้จ่ายยังน้อยกว่าการจ้างบริษัท third party มาจัดการให้อย่างมีนัยสำคัญด้วย
ดังนั้นในโพสนี้ ผมจะมาแนะนำว่ามี Google Ad Management Tool ตัวไหนบ้างที่คุณสามารถใช้บริหาร Google Ads ของคุณครับ
ข้อควรทราบ: ราคาและเงื่อนไขของ tool แต่ละตัวอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ โปรดตรวจสอบกับทางเว็บไซต์ผู้ให้บริการอีกครั้งเพื่อความชัดเจน
นอกจากนี้ tool แต่ละตัวจะเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลางเท่านั้น สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่จะมี Google Ad Management Tool อื่นให้เลือกสรรมากกว่านี้ แต่ราคาจะแพงกว่าหลายเท่าครับ
1. Adzooma (ใช้ฟรี)
Adzooma เป็น Ad Management Tool ที่สามารถใช้ในการจัดการโฆษณาได้ถึง 3 แพลตฟอร์ม นั่นคือ Google และ Facebook ซึ่งในปัจจุบัน Adzooma ก็เป็นหนึ่งใน Google Partner อีกด้วย ครับ
จุดแข็งของ Adzooma นั้นอยู่ที่การใช้ฟรีตลอดชีพ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายหรือข้อจำกัดใดๆ เหมือนกับเครื่องมือตัวอื่น อย่างไรก็ดีฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็มีให้เลือกใช้มากมายครับ
ฟีเจอร์ของ Adzooma
Opportunity Engine – หลังจากเชื่อมต่อกับ Google Account ของคุณ Adzooma จะตรวจสอบข้อมูลต่างๆ อย่างละเอียดเพื่อหาช่องโหว่ต่างๆ ในการโฆษณาของคุณ และจะเสนอแนะวิธีที่จะช่วยให้ ROI, ROAS เพิ่มขึ้น และช่วยลดการโฆษณาที่ไม่สร้างยอดขายลงไปครับ
ตัวอย่างของคำแนะนำของ Adzooma ก็เช่น การใส่ Keyword เพิ่ม, ยกเลิกโฆษณาที่จ่ายไปแล้วไม่เกิดยอดขาย, ใส่ Location Targeting ฯลฯ
Management – จัดการ Campaign ทุกอย่างในแพลตฟอร์มเดียว ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ Google โดยที่ไม่ต้องเปิดหลายแพลตฟอร์มให้หน้าปวดหัว
Automation – คุณสามารถสร้างกฎในการโฆษณาเพื่อให้ Adzooma นำไปบังคับใช้ในโฆษณาแต่ละตัวอย่างอัตโนมัติ ยกตัวอย่างเช่น
- ยกเลิกการโฆษณาหรือลดงบประมาณใน Keyword บางตัวที่ให้ Conversion Rate ที่ต่ำ หรือ CTR ต่ำ
- เพิ่มการโฆษณาใน Keyword ที่มี CTR สูง และให้ ROI ที่ดี
- และอื่นๆ อีกมากมาย
กฎที่มีให้เลือกนั้นมีจำนวนมากซึ่งคุณจะใช้กฎที่มีอยู่แล้วก็ได้ หรือว่าจะสร้างใหม่ก็ได้ การสร้างใหม่ก็เป็นเรื่องกล้วยๆ ครับ นั่นก็คือเลือกเงื่อนไขที่ต้องการ และกรอกตัวเลขลงไป เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้น
ทั้งนี้คุณสามารถเลือกการบังคับใช้กฎได้อย่างละเอียดด้วย ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่บังคับใช้กฎ, ความถี่ในการบังคับใช้, เงื่อนไขที่จะใช้, กลุ่มโฆษณาไหนที่จะใช้ ฯลฯ ทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาจัดการโฆษณารายตัวอีกต่อไป แต่จะจัดการเป็นกลุ่มก้อน ซึ่งจะใช้เวลาน้อยกว่าเดิมมากเลยครับ
นอกจากนี้คุณยังสามารถตั้งให้ Adzooma ส่งข้อความแจ้งเตือนให้คุณทราบได้อีกด้วยเมื่อมีการใช้กฎที่ตั้งไว้กับโฆษณา Google Ads ดังนั้นทุกอย่างจะอยู่ในการดูแลของคุณตลอดเวลา โอกาสที่คุณจะพลาดอะไรไป อย่างเช่นปล่อยให้โฆษณาแสดงไปโดยที่ไม่ได้สร้าง Conversion เลยจะน้อยมากเลยครับ
Reporting – Adzooma จะรายงานและสรุปข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ Google Ad ให้กับคุณ อาทิเช่น Performance Report, Funnel Report หรือ KPI Trend Report และถ้าคุณต้องการสร้าง Report เฉพาะทาง คุณก็สามารถสร้างได้อย่างสะดวกสบาย
นอกจากนี้ตัวข้อมูลจะถูก visualize อย่างสวยงาม นอกจากนี้ถ้าคุณต้องการ คุณยังสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใส่ใน Spreadsheets เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ต่อไปได้อีกด้วย
ถ้าสงสัยในเรื่องฟีเจอร์ อ่านเพิ่มเติมได้ Adzooma Features
ราคา
Adzooma ให้ใช้ฟรีตลอดชีพ โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ ทั้งสิ้นอย่างที่ผมได้บอกไปแล้วด้านบน อย่างไรก็ดีสิ่งที่คุณควรทราบคือ ฟีเจอร์ของ Adzooma ไม่อาจเทียบได้กับ Google Ad Management Tool ด้านล่างบางตัวที่มีฟีเจอร์มากกว่ามาก (อย่างเช่น A/B testing เป็นต้น)
แต่สิ่งที่ทดแทนมาก็คือความเรียบง่ายในการใช้งานและไม่มีค่าใช้จ่ายนั่นเอง
ในส่วนของรีวิว Adzooma ได้ไป 4.3/5.0 จากทั้ง Capterra และ Trustpilot ครับ
ถ้าคุณกลัวว่าจะใช้ไม่เป็น ในส่วนนี้ไม่ต้องกังวลครับ เพราะ Adzooma มาคลิปที่อธิบายทุกอย่างให้คุณเข้าใจในทุกส่วนของตัวโปรแกรมเลยครับ
2. Revealbot
Revealbot เป็น Ad Management Tool ที่ผมเคยกล่าวไปถึงแล้วว่ามีความสามารถในด้าน marketing automation สำหรับ social media และเป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถ optimize และจัดการ Facebook Ads ได้เป็นอย่างดี
แต่จริงๆ แล้ว Revealbot มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณจัดการกับ Google Ads ด้วยเช่นกัน แถมยังทำได้แบบอัตโนมัติและไม่ต้องเขียน scripts อันยุ่งยากใดๆ อีกด้วย โดยการใช้งานจะครอบคลุมการโฆษณาทั้ง 4 แบบของ Google ไม่ว่าจะเป็น Search, Display, Shopping หรือว่า Video ครับ
สำหรับการใช้งาน Revealbot กับ Google Ads นั้นมีฟีเจอร์ดังต่อไปนี้
ฟีเจอร์ของ Revealbot
ฟีเจอร์หลักของ Revealbot นั้นคือการช่วยให้คุณสร้างกฎ (Rules) ต่างๆ ในการจัดการ Google Ads อย่างง่ายและสะดวกสบาย คุณสามารถเลือกได้ว่าให้กฎเหล่านี้ใช้กับ Keyword ไหนบ้าง ดังนั้นการจัดการ keyword มหาศาลจะกลายเป็นการจัดการ rules เหล่านี้แทน ซึ่งจะใช้เวลาน้อยกว่าและง่ายดายกว่ามากเลยครับ
ยกตัวอย่างการสร้างกฎที่น่าสนใจได้แก่
Keyword Management – Revealbot จะคอยดูแลและจัดการทุกอย่างไม่ว่าคุณจะโฆษณาโดยใช้ keyword 10 คำ หรือว่า 10,000 คำ ทำให้เวลาที่คุณต้องดูแลในแต่ละ keyword ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ยกตัวอย่างเช่นคุณสามารถตั้งกฎให้ Revealbot หยุดการโฆษณาใน Keyword ได้โดยอัตโนมัติ ถ้าเงื่อนไขบางอย่างถูก trigger อาทิเช่น ไม่มี impression, ไม่มี CTR เป็นต้น
เงื่อนไขเหล่านี้อาจจะเกิดจากการที่ไม่มีคน search keyword นั้นเลย หรือว่า search intent ไม่ตรงกับสินค้าและบริการของคุณ ซึ่งจะทำให้ conversion ต่ำ Revealbot จะช่วยคุณหยุด campaign ที่เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ ก่อนที่ค่าโฆษณาจะไปไกลเกินควรครับ
Automate Bid Management – Revealbot จะจัดการการ bid ให้กับคุณด้วยประสิทธิภาพที่มากกว่า Smart Bidding ทั่วไป คุณสามารถตั้งเงื่อนไขให้ Revealbot ทราบและเปลี่ยนการ bid ที่ตรงตามเงื่อนไขดังกล่าว อย่างเช่นเพิ่ม bid 20% วันละครั้ง ถ้า current bid ต่ำกว่า $5.50
ในส่วนนี้คุณจะ customize ได้อย่างละเอียดมากเลยครับ และถ้าคุณต้องการการจัดการ bid ระดับสูง Revealbot จะมีคำแนะนำพิเศษในเรื่อง custom scripts เฉพาะทาง ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ครับ
Increase and decrease campaign budget – Revealbot ช่วยให้คุณ scaling ใน keyword ที่ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว และช่วยคุณหยุดการโฆษณาใน keyword ที่มีประสิทธิภาพต่ำได้อย่างรวดเร็วด้วยการเพิ่มลดงบโฆษณาโดยอัตโนมัติ
Notifications – ถ้ามีเหตุการณ์ใดๆ ผิดแปลกที่เกิดขึ้นกับการโฆษณาของคุณ Revealbot จะแจ้งให้คุณทราบทันทีแบบ Real-time อย่างเช่นถ้าค่า ROAS ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเป็นต้น
Logs – การใช้งานกฎต่างๆ ตามเงื่อนไขจะถูกเก็บไว้ใน logs ทำให้คุณตรวจสอบได้ว่ามีเงื่อนไขไหนบ้างที่ถูก Trigger
การใช้งาน Revealbot นั้นไม่ฟรี เราไปดูกันดีกว่าครับว่าราคาจะอยู่ที่เท่าไร
ถ้าสงสัยเรื่องฟีเจอร์และการใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Ultimate Guide
ราคา
สำหรับเรื่องราคาแล้ว Revealbot จะคิดค่าใช้จ่ายตามงบโฆษณาที่คุณจะใช้ (รวมหมดทั้ง Facebook, Instagram และ Google)
ราคาขั้นต่ำจะอยู่ที่ $83 หรือ 2,490 บาทต่อเดือน โดยคุณจะใช้ Revealbot บริหารโฆษณาได้ $0-$10,000 หรือว่า 0-300,000 บาทต่อเดือน ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะเพิ่มมากขึ้นไปตามลำดับ อย่างเช่นถ้าคุณใช้เงินโฆษณาอยู่ในช่วง $10,000-$25,000 คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่าย $167 ครับ
ทั้งนี้ราคาด้านบนจะเป็นราคาที่คุณต้องจ่ายเป็นรายปี แต่ถ้าเป็นแบบจ่ายเดือนต่อเดือน ราคาจะสูงกว่านี้ประมาณ 20% ครับ
ถ้ายังสงสัย ลองตรวจสอบได้ที่ Revealbot Pricing ครับ
ถ้าเทียบกับ Google Ad Management Tool ตัวอื่นแล้ว ผมมองว่า Revealbot คุ้มค่ามาก เพราะคุณใช้บริหารโฆษณาผ่าน Facebook ได้ด้วย แถมค่าใช้จ่ายรายเดือนยังไม่ได้คิดเป็นสัดส่วนของยอด Ad Spending ครับ แต่เรื่องฟีเจอร์เสริมนั้นจะน้อยกว่าแพลตฟอร์มอย่าง Adalysis ที่จะเจาะไปที่ Google Ads โดยตรงครับ
Revealbot ให้คุณบริการได้ฟรี 14 วันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น กดปุ่มด้านล่างเพื่อลองใช้เลยครับ
รีวิว: Capterra 4.6/5.0,
3. Adalysis
Adalysis เป็น Ad Management Tool ที่ให้บริการเฉพาะ PPC ads อย่าง Google Ads และ Bing Ads แต่เนื่องจากคนไทยใช้ Bing เป็น search engine น้อยมาก การใช้งานของคุณจึงจะจำกัดอยู่ที่ Google Ads ครับ
การใช้งาน Adalysis ในฐานะ Google Ad Management Tool จะแตกต่างกับ Revealbot อยู่มาก เพราะ Revealbot จะเน้นไปที่ automation หรือว่าทำทุกอย่างแบบอัตโนมัติ แต่ Adalysis จะเน้นที่ความครบถ้วนและจะช่วยเหลือในการโฆษณาผ่าน Google Ads ทุกรูปแบบเลยครับ
ถัดไปเราไปดูฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Adalysis กันครับ
ฟีเจอร์ของ Adalysis
ฟีเจอร์ของ Adalysis มีความหลากหลายมาก แต่ละตัวถูกสร้างมาให้คุณทำ Google Ad Management อย่างง่ายที่สุด โดยทางบริษัทแจ้งว่าสามารถประหยัดเวลาให้คุณได้หลายชั่วโมงต่อวันครับ
Ads Tools: Adalysis จะช่วยให้คุณสร้างและจัดการ Google Ads จำนวนมหาศาล ด้วยการสร้างกฎแบบ automated rules ต่างๆ คล้ายกับ Revealbot คุณสามารถสร้าง แก้ไข และหยุดการโฆษณาได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังสั่งให้แจ้งเตือนเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญได้อีกด้วย นอกจากนี้คุณยังสามารถ import Campaign ที่สร้างไว้อยู่แล้วจาก csv file
Keyword Tools & Search Terms – ไม่จำเป็นต้องเสียเงินไปกับ keyword planner ตัวอื่นอีกต่อไป เพราะคุณมี Keyword Tools สำหรับการโฆษณาชั้นยอดอยู่แล้วใน Adalysis โดยเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยคุณหาจุดที่ควร optimize โฆษณาของคุณ ตรวจสอบ negative keywords เพื่อลบทิ้งออกไป, หา duplicate keyword ฯลฯ
Quality Score Tools – ตรวจสอบคะแนน Quality Score ของคุณได้อย่างละเอียด และดูว่ามีจุดไหนที่คุณควรปรับปรุงบ้าง อย่างเช่น Ad Relevance, Expected CTR, Landing Page Experience
Landing Page Tools – ตรวจสอบ Landing Page ของคุณว่ามีประสิทธิภาพเพียงใด อย่างเช่นมี Broken URL หรือไม่, มี Keywords ที่เหมาะสมเพียงพอรึเปล่า รวมไปถึงว่า landing page ดังกล่าวมี uptime ตลอดเวลาหรือไม่ (ป้องกันลูกค้ากดเข้าไปแล้วเจอกับ Error 404 ผมเองก็เคยกดแล้วเจอกับประสบการณ์แบบนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งคุณจะเงินฟรีๆ ถ้าลูกค้าเข้าไปแล้วเจอ 404 ครับ)
Budgeting Tool – วิเคราะห์และจัดการรวมไปถึงตรวจสอบค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาอย่างเป็นระบบ ทุกอย่างจะเป็นกราฟที่ช่วยให้คุณและทีมงานเข้าใจได้ง่าย
Performance Analyzer – เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ประสิทธิผลของการโฆษณาอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น Impression Share, Search Volume, Impressions คุณสามารถเปรียบเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้ได้ และตัวซอฟต์แวร์จะแสดงให้เห็นด้วยว่าปัจจัยที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคืออะไร?
A/B Testing – หนึ่งในฟีเจอร์ระดับเทพของ Adalysis คุณสามารถสั่งให้โปรแกรมทำ A/B Test โฆษณาทุกตัวของคุณได้ เพื่อดูว่าทำแบบไหนแล้วเวิร์คหรือไม่เวิร์คตามหลักสถิติ เช่นเปลี่ยน headline, description หรือ URL คุณจะเห็นค่าต่างๆ อย่างเช่น CTR, Conversion Rate ฯลฯ อย่างชัดเจนครับ นอกจากนี้ตัวโปรแกรมจะปลดระวางโฆษณาที่มีประสิทธิภาพต่ำโดยอัตโนมัติ
Automated Alerts Engine – ตรวจสอบหา critical issues ที่อาจสร้างปัญหาให้คุณโดยอัตโนมัติ และตรวจสอบโฆษณาทุกตัวของคุณเพื่อหาโอกาสการทำ optimization และแจ้งให้คุณทราบ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้าน Quality Score, Negative Keywords, Search Terms นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกปัจจัยให้ตรวจสอบได้เองด้วย ทั้งหมดก็เพื่อทำให้การโฆษณาของคุณดำเนินไปด้วยประสิทธิภาพสูงสุด 100% เต็มครับ
Reporting – ข้อมูลทุกอย่างใน account จะถูกแสดงอย่างละเอียดในรูปแบบ live ทำให้คุณรับทราบทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้นกับ account ของคุณ
ราคา
ราคาของ Adalysis จะเป็นแบบรายเดือนต่อเดือน ซึ่งจะแปรตามงบประมาณในการโฆษณาของคุณ อย่างเช่น
- $99 หรือ 2,970 บาทต่อเดือน โฆษณาได้สูงสุด $50,000 หรือ 1,500,000 บาทต่อเดือน
- $199 หรือ 5,970 บาทต่อเดือน โฆษณาได้สูงสุด $150,000 หรือ 4,500,000 บาทต่อเดือน
- และเพิ่มขึ้นไปตามลำดับ
โดยรวมแล้ว Adalysis จึงเป็นเครื่องมือที่ถูกกว่า Revealbot เสียอีก ถ้ามองในแง่งบโฆษณาต่อเดือน แต่ข้อเสียก็คือใช้ได้เฉพาะ Google Ads ไม่สามารถใช้บริหาร Facebook Ads ได้นั่นเอง
ทั้งนี้ Adalysis ให้คุณใช้ได้ฟรี 14 วัน โดยไม่ต้องใส่ข้อมูลเครดิตการ์ดแต่อย่างใดครับ
รีวิว: Capterra 4.6/5.0
4. Madgicx
คุณอาจจะเปรียบได้ว่า Madgicx เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ Revealbot เพราะว่ารูปแบบการใช้งานเหมือนกันมาก นั่นคือทำได้ทั้ง Facebook Ad Management และ Google Ad Management ในตัว และยังเน้นการใช้ระบบ Automation เหมือนกันด้วย
ฟีเจอร์ของ Madgicx
จริงๆ แล้ว Madgicx ใช้บริหารโฆษณาใน Facebook ได้ด้วย แต่ในโพสนี้ผมขอยกมาเฉพาะส่วนของ Google Ads ครับ
- Bid Optimization – Madgicx จะหาว่า Ad sets ไหนของคุณที่มี potential และจะทดสอบเพื่อหา bid ที่น่าจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด หลังจากนั้นจะเริ่มการทำโฆษณาให้คุณทันที
- Custom Automations – ตั้งกฎต่างๆ ให้กับการโฆษณาของคุณ และ Madgicx จะใช้กฎเหล่านั้นกับโฆษณาของคุณ ทำให้คุณประหยัดเวลาในการบริหาร และใช้เงินโฆษณาอย่างคุ้มค่ามากขึ้น โดยคุณสามารถเลือกกฎต่างๆ ได้มากกว่า 300 แบบและไม่ต้องเขียนโค้ดให้ยุ่งยากใดๆ
- Budget Optimization – Madgicx จะจัดการงบโฆษณาของคุณอย่างอัตโนมัติ และช่วยในการจัดการ Ad Buying ต่างๆ ให้เกิดผลดีที่สุด
- Strategic Dashboard – คุณสามารถตรวจสอบสถิติทุกอย่างที่ใช้ในการโฆษณาผ่าน dashboard ที่เข้าใจได้ง่าย
ราคา
Madgicx ใช้โครงสร้างราคาเหมือนกับ Revealbot และ Adalysis และอาจจะพูดได้ว่าราคาน่าคบหาที่สุดสำหรับผู้ประกอบการรายเล็กที่ต้องการ Google Ad Manager ทั้งนี้การใช้บริการ Ad Management Tool ของ MadgicX จะเริ่มต้นที่ $39 (1,170 บาท) และจะโฆษณาได้สูงสุดที่ $1,000 หรือ 30,000 บาทต่อเดือน
อย่างไรก็ดีถ้าคุณต้องการโฆษณาในจำนวนที่มากกว่านี้ การใช้งาน Madgicx จะแพงกว่า เพราะถ้าคุณต้องการจะโฆษณาได้สูงสุดที่ $10,000 ซึ่งเท่ากับแพลนเบื้องต้นของ Revealbot คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายถึง $119 ต่อเดือนครับ
Madgicx ให้คุณใช้ฟรีได้ 7 วัน โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลเครดิตการ์ดครับ
5. Optmyzr
Optmyzr น่าจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับธุรกิจ e-commerce รวมไปถึง Amazon Seller ที่ทำ FBA เพราะซอฟต์แวร์ตัวนี้สามารถช่วยคุณทำได้ทั้ง Google Ad Management และ Amazon Ad Management ครับ
ฟีเจอร์ของ Optmyzr นั้นมีหลากหลายมาก เราไปเริ่มต้นกันเลยดีกว่าครับ
ฟีเจอร์ของ Optmyzr
จุดแข็งของ Optmyzr คือฟีเจอร์ all-in-one อันทรงพลัง ไม่ว่าจะเป็น Google Ads แบบใดก็สามารถจัดการและ optimize ได้ทั้งสิ้นครับ
ฟีเจอร์ที่ต้องกล่าวถึงได้แก่
- Campaign Automator – จัดการ campaign ใน google ads โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างและแก้ไข ads จำนวนหลายสิบตัวในคราวเดียว นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเงื่อนไขการโฆษณาให้ Optmyzr นำไปโฆษณาได้อย่างอัตโนมัติ ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Optmyzr คือ คุณสามารถปรับแก้ทุกอย่างได้อย่างละเอียดมาก อย่างเช่นแก้โฆษณาให้แสดงไม่เหมือนกันตามแต่ละส่วนของโลกที่คุณโฆษณาได้
- Keyword Optimizations – หา Keyword ที่น่าโฆษณาและหา negative keywords ที่ควรจะตั้งให้ลบทิ้งออกไป รวมไปถึงตรวจสอบและจัดการกับ duplicate keywords ด้วย ทำให้เหลือแต่ keyword ที่มีประสิทธิภาพสูงเท่านั้น
- Bids Management – ควบคุมและจัดการ Bids ต่างๆ โดยอัตโนมัติ คุณจะมี Prebuilt Rules อยู่แล้วทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการเขียนโค้ดแต่อย่างใด แต่ถ้าจะแก้ไขก็สามารถเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย
- Ad Optimization – A/B Testing ทุกอย่างเพื่อตรวจสอบว่าวาง composition แบบไหนถึงจะเข้าท่า และได้ ROAS สูง คุณสามารถตรวจสอบได้ทั้ง Text Ads, Image Ads และ Dynamic Search ads นอกจากนี้ Optmyzr จะเปลี่ยน ads ที่ perform แย่เป็น ads ที่ perform ดีโดยอัตโนมัติ
- Shopping Optimizations – สร้าง Shopping Ads อย่างอัตโนมัติจาก attributes ใน Merchant Feed นอกจากนี้ยังเพิ่มหรือนำ product groups ออกได้อย่างอัตโนมัติด้วย
- Hourly Optimizations – จัดการ bid rules, budget โดยอัตโนมัติ และหยุดการโฆษณาใน landing page ที่เกิด error ในทันที เพราะจะทำให้คุณเสียค่าโฆษณาไปฟรีๆ ได้
- Data Insights – Optmyzr จะรายงานข้อมูลทุกอย่างอย่างละเอียดด้วยการทำ data visualization ชั้นยอด อย่างเช่น Cause Charts, Geo Analysis, N-Gram Word Counts, Quality Score ฯลฯ ทำให้คุณอ่านและเข้าใจง่ายกว่า spreadsheets ทั่วไป เพราะทุกอย่างถูกวิเคราะห์และจัดเรียงอย่างดีโดยใช้ AI
- Enhanced Scripts for Google Ads – ผู้เชี่ยวชาญจะจัดการเรื่อง custom scripts ให้เป็นอย่างดี และปรับเปลี่ยนและอัพเดต scripts ให้ทันต่อสถานการณ์ คุณสามารถนำ script เหล่านี้ไปใช้ได้ทันที
โดยรวมแล้ว Optmyzr น่าจะเป็น Google Ad Management Tool ที่ครบถ้วนที่สุดสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลางในท้องตลาดเลยทีเดียว แต่ซอฟต์แวร์คุณภาพสูงมากขนาดนี้จะมีราคาเท่าไรกัน?
ราคา
ราคาที่ Optmyzr จะงงๆ เล็กน้อย เพราะแบ่งเป็นแพลนมาตรฐาน และแพลนแบบ customized
แพลนแบบมาตรฐานจะเหมาะกับธุรกิจขนาดกลาง โดยประกอบด้วย 2 แบบได้แก่
- Pro – $499 หรือประมาณ 14,970 บาทต่อเดือน ใช้บริหารโฆษณาได้สูงสุด $250,000 หรือ 7,500,000 บาทต่อเดือน
- Pro+ – $799 หรือประมาณ 23,970 บาทต่อเดือน ใช้บริหารโฆษณาได้สูงสุด $500,000 หรือ 15,000,000 บาทต่อเดือน
ถ้าจะเป็นรายเดือน ราคาจะลดลงไปประมาณ 10%
ราคาเหล่านี้จัดว่าสูงมากสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก Optmyzr จึงมีแพลนแบบ customized ซึ่งราคาถูกกว่าขึ้นมาเพื่อให้บริการ โดยจะเริ่มที่ $249 หรือประมาณ 7,470 บาทต่อเดือน สำหรับงบโฆษณาสูงสุด $10,000 หรือ 300,000 บาทต่อเดือนครับ และเพิ่มขึ้นไปตามลำดับ
Optmyzr มีให้ใช้งานฟรี 14 วัน โดยไม่ต้องใส่ข้อมูลเครดิตการ์ดครับ
รีวิว: g2 4.7/5.0, Capterra 4.7/5.0
ใช้ Google Ad Management Tool ตัวไหนดี?
ถ้าคุณต้องการ Google Ad Management Tool ที่มีฟีเจอร์ครบถ้วนที่สุด และไม่มีปัญหาเรื่องงบ ผมมองว่า Optmyzr คือตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดครับ แต่ถ้างบมีจำกัดผมแนะนำให้เปลี่ยนเป็น Adalysis แทน
แต่ถ้าคุณใช้ทั้ง Facebook Ads และ Google Ads และต้องการเน้นไปที่การจัดการ ads แบบอัตโนมัติ ผมมองว่าคุณมีตัวเลือกระหว่าง Revealbot หรือ Madgicx ที่สามารถเลือกใช้ได้ทั้งคู่ แต่ผมชอบ Revealbot มากกว่าในแง่ของฟีเจอร์ อย่างไรก็ดี Madgicx จะมีราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่าครับ
ส่วนแพลตฟอร์มที่ใช้ง่ายที่สุด ผมยังมองว่าคือ Adzooma ครับ เพราะทุกอย่างเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แค่กรอกเงื่อนไขที่คุณต้องการลงไปเท่านั้นเอง แถม user interface ยังดูทันสมัย และแน่นอนว่าสิ่งที่ดีเยี่ยมที่สุดก็คือ การใช้ที่ได้ใช้ฟรีครับ