ประวัติศาสตร์สมรภูมิแห่งทัวร์ส: การสู้รบที่พลิกชะตาของยุโรปและโลก

สมรภูมิแห่งทัวร์ส: การสู้รบที่พลิกชะตาของยุโรปและโลก

หลังจากการประกาศศาสนาของศาสดามูฮัมมัด กองทัพมุสลิมได้เข้ายึดครองดินแดนสำคัญๆ หลายแห่งในยุโรป เอเชีย และแอฟริกา ดินแดนอย่างเปอร์เซีย อียิปต์ ไอบีเรีย (สเปน) ตกเป็นของอาณาจักรมุสลิมอย่างง่ายดาย ในช่วงเวลานั้นกองทัพมุสลิมแทบจะเรียกได้ว่าไร้พ่าย อาณาจักรอูเมยัดเป็นมหาอำนาจทางการทหารที่หาอาณาจักรใดจะเปรียบเทียบได้ยาก

เป้าหมายต่อไปหลังจากสเปนก็คือ ดินแดนกอล (Gaul) หรือดินแดนฝรั่งเศสในปัจจุบัน

กองทัพมุสลิมเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ในรอบหลายสิบปีให้หลังไม่มีอาณาจักรใดที่ต้านทานการรุกรานของพวกเขาได้เลย สถานการณ์ของชาวคริสต์ในยุโรปจึงคับขันอย่างยิ่ง

ความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิมุสลิมในศตวรรษที่ 7-8

เจ้าชายชาร์ลส์ มาร์เทล

ในปี ค.ศ.732 กองทัพมุสลิมบุกเข้ามาในกอล ทำลายกองทัพของอาณาจักร Aquitaine จนยับเยิน และเข้าทำลายเมืองบอร์กโดซ์ แล้วบุกขึ้นเหนือราวกับลมพัด ดยุคโอโดแห่ง Aquitaine จึงขอร้องให้เจ้าชายชาร์ลส์ มาร์เทล (Charles Martel) ประมุขของชาวแฟรงค์ (Franks) ช่วยเหลือ กองทัพของชาวแฟรงค์เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรปหลังจากการล่มสลายของอาณาจักรโรมันตะวันตก ดังนั้นผู้ที่น่าจะต่อสู้กับกองทัพมุสลิมอย่างสมน้ำสมเนื้อน่าจะเป็นกองทัพแฟรงค์เท่านั้น

อนุสาวรีย์ชาร์ลส์ มาร์เทล

ชาร์ลส์ มาร์เทลเห็นว่าพวกมุสลิมบุกเข้าใกล้ถึงวิหารเซนต์มาร์ตินที่ทัวร์ส วิหารแห่งนี้เป็นวิหารที่ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก ในฐานะชาวคริสต์ ชาร์ลส์จึงไม่อาจปล่อยให้ถูกปล้นสะดมหรือทำลายได้ พระองค์จึงตัดสินใจยกทัพลงใต้มาต่อสู้กับพวกมุสลิม กองทัพชาวแฟรงค์มาดักรอพวกมุสลิมในสมรภูมิที่ตั้งอยู่ระหว่างเมือง Tours และ Poitiers ชาร์ลส์ปรารถนาจะโจมตีในจุดที่พวกมุสลิมไม่ระวังตัว

พวกมุสลิมที่ยกมาต่างตื่นตระหนกว่ามีกองทัพขนาดใหญ่มาตั้งรอพวกเขาอยู่ที่นี่ กองทัพหลวงฝ่ายมุสลิมสั่งให้รีบเดินทัพมาโดยเร็วที่สุด

สงครามชี้ชะตา

กองทัพของพวกแฟรงค์เกือบทั้งหมดเป็นทหารราบสวมใส่เกราะหนา ชาร์ลส์ มาร์เทลแทบจะไม่มีทหารม้าในกองทัพเลย เมื่อเปรียบกับกองทัพมุสลิมที่มีกองทัพม้าที่แข็งแกร่งแล้ว กองทัพของชาร์ลส์คล่องตัวน้อยกว่ามาก

ด้วยเหตุนี้ชาร์ลส์ตัดสินใจทำการตั้งรับในบริเวณป่าและภูเขา พวกมุสลิมไม่อาจจะคาดเดาได้ว่าชาร์ลส์มีกำลังทหารเท่าใด ผลที่ตามมาคือ อับดุล ระมาน อัลกาฟีชี แม่ทัพมุสลิมไม่กล้าทุ่มกำลังเข้าโจมตี ทั้งสองฝ่ายตั้งประจัญบานกันถึงเจ็ดวัน ฝ่ายมุสลิมต้องการให้กองทัพหลวงมาถึงแล้วจึงทุ่มกำลังเข้าตีให้แตกยับไป

จุดที่ชาร์ลส์ตั้งทัพอยู่ คือช่องเขาที่เป็นเส้นทางการเดินทัพไปยังเมืองทัวร์ส ถ้ากองทัพมุสลิมจะรุกไปต่อก็ต้องผ่านเส้นทางนี้ให้ได้ นอกจากนี้อากาศบริเวณนั้นกำลังหนาวเย็นลง พวกมุสลิมที่ไม่ชินกับอากาศหนาวจึงไม่อาจจะตั้งทัพอยู่ได้นาน ท้ายที่สุดพวกมุสลิมไม่มีทางเลือกนอกจากเข้าโจมตีในที่สุด

เมื่อกองทัพหลวงมาถึง อับดุล ระมาน จึงสั่งให้กองทัพม้าของเขาเข้าโจมตีทันที แต่การโจมตีที่มั่นของชาวแฟรงค์ไม่ใช่เรื่องง่าย ชาร์ลส์ตั้งกองทัพอยู่บนภูเขาที่มีป่ามากมาย การเข้าชาร์จของทหารม้ามุสลิมจึงลดประสิทธิภาพไปอย่างมาก พวกชาวแฟรงค์ยังตั้งกระบวนรบชิดติดกันคล้ายกับรูปแบบฟาลังซ์ในบริเวณป่าและภูเขาอีก ดังนั้นถึงแม้กองทัพมุสลิมจะทุ่มกำลังเข้าโจมตีสักเท่าใด ทหารแฟรงค์ที่มีประสบการณ์จึงต้านทานการเข้าชาร์จของทหารม้ามุสลิมไว้ได้ทุกครั้ง ถึงแม้บางครั้งพวกทหารม้ามุสลิมจะโจมตีกระบวนรบจนแตกออก แต่พวกทหารแฟรงค์กลับไม่ถอยหนี ต่างคนพยายามรวมตัวเป็นกระบวนทัพตามเดิม และต่อต้านการโจมตีอย่างเข้มแข็ง

ชาร์ลส์ มาร์เทลและกองทัพแฟรงค์
ต่อสู้กับกองทัพมุสลิมที่ทัวร์ส

ทั้งนี้พวกแฟรงค์ทุกคนสวมใส่เกราะหนา ส่วนพวกอาหรับสวมใส่เสื้อผ้าแบบเบาบางเพื่อความคล่องตัว ถ้าการชาร์จไม่ได้ผล ทหารม้ามุสลิมจำต้องต่อสู้ในระยะประชิด พวกแฟรงค์ที่ถืออาวุธที่หนักกว่าและสวมใส่เกราะที่หนากว่าจึงสังหารพวกมุสลิมลงคนแล้วคนเล่า

อับดุล ระมานได้สั่งการให้ทหารม้ามุสลิมพยายามบุกเข้าไปสังหารชาร์ลส์ให้ได้ แต่ทหารองครักษ์ของชาร์ลส์ช่วยกันปกป้องชาร์ลส์เอาไว้ ชาร์ลส์เองก็ต่อสู้ราวกับว่าเป็นทหารคนหนึ่ง การต่อสู้เริ่มดุเดือดขึ้นทุกที พวกมุสลิมที่มีกำลังมากกว่าจึงเร่งทุ่มกำลังเข้าโจมตีแนวป้องกันของชาวแฟรงค์อย่างสุดกำลัง

สถานการณ์พลิกกลับ

ก่อนหน้านี้ชาร์ลส์ มาร์เทลได้ส่งกองกำลังสอดแนมออกไปลาดตระเวนล่วงหน้า ทหารกองนี้ได้บุกเข้าปล้นค่ายใหญ่ของพวกมุสลิม และปลดปล่อยพวกทาสที่พวกมุสลิมจำมาได้ เจตนาของชาร์ลส์คือพระองค์ต้องการให้พวกมุสลิมสับสน และถอนกำลังส่วนหนึ่งไปช่วยค่ายใหญ่

กองทัพมุสลิมถอนกำลังส่วนหนึ่งไปช่วยค่ายใหญ่ตามที่ชาร์ลส์คาดไว้ แต่ทว่าการถอนกำลังของทหารบางส่วน ทำให้ทหารม้ามุสลิมจำนวนมากที่กำลังเข้าตีทหารแฟรงค์อยู่แตกตื่น เพราะคิดว่ากองทัพบางส่วนหนีตายไปแล้ว กองทัพที่กำลังประมือกับพวกแฟรงค์อยู่จึงเริ่มถอยหนีไปด้วยทีละกองสองกอง ในเวลาไม่นานกองทัพมุสลิมทั้งหมดก็ถอยหนีกันอย่างวุ่นวาย การถอยทัพอย่างแตกตื่นของกองทัพมุสลิมเปิดโอกาสให้พวกแฟรงค์สังหารพวกมุสลิมได้เป็นจำนวนมาก

ชาร์ลส์และพวกแฟรงค์คาดว่าพวกมุสลิมอาจจะล่อพวกตนออกไปในที่ราบและไล่บดขยี้ พระองค์จึงไม่ได้สั่งให้กองทัพไล่ตามไปแต่อย่างใด พระองค์สั่งให้กองทัพทั้งหมดรักษาที่มั่นเอาไว้โดยไม่ประมาท

อับดุล ระมาน พยายามจะหยุดการถอยหนีของกองทัพของเขา แต่เขากลับถูกล้อมและพลาดท่าถูกสังหารกลางสนามรบ กองทัพมุสลิมจึงแตกหนีไปทางใต้ทั้งหมด พวกแฟรงค์ที่ไม่ทราบเรื่องจึงทำการพักเหนื่อยอยู่ในสนามรบอย่างเป็นระเบียบ เพราะคิดว่าพวกมุสลิมจะเข้าโจมตีในไม่ช้า

กว่าพวกแฟรงค์จะทราบเรื่องก็เป็นเวลาเช้าของอีกวัน ทหารสอดแนมได้รายงานให้ทราบว่ากองทัพมุสลิมทิ้งค่ายไปหมดแล้ว ชัยชนะจึงเป็นของพวกแฟรงค์โดยสมบูรณ์

ผลที่ตามมา

หลังจากนั้นชาร์ลส์ได้ต่อสู้กับพวกมุสลิมต่อไปอีกนานหลายปี พระองค์ตีชิงดินแดนในกอลกลับคืนได้จำนวนมาก และผลักดันพวกมุสลิมกลับลงไปยังสเปนได้เป็นผลสำเร็จ

ที่เหนือสิ่งอื่นใด ชาร์ลส์ได้ประกาศให้โลกรู้ว่า พวกมุสลิมก็พ่ายแพ้เป็นเช่นเดียวกัน

นักประวัติศาสตร์ให้ยกย่องสมรภูมิครั้งนี้ว่าเป็นสมรภูมิที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์โลก เพราะมันได้หยุดโมเมนตัมการรุกรานยุโรปของอาณาจักรมุสลิมไว้ได้ ถึงแม้พวกมุสลิมจะพยายามรุกรานยุโรปตะวันตกจากทางใต้อีกหลายครั้ง แต่ทุกครั้งล้วนแต่ประสบล้มเหลว ชาร์ลส์และกองทัพของเขาจึงปกป้องไม่ให้ยุโรปตกอยู่ภายใต้การยึดครองของพวกมุสลิมเหมือนกับอาณาจักรอื่นๆ ถ้าชาร์ลส์พ่ายแพ้ พวกมุสลิมอาจจะยึดครองยุโรปตะวันตกทั้งหมดก็เป็นได้ ประวัติศาสตร์โลกย่อมเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างแน่นอน

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!