ประวัติศาสตร์บาเบอร์ ปฐมจักรพรรดิโมกุลผู้ไม่ยอมแพ้ (4): ชีวิตใครจะเปลี่ยนเร็วขนาดนี้!

บาเบอร์ ปฐมจักรพรรดิโมกุลผู้ไม่ยอมแพ้ (4): ชีวิตใครจะเปลี่ยนเร็วขนาดนี้!

ตอนที่ 1 อยู่ที่นี่

การทำสัญญาสันติภาพกับแทมบาลและพวกกบฏทั้งปวงไม่เป็นสิ่งที่บาเบอร์ปรารถนาเลย หากแต่ว่าในเวลานั้นเขาเองยังไม่สามารถกับพวกผู้มีอำนาจอย่าง Taghai ได้ เขาจึงต้องยอมสงบศึกกับแทบบาลและจาฮันกีร์โดยที่ไม่ต้องการเลย

หลังทำสนธิสัญญากับพวกกบฏเรียบร้อย ความสัมพันธ์ของบาเบอร์และ Taghai ก็เลวร้ายลงในทันที ท่าทีของเขาต่อบาเบอร์ก็เปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ

บาเบอร์และยายของเขา

อดทนอดกลั้น

เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่บาเบอร์กลับมามีอำนาจเหนือเฟอร์กานาได้ก็เพราะ Taghai ผู้นี้ให้การช่วยเหลือในเวลาที่บาเบอร์กำลังลำบากมากที่สุด

ตัว Taghai เองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว เขาจึงเริ่มมีพฤติกรรมหยิ่งจองหองและไม่ให้การเคารพบาเบอร์เช่นเดิม นอกจากนี้เขายังกำจัดผู้ติดตามเก่าแก่ของบาเบอร์หลายคนด้วย เขาใช้อำนาจที่เขามีอยู่ปลดลูกน้องเก่าของบาเบอร์ออกจากตำแหน่งสำคัญๆ และเนรเทศออกไปทั้งหมด

หลังจากนั้นตัวเขาเองและบุตรชายก็เริ่มให้ข้าราชบริพารใช้ธรรมเนียมปฏิบัติแบบที่ใช้กับสุลต่านกับตนเอง เขาจัดงานเลี้ยงหรูหราออกต้อนรับผู้คนราวกับว่าเป็นเจ้าคนหนึ่ง โดยที่ไม่สนใจบาเบอร์ที่นั่งอยู่ในเมืองเลยแม้แต่น้อย

บาเบอร์เขียนลงในบันทึกของเขาว่า ที่ Taghai และบุตรชายมีพฤติกรรมเห่อเหิมเช่นนี้ก็เพราะ Taghai เชื่อว่าแทมบาลและพวกกบฏหนุนหลังตนเองอยู่ หรือพูดง่ายๆ ว่ามีแบ็คดีนั่นเอง

ซึ่งจริงๆ ก็ make sense เพราะ Taghai เองเป็นผู้บังคับให้บาเบอร์สงบศึก

ในช่วงนี้บาเบอร์เขียนว่า เขาต้องอดทนอดกลั้นอย่างยิ่งยวดจากความอับอายที่เขาได้รับจากสองพ่อลูกโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะว่า “จุดที่เขาอยู่เปราะบางยิ่งนัก”

นอกจากนี้บาเบอร์ต้องเผชิญกับปัญหาอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือแทนที่พวกกบฏจะอพยพครอบครัวของพวกเขาออกจากเมือง Auzkint ตามสนธิสัญญา แต่พวกกบฏกลับตระบัดสัตย์ พวกกบฏผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย เมืองจึงยังไม่ถูกคืนกลับมาให้บาเบอร์เสียที

บาเบอร์ไม่อาจจะทำอะไรได้ เพราะเขาได้สั่งให้เลิกกองทัพไปทั้งหมดแล้ว เขาได้แต่มองตาปริบๆ ด้วยความเจ็บแค้นเท่านั้น

เสี้ยนหนามหมดไป

จู่ๆ เรื่องดีๆก็มาถึงบาเบอร์บ้าง นั่นก็คือผู้รักษาเมืองซามาร์คันด์ได้เชิญบาเบอร์กลับไปที่นั่น บาเบอร์ตอบรับด้วยความยินดีเช่นเดิม เขาเขียนในบันทึกของเขาว่า

ถ้าเมืองหลวงอย่างซามาร์คันด์อยู่ที่นั่น อะไรจะชักนำให้ใครสักคนหนึ่งเสียเวลาอยู่ที่แอนดิจานกันเล่า

บาเบอร์รีบเดินทางไปยังซามาร์คันด์ทันที

ช่วงเวลานั้นเองบรรดาข้าราชบริพารเก่าๆ ที่ถูก Taghai ปลดไปได้เดินทางมาสมทบกับบาเบอร์ Taghai จึงกลัวมากเพราะว่าเขาอยู่ในกองทัพแวดล้อมไปด้วยทหารคนสนิทของบาเบอร์ และตัดขาดจากผู้สนับสนุนตนเอง

ด้วยความกลัว Taghai จึงขออนุญาตเดินทางกลับไป บาเบอร์เองก็ยินดีอยู่แล้วที่คนอย่าง Taghai จะจากไป ดังนั้นบาเบอร์อนุญาตให้เขาไปตามที่ปรารถนา

หลังจากนั้น Taghai หนีไปอยู่กับแทมบาลและพรรคพวก แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน เขาล้มป่วยและเสียชีวิตลงในที่สุด

บาเบอร์จึงเดินทางไปยังซามาร์คันด์ต่อไปโดยปราศจากเสี้ยนหนามในกองทัพ หากแต่ว่าเมื่อใกล้ถึงเมือง เขาก็ได้ทราบว่า มูฮัมหมัด เชบานี (Muhammad Shaybani) ศัตรูผู้เข้มแข็งของเขาได้เข้าไปอยู่ในเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Muhammad Shaybani
มูฮัมหมัด เชบานี ศัตรูผู้แข็งแกร่งของบาเบอร์

ปัญหาจึงเกิดขึ้นทันที เพราะบาเบอร์ได้ทิ้งแอนดิจานไปแล้ว ตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพวกกบฏที่ว่า ถ้าบาเบอร์ได้ครอบครองซามาร์คันด์ เขาจะมอบแอนดิจานให้กับจาฮันกีร์ทันที

แต่ในเวลานั้น ซามาร์คันด์ไปอยู่ในมือเชบานี เพราะฉะนั้นการที่บาเบอร์จะได้ครองซามาร์คันด์จึงเป็นไปไม่ได้อีก ภายในเวลาไม่กี่เดือน บาเบอร์ก็กลับไปอยู่ในสถานะเดิม

นั่นก็คือเป็นกษัตริย์ที่มีแต่ตัว!

ชัยชนะอันไม่น่าเชื่อ

การที่บาเบอร์หมดฐานที่มั่นอีกครั้ง ทำให้ทหารหนีจากเขาไปเป็นจำนวนมาก แต่บาเบอร์กลับใจแข็งอย่างไม่น่าเชื่อ

บาเบอร์พยายามรวบรวมกำลังที่เหลืออยู่และยกไปโจมตีซามาร์คันด์อีกครั้งหนึ่ง เขาเห็นว่าเชบานีน่าจะยังไม่ได้ใจชาวซามาร์คันด์ ถ้าเขาบุกโจมตีเมืองอย่างไม่ทันตั้งตัว ชาวซามาร์คันด์อาจจะลุกฮือช่วยเหลือเขาก็เป็นไปได้

ประเด็นที่สำคัญคือ เชบานีและพวกอุซเบคมีทหารประมาณ 5,000 นาย ส่วนบาเบอร์มีทหารประมาณ 200-300 นายเท่านั้น เชบานีเองก็เป็นแม่ทัพผู้เก่งกล้า เขาพิชิตดินแดนต่างๆ มาได้แล้วมากมาย

แล้วบาเบอร์ละ? เขาพ่ายแพ้ติดๆ กันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

การที่บาเบอร์จะเอาชนะได้จึงเหมือนกับการเอาไข่ไปกระทบหินแล้ว หินแตก

เมื่อบาเบอร์มาถึงซามาร์คันด์ในเวลากลางดึก เขาสั่งให้ทหารประมาณ 80 นาย แอบปีนกำแพงเข้าไปอย่างเงียบๆ พวกเขามุ่งหน้าไปยังจวนของเจ้าเมืองที่เชบานีสั่งให้รักษาเมืองไว้ทันที พวกเขาทำสำเร็จ ทหารของบาเบอร์สังหารเจ้าเมืองได้ในดาบเดียว

หลังจากจัดการบริเวณกำแพงเมืองได้เรียบร้อยแล้ว บาเบอร์จึงปีนขึ้นกำแพงตามไปด้วย

ต่อมาเหตุการณ์เป็นไปอย่างที่บาเบอร์คาดไว้ ในเวลาเช้า เมื่อชาวเมืองเห็นบาเบอร์และทหารของเขา ต่างคนต่างช่วยกันสังหารพวกอุซเบคที่ยึดครองเมืองอยู่กันยกใหญ่

ผ่านไปหลายชั่วโมง ทหารอุซเบคก็แทบเกลี้ยงเมือง เพราะชาวเมืองหลายหมื่นคนรุมสังหารพวกทหารอุซเบคที่กดขี่พวกตนก่อนหน้านี้ เชบานีรีบนำทหารส่วนหนึ่งหมายใจจะมาช่วย แต่พอถึงหน้าเมืองก็เห็นว่าไม่ทันการเสียแล้ว เขาจึงรีบถอยหนีกลับบูคาราไปทันที

ด้วยเหตุนี้เมืองซามาร์คันด์จึงอยู่ในมือของบาเบอร์อีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ!

บาเบอร์ประกาศชัยชนะในบันทึกของเขาอย่างยิ่งใหญ่ ว่าเขาสามารถตีชิงเมืองซามาร์คันด์ เมืองที่บรรพบุรุษปกครองมานานกว่า 140 ปีกลับมาได้สำเร็จ ทั้งๆ ที่เขาอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น

เขาไม่รู้เลยว่า เขากำลังจะเสียมันไปอีกในไม่ช้า

บาเบอร์จะเสียซามาร์คันด์อีกอย่างไร ติดตามได้ในตอนหน้า

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!