ประวัติศาสตร์วาระสุดท้ายของ "อเล็กซานเดอร์มหาราช" กษัตริย์นักรบผู้พิชิต

วาระสุดท้ายของ “อเล็กซานเดอร์มหาราช” กษัตริย์นักรบผู้พิชิต

อเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander The Great) เป็นกษัตริย์นักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกตะวันตก อาณาจักรของอเล็กซานเดอร์แผ่ไพศาลตั้งแต่กรีซไปจนถึงทางตะวันตกของอินเดีย เรียกได้ว่าในโลกที่ชาวกรีกรู้จักนั้น อเล็กซานเดอร์ได้ครอบครองมันเกือบทั้งหมด

อย่างไรก็ตามวาระสุดท้ายของอเล็กซานเดอร์กลับเต็มไปด้วยปริศนา อเล็กซานเดอร์เจ็บป่วยและสวรรคตด้วยโรคร้าย หรือว่าถูกใครสักคนวางยาพิษกันแน่?

อเล็กซานเดอร์มหาราช By Giovanni Dall’Orto – Own work, Attribution,

พฤติกรรมของอเล็กซานเดอร์

หลังจากชัยชนะเหนือโพรุส (Porus) ที่สมรภูมิแห่งแม่น้ำไฮดัสปีส ทหารของอเล็กซานเดอร์ยืนกรานที่จะไม่เดินทัพต่อไปยังทิศตะวันออก ทุกคนปรารถนาที่จะเดินทัพกลับมาซิโดเนีย (ปัจจุบันอยู่ในประเทศกรีซ) อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอน หลังจากที่ทำสงครามมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว

เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อจิตใจของอเล็กซานเดอร์ นับตั้งแต่บัดนั้นอเล็กซานเดอร์เปลี่ยนไปเป็นคนละคน อเล็กซานเดอร์หันไปสนิทสนมกับชาวเปอร์เซีย และมอบตำแหน่งสำคัญๆ ให้กับชาวเปอร์เซีย เพื่อเป็นการประชดทหารมาซิโดเนียที่ขัดคำสั่งของเขา

เหล่าแม่ทัพมาซิโดเนียเห็นเช่นนั้นจึงพากันมาขอโทษอเล็กซานเดอร์ ซึ่งอเล็กซานเดอร์ก็ยอมอภัยให้ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอเล็กซานเดอร์และพวกแม่ทัพนายกองดีขึ้นบ้าง

จนกระทั่งวันหนึ่ง

อเล็กซานเดอร์ได้จัดเลี้ยงขนาดใหญ่โตขึ้นที่เมืองมาราแคนดา (ปัจจุบันคือเมืองซามาร์คันด์ในประเทศอุซเบกิสถาน) เหล่าแม่ทัพมาซิโดเนียต่างเข้าร่วมงานดังกล่าวด้วย อเล็กซานเดอร์และแม่ทัพทุกนายดื่มเหล้าจนมึนเมาทุกคน

ช่วงเวลานี้เองอเล็กซานเดอร์เกิดมีปากเสียงกับไคลตุส (Cleitus) แม่ทัพคนสนิทที่เคยช่วยชีวิตเขามาแล้ว

อเล็กซานเดอร์พูดจาโอ้อวดขณะที่มึนเมาว่า ตัวเขาประสบความสำเร็จมากกว่าฟิลิปที่ 2 บิดาของเขามากมาย แต่ไคลตุสที่มึนเมาเช่นกันกลับพูดขึ้นมาว่า

อเล็กซานเดอร์ไม่ใช่กษัตริย์ที่ชอบธรรมของชาวมาซิโดเนีย (ส่วนหนึ่งที่ไคลตุสพูดเช่นนั้นคงเพราะอเล็กซานเดอร์สนิทกับชาวเปอร์เซียอย่างเปิดเผย) และทุกอย่างที่อเล็กซานเดอร์ประสบความสำเร็จล้วนเป็นเพราะฟิลิป

อเล็กซานเดอร์สังหารไคลตุส

บรรยากาศในงานเริ่มเลวร้ายลง เพราะอเล็กซานเดอร์รู้สึกโกรธไคลตุสที่สบประมาทตนจนถึงกับชักมีดออกมา แต่พวกแม่ทัพคนอื่นๆ ที่เห็นท่าไม่ดีจึงเข้ามาขวางอเล็กซานเดอร์เอาไว้ และปลดมีดของอเล็กซานเดอร์ไปได้ ส่วนไคลตุสนั้น พวกทหารช่วยกันนำตัวเขาออกไปจากห้องได้สำเร็จ

แต่แล้วไคลตุสกลับย้อนเข้ามาในห้องอีกครั้ง และพูดจาเหยียดหยามอเล็กซานเดอร์อย่างมากมาย อเล็กซานเดอร์ที่ทนไม่ไหวอีกต่อไปฉวยหอกซัดขึ้นมา และขว้างมันไปยังไคลตุสทันที

หอกเล่มดังกล่าวแทงทะลุหัวใจของไคลตุส ทำให้ไคลตุสขาดใจตายในบัดดล

อเล็กซานเดอร์เห็นร่างจมกองเลือดของไคลตุสก็ถึงกับหายเมา และร้องไห้เสียใจอย่างมากมาย เพราะจริงๆแล้วเขาไม่ได้ต้องการสังหารไคลตุสเลย และไคลตุสเองก็ช่วยชีวิตเขามาแล้วครั้งหนึ่งด้วย

การสังหารไคลตุสกระทบจิตใจของอเล็กซานเดอร์อย่างรุนแรง หลังจากนั้นอเล็กซานเดอร์ก็มีสุขภาพจิตที่แย่ลงระหว่างที่เดินทัพกลับไปทางทิศตะวันตก

อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้อเล็กซานเดอร์หมดอาลัยตายอยากคือการตายของ Hephaestion สหายคนสนิท ผู้มีอายุใกล้เคียงกัน ร่วมรบกันมานาน และอาจจะเป็นคู่รักกันด้วย

หลังจากนั้นมาอเล็กซานเดอร์จึงใช้เวลาไปกับการดื่มเหล้าตลอดวัน ทำให้สุขภาพร่างกายของเขาย่ำแย่ลงตามลำดับ

อเล็กซานเดอร์สวรรคต

อเล็กซานเดอร์เดินทางมาถึงเมืองบาบิโลน (เมืองเดียวกับเมืองที่มีสวนลอย) ในปี 323 BC (ก่อนคริสตกาล 323 ปี) แอเรียน (Arrian) นักประวัติศาสตร์ชาวกรีกได้เล่าว่าชาวเมืองได้เตือนไม่ให้อเล็กซานเดอร์เข้าเมืองในเวลานั้น เพราะจะทำให้อเล็กซานเดอร์ถึงแก่ชีวิต

อย่างไรก็ตามอเล็กซานเดอร์ยืนกรานว่าจะเข้าเมือง ชาวเมืองจึงขอให้อเล็กซานเดอร์เข้าเมืองจากประตูเมืองฝั่งตะวันตก เพื่อที่อเล็กซานเดอร์จะได้มองไปยังทิศตะวันออก อเล็กซานเดอร์เชื่อในคำแนะนำของชาวเมือง แต่ต้องประสบกับความยากลำบากมาก เพราะพื้นดินเปียกแฉะไปด้วยน้ำ

หลังจากที่เข้าเมืองบาบิโลนแล้ว แอเรียนเล่าว่าได้มีลางร้ายหลายอย่างเกิดขึ้นกับอเล็กซานเดอร์ ชาวบาบิโลนจึงขอให้อเล็กซานเดอร์แก้เคล็ด อเล็กซานเดอร์ก็ยอมทำตามเช่นเดิม เมื่อทำพิธีต่างๆเสร็จสิ้นแล้ว อเล็กซานเดอร์ก็จัดงานเลี้ยงใหญ่โตและสังสรรค์ทั้งวันทั้งคืน

กิจวัตรของอเล็กซานเดอร์ในบาบิโลนเป็นเช่นนี้

  1. ตื่น
  2. อาบน้ำ
  3. ดื่มเหล้าสังสรรค์ (กินเวลาส่วนใหญ่ของวัน)
  4. อาบน้ำ
  5. กินอาหารเล็กน้อย
  6. นอน
  7. ย้อนกลับไปข้อ 1

อย่างไรก็ตาม อเล็กซานเดอร์เริ่มรู้สึกว่าตนเองไม่สบาย แอเรียนว่าอเล็กซานเดอร์มีอาการไข้ ซึ่งในตอนแรกดูเหมือนว่าจะไม่ร้ายแรง เพราะเขายังพูดคุยกับข้าราชบริพารและเหล่าแม่ทัพได้

หลังจากนั้นไม่กี่วัน อเล็กซานเดอร์มีอาการย่ำแย่ถึงขนาดที่ไม่สามารถเอ่ยปากพูดอะไรออกมาได้ แต่ยังพอจำเหล่าแม่ทัพของพวกเขาได้ ภายในคืนนั้นอเล็กซานเดอร์มีไข้สูงตลอดทั้งคืน รวมไปถึงตอนกลางวันของวันถัดมาด้วย

พวกแม่ทัพมาซิโดเนียรู้สึกไม่สบายใจ อเล็กซานเดอร์เป็นศูนย์กลางของกองทัพ พวกเขาจึงพากันมาเยี่ยมเพื่อแสดงความเคารพ อเล็กซานเดอร์พยายามทักทายพวกเขาด้วยความยากลำบากยิ่ง

อเล็กซานเดอร์ป่วยหนัก

เมื่อเห็นอาการอเล็กซานเดอร์หนักมาก พวกแม่ทัพปรารถนาจะนำอเล็กซานเดอร์ไปยังวิหารเพื่อสวดอ้อนวอนให้เทพเจ้าช่วยเหลือ แต่เหล่านักบวชกลับบอกพวกเขาว่า เทพเจ้าได้ให้คำพยากรณ์ว่าอย่าได้นำอเล็กซานเดอร์มาที่วิหารเป็นอันขาด และควรให้อเล็กซานเดอร์อยู่ในวังเช่นเดิม พวกแม่ทัพจึงทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป

นับเป็นกุศโลบายที่ชาญฉลาดของนักบวชเมืองบาบิโลน เพราะถ้าอเล็กซานเดอร์ตายในวิหาร พวกตนคงจะถูกลงโทษถึงตายไปด้วย

อาการของอเล็กซานเดอร์ย่ำแย่อย่างรวดเร็ว แอเรียนเล่าว่ามีบันทึกเล่าว่า หนึ่งในแม่ทัพของเขาได้ถามอเล็กซานเดอร์ว่า อาณาจักรที่เขาสร้างมาจะมอบให้ใครสืบทอด อเล็กซานเดอร์ตอบว่า

ผู้ที่ดีที่สุด

หรือบางฉบับว่า

ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด

หลังจากนั้นไม่นาน อเล็กซานเดอร์ก็สวรรคต เขามีอายุได้เพียง 32 ปี 8 เดือนเท่านั้น

สวรรคตเพราะเหตุใด?

การสวรรคตของอเล็กซานเดอร์เป็นที่ถกเถียงกันมาตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว แอเรียนเล่าว่ามีเรื่องเล่ามากมายที่ให้เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ เช่น อเล็กซานเดอร์ถูกวางยาพิษโดยแอนติเพเตอร์ (Antipater) แม่ทัพอาวุโสที่อเล็กซานเดอร์ฝากฝังให้ดูแลมาซิโดเนียเป็นต้น แต่ทั้งแอเรียน พลูตาร์ก และนักประวัติศาสตร์ยุคโบราณอื่นๆ ล้วนแต่มองว่าเรื่องเหล่านี้ถูกแต่งขึ้นมา และไม่ได้เกิดขึ้นจริง

นักประวัติศาสตร์ยุคใหม่ให้ความสำคัญกับโรคภัยไข้เจ็บมากกว่า โดยเฉพาะโรคไข้ไทฟอยด์หรือมาลาเรียซึ่งระบาดอยู่ทั่วไปในกรุงบาบิโลนในช่วงนั้น อาการไข้สูงของอเล็กซานเดอร์เองก็สอดคล้องกับอาการของโรคเหล่านี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม เราคงไม่มีวันได้ทราบความจริง ตราบใดที่ยังไม่มีการชันสูตรร่างของอเล็กซานเดอร์ คำถามสำคัญคือ หลังจากสวรรคตแล้ว ร่างของอเล็กซานเดอร์ไปอยู่ที่ใด?

ร่างของอเล็กซานเดอร์

ร่างของอเล็กซานเดอร์ถูกลำเลียงกลับไปยังมาซิโดเนีย เพื่อทำพิธีฝังอย่างสมเกียรติ ไม่มีใครรู้เลยว่าร่างของอเล็กซานเดอร์จะไม่มีวันกลับไปถึงบ้านเกิดเมืองนอนของเขา

ในช่วงเวลานั้น เหล่าแม่ทัพของอเล็กซานเดอร์ต่างแบ่งอาณาจักรของอเล็กซานเดอร์เป็นหลายส่วน และแย่งชิงอำนาจกันเอง ทุกคนล้วนปรารถนาครอบครองร่างของอเล็กซานเดอร์ เพราะพวกเขามองว่ามันเป็นสัญลักษณ์ว่าตนเองเป็นผู้สืบทอดที่ชอบธรรมของอเล็กซานเดอร์

โตเลมี (Ptolemy) บรรพบุรุษของคลีโอพัตราและชิงร่างของอเล็กซานเดอร์มาได้ และลำเลียงมันไปยังอียิปต์ ฐานที่มั่นของเขา โตเลมีเก็บร่างของอเล็กซานเดอร์ไว้ในโลงศพสีทองในเมืองเมมฟิส หากแต่ว่าฟาโรห์อียิปต์องค์ต่อมาได้ย้ายร่างของอเล็กซานเดอร์ไปที่เมืองอเล็กซานเดรีย (Alexandria) เมืองที่ใช้ชื่อของอเล็กซานเดอร์เป็นชื่อเมือง

ร่างของอเล็กซานเดอร์หลับใหลอยู่ในสุสานแห่งอเล็กซานเดรียอยู่นานหลายร้อยปี จนกระทั่งมาถึงยุคโรมันที่มีหลักฐานว่าจักรพรรดิโรมันหลายคนได้มาเยี่ยมเยียนสุสานของอเล็กซานเดอร์

หลังจากนั้นเราไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างของเขา มันได้สูญหายไปในหน้าประวัติศาสตร์ในที่สุด ปัจจุบันการค้นหาสุสานและร่างของอเล็กซานเดอร์ยังดำเนินอยู่ในประเทศอียิปต์

Sources:

  • Arrian, Anabasis of Alexander
  • The New England Journal of Medicine, A Mysterious Death

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!