ถ้ำอชันตา (Ajanta Caves) เป็นปูชนียสถานทางพระพุทธศาสนาที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอินเดีย องค์กร UNESCO ได้จัดให้ถ้ำแห่งนี้เป็นมรดกโลกเพราะมีคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อย่างสูงยิ่ง
ทุกปีจะมีคนไทยที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาจำนวนมากเดินทางไปสังเวชนียสถาน 4 และไปเที่ยวถ้ำอชันตาด้วย ดังนั้นในโพสนี้ผมจึงขอรวบรวมไฮไลท์และจุดสำคัญในถ้ำอชันตาที่คุณไม่ควรพลาดมาให้ดูกันครับ

รู้จักถ้ำอชันตา (Ajanta Caves)
Ajanta Caves หรือวัดถ้ำอชันตาตั้งอยู่ที่ตอนเหนือของรัฐมหาราษฏระ หรือรัฐมหาราษฎร์ โดยห่างจากเมืองมุมไบประมาณ 400 กิโลเมตร ส่วนมากแล้วนักท่องเที่ยวมักจะนั่งเครื่องบินมาลงที่เมืองออรังกาบัด (Aurangabad) และนั่งรถต่อไปยังตัวถ้ำ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เพราะถ้ำห่างจากออรังกาบัดประมาณ 100 กิโลเมตรครับ
สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับถ้ำอชันตาคือ จริงๆ แล้วถ้ำแห่งนี้เป็นหมู่ถ้ำแกะสลักจำนวน 30 แห่งที่ถูกสร้างแทรกเข้าไปในแนวภูเขาทรงเกือกม้า ภายในถ้ำมีความงดงามทางศิลปกรรมซึ่งเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา แสดงให้เห็นว่าพระพุทธศาสนาเคยรุ่งเรืองในดินแดนแถบนี้มาก่อนครับ และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในปูชนียสถานทางพุทธศาสนาที่งดงามและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งด้วย (โดยส่วนตัวผมมองว่าเป็นอันดับ 1 ครับ)
ตัววัดถ้ำในพุทธศาสนาแห่งนี้มีความเป็นมาย้อนไปได้ถึงช่วงปี 200 BC (200 ปีก่อนคริสตกาล) และมีการสร้างแต่งเติมขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 500-600 ปีต่อมา จุดประสงค์เดิมในการสร้างถ้ำแห่งนี้คือใช้เป็นที่หลบฝนที่ช่วงฤดูมรสุมของพระสงฆ์ รวมไปถึงที่พักของศาสนิกที่เดินทางไปมาแถบนั้น แต่ในเวลาต่อมาก็ได้กลายเป็นอารามขนาดใหญ่โตที่มีการตบแต่งอย่างอลังการครับ
ถ้ำอชันตาถูกทิ้งไปในช่วงหลังศตวรรษที่ 8 เป็นเวลานานกว่าหนึ่งพันปี เพราะความเสื่อมของศาสนาพุทธในอินเดีย จนกระทั่งถูกค้นพบอีกครั้งหนึ่งในศตวรรษที่ 19 โดยนายทหารอังกฤษชื่อจอห์น สมิธ ซึ่งเข้ามาล่าสัตว์ในแถบนั้นและพบกับทางเข้าถ้ำโดยบังเอิญครับ
หลังจากนั้นการสำรวจโดยนักโบราณคดีจึงเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ และพบว่าตัวถ้ำอยู่ในสภาพสมบูรณ์มาก และมีความงามทางจิตรกรรมและสถาปัตยกรรมอย่างยวดยิ่ง โดยเฉพาะภาพเขียนสีอันเป็นศิลปะโบราณเก่าแก่ของอินเดีย
ในปัจจุบันนักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีต่างยกย่องว่าที่นี่เป็นต้นกำเนิดของศิลปกรรมดั้งเดิมของอินเดีย ทำให้ถ้ำแห่งนี้กลายเป็นมรดกโลก ทุกวันนี้มีนักท่องเที่ยวทั่วทุกสารทิศจึงหลั่งไหลมาชมความงดงามของถ้ำอชันตาทุกปีครับ
ข้อควรทราบ: ถ้ำอชันตา (Ajanta Caves) คือถ้ำคนละถ้ำกับถ้ำเอลโลรา (Ellora Caves) แม้ว่าจะตั้งอยู่ใกล้่กันและชื่อไปทางเดียวกันก็ตาม สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนที่สุดคือถ้ำอชันตาเป็นถ้ำพุทธ 100% แต่ถ้ำเอลโลรามีทั้งพุทธ ฮินดู และเชนครับ
ข้อควรทราบในการไปเที่ยวถ้ำอชันตา (Ajanta Caves)
ในการไปเที่ยวถ้ำอชันตา (Ajanta Caves) มีหลายสิ่งที่คุณควรทราบ อาทิเช่น
- ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวถ้ำอชันตาคือเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม ซึ่งจะเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบายครับ
- ค่าเข้าชมอยู่ที่ 600 รูปี (250 บาท) ต่อคน ราคานี้อาจจะปรับขึ้นได้ในอนาคต
- ตัวถ้ำจะเปิดตั้งแต่ 9.00-17.00 และเปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์ ทางที่ดีคุณไม่ควรไปเที่ยวในวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะนักท่องเที่ยวทั้งชาวอินเดียและต่างชาติจะมหาศาลครับ
- ถ้ำอชันตามีขนาดใหญ่มาก คุณสามารถใช้เวลาได้เป็นวันการชมทั้งหมดทุกถ้ำครับ
- ถ้ำอื่นๆ นอกจากถ้ำที่ผมแนะนำมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็มีอะไรให้ดูเช่นกัน ถ้าคุณชอบศิลปะ ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมโบราณ คุณไม่ควรพลาดเลยครับ
- ผมแนะนำว่าถ้าเป็นไปได้ คุณควรจะหาไกด์ที่มีความรู้จริงๆ ไปอธิบายสิ่งต่างๆ ในถ้ำให้คุณฟังด้วยครับ เพราะจะทำให้ประสบการณ์การเที่ยวถ้ำแห่งนี้ดีขึ้นมากเลยทีเดียว
- ถ้าคุณไปเที่ยวถ้ำอชันตาแล้ว คุณควรจะไปเที่ยวถ้ำเอลโลราด้วย เพราะสวยงามไม่แพ้กันครับ
คุณสามารถเดินทางไปเที่ยวถ้ำอชันตาเองได้ กล่าวคือคุณสามารถบินไปลงเมืองออรังกาบัด (Aurangabad) และต่อรถไปยังถ้ำอชันตาครับ
เราไปดูกันเลยดีกว่าไฮไลท์ของถ้ำอชันตามีอะไรบ้าง?
1. Cave 1
Cave 1 คือถ้ำแรกที่นักท่องเที่ยวจะได้ชมหลังจากเหยียบย่างเข้าสู่บริเวณปูชนียสถานแห่งนี้ ภายในถ้ำถูกสร้างขึ้นเป็นวิหารอย่างอลังการ บริเวณชั้นหินถูกตบแต่งอย่างสวยงามด้วยการแกะสลักและภาพเขียนสี ส่วนมากภาพเหล่านี้จะเล่าถึงชาดกและพุทธประวัติครับ อาทิเช่นเหตุการณ์ที่เจ้าชายสิทธัตถะพบเจอกับเทวทูตทั้งสี่ ตลอดจนความพยายามล่อลวงพระองค์ของพญามารครับ

จากศิลปะใน Cave 1 เราสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตัวถ้ำเป็นถ้ำของนิกายมหายาน เพราะมีภาพจิตรกรรมองค์พระโพธิสัตว์วัชรปานีและพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) ติดอยู่ฝาผนังครับ
Cave 1 ถือเป็นถ้ำที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของถ้ำอชันตา เพราะว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด แต่ตัวถ้ำนี้ไม่ได้เก่าแก่ที่สุดแต่อย่างใดครับ

2. Cave 2
Cave 2 เป็นถ้ำที่อยู่ติดกับ Cave 1 ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่สวยและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของถ้ำอชันตาเลยครับ ลักษณะของ Cave 2 เป็นวิหารคล้ายกับ Cave 1
จุดเด่นของ Cave 2 คือมีภาพเขียนมากมายที่ถูกวาดลงบนกำแพง เพดาน เสาหิน ภาพเล่านี้จะเล่าชาดกของพระพุทธเจ้า โดย theme หลักของภาพเขียนในถ้ำแห่งนี้คือบทบาทของสตรีในช่วงชีวิตของพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นความฝันของพระนางสิริมหามายา ฯลฯ นักโบราณคดีจึงสันนิษฐานว่าผู้อุปถัมภ์ในสมัยโบราณน่าจะเป็นเศรษฐีนีครับ

ภาพเขียนใน Cave 2 ถือว่าสมบูรณ์มาก ดังนั้นจึงถูกเผยแพร่มากที่สุดในบรรดาภาพเขียนจากทุกถ้ำของถ้ำอชันตาครับ
ตรงกลางของถ้ำมีพระพุทธรูปหินเก่าแก่เกือบสองพันปีนั่งเป็นประธาน ใกล้กับองค์พระคือพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และยักษ์อีก 2 ตนที่ทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธเจ้าครับ
3. Cave 4
ในบรรดาวิหารของถ้ำทั้งหมดในถ้ำอชันตา วิหารของ Cave 4 จัดว่าใหญ่ที่สุดและเชื่อกันว่าผู้สร้างปรารถนาจะสร้างให้ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่โชคร้ายที่วิหารแห่งนี้ไม่ได้ถูกสร้างจนเสร็จสิ้นอย่างที่ปรารถนา

ตัววิหารมีเสาเรียงรายกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมมากถึง 28 แท่ง และมีรูปปั้นของเทพเจ้า สัตว์ในตำนาน ตลอดจนรูปเคารพอื่นๆ ตั้งอยู่ด้วย บริเวณตรงกลางของวิหารมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งอยู่ องค์พระพุทธรูปอยู่ในปางแสดงธรรม และรายล้อมด้วยพระสาวกและพระโพธิสัตว์ครับ

4. Cave 9/10
Cave 10 เป็นถ้ำที่เก่าแก่ที่สุดในหมู่ถ้ำอชันตา โดยมีอายุประมาณ 2,200 ปีและเป็นถ้ำที่นักสำรวจชาวอังกฤษได้ค้นพบสถานที่แห่งนี้โดยบังเอิญด้วย ลักษณะของถ้ำนี้คือจะเป็นหอที่ใช้สวดมนต์ขนาดใหญ่ และด้านในสุดของหอมีสถูปหินตั้งอยู่ รายรอบสถูปมีเสาที่ค้ำยันตัวหอมากถึง 39 ต้นเลยครับ

ภาพเขียนที่ปรากฏอยู่ในถ้ำแห่งนี้มาจาก 2 ยุคด้วยกัน นั่นคือยุคแรกช่วง 200 BC และยุคหลังในช่วงประมาณ ค.ศ.400-600 แต่ทั้งสองล้วนแต่เกี่ยวข้องกับชาดกของพระพุทธเจ้าครับ
ส่วน Cave 9 คือถ้ำที่อยู่ใกล้กับ Cave 10 และมีลักษณะการใช้งานเหมือนกัน นั่นคือเป็นหอสวดมนต์ โดย Cave 9 จะมีขนาดเล็กกว่า แต่มีจุดเด่นที่มีภาพเขียนสีฉูดฉาดของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ครับ
5. Cave 16
Cave 16 เป็นถ้ำที่อยู่ตรงกลางของหมู่ถ้ำอชันตา และเป็นถ้ำที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบมากที่สุดแห่งหนึ่งครับ ลักษณะของถ้ำเป็นถ้ำของนิกายมหายาน ซึ่งสร้างในช่วงศตวรรษที่ 5 ครับ

ด้านหน้าของ Cave 16 มีรูปปั้นช้างโบราณสองตัวตั้งอยู่ด้านนอก ทำให้คุณสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าได้มาถึงถ้ำดังกล่าวแล้ว หลังจากที่คุณเดินเข้าไปในถ้ำ คุณจะพบว่าในถ้ำเต็มไปด้วยภาพเขียนสีทางพระพุทธศาสนาที่สมบูรณ์มาก และเล่าถึงเหตุการณ์สำคัญๆ ในชีวิตของพระพุทธเจ้า อาทิเช่นปาฏิหาริย์แห่งสาวัตถี หรือเหตุการณ์ที่พระพุทธเจ้าที่ทำให้นันทะ อนุชาต่างมารดาของพระองค์เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาครับ

ตรงกลางของถ้ำมีพระพุทธรูปซึ่งอยู่ในปางเทศนาธรรม และรายรอบไปด้วยพระโพธิสัตว์ตลอดจนสัตว์ใหญ่ๆ ต่างๆ เช่นสิงโตที่คุ้มกันพระองค์ครับ
6. Cave 17
Cave 17 เป็นอีกถ้ำหนึ่งที่มีรูปปั้นช้างตั้งอยู่หน้าถ้ำ ภายในถ้ำมีวิหารที่ยิ่งใหญ่และซับซ้อนที่สุดในถ้ำอชันตา ภาพเขียนหลักในถ้ำแห่งนี้มีทั้งหมดสามสิบชิ้น และจัดว่าสวยงามและประณีตที่สุดครับ

ภาพเขียนแต่ละชิ้นแสดงถึงพระพุทธเจ้าในปางต่างๆ กัน รวมไปถึงชีวิตในอดีตชาติของพระองค์ที่ถือกำเนิดเป็นพระโพธิสัตว์ด้วย เชื่อกันว่า theme ของถ้ำนี้คือการยกย่องคุณค่าของมนุษย์ผ่านทางการเล่าชาดกครับ

ตรงกลางของถ้ำมีพระพุทธรูปนั่งในปางธรรมจักรที่แกะสลักขึ้นมาจากหินตั้งอยู่ และมีแผ่นหินแกะสลักของกษัตริย์ Upendragupta ซึ่งอธิบายว่ากษัตริย์พระองค์นี้ได้สละพระราชทรัพย์จำนวนมากในการสร้างวิหารแห่งนี้ครับ
7. Cave 19
Cave 19 เป็นลักษณะเป็นวัดขนาดใหญ่ที่ชาวพุทธโบราณมาเคารพบูชาองค์พระพุทธรูป ดังนั้นจุดเด่นของถ้ำนี้คือรูปปั้นและพระพุทธรูปหินทั้งหลายครับ คุณจะได้พระพุทธรูปนั่ง ยืน ในลักษณะและขนาดที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นอื่นๆ รายรอบพระพุทธรูปด้วย แต่ละชิ้นล้วนแต่ถูกสร้างขึ้นด้วยความประณีตครับ

ตรงกลางของ Cave 19 คือสถูปที่มีการแกะสลักองค์พระพุทธรูปเข้าไปด้วย รายรอบองค์สถูปคือเสาหินที่มีการแกะสลักและตบแต่งอย่างสวยงามมากครับ
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจของ Cave 19 คือด้านหน้าถ้ำที่ได้รับการสร้างขึ้นอย่างสวยงามครับ ถ้าสังเกตดีๆ คุณจะเห็นรูปปั้นยักษ์สองตัวประดิษฐานอยู่ที่หน้าประตูครับ

8. Cave 26
ลักษณะของ Cave 26 เหมือนกับ Cave 19 แทบจะทุกประการ นั่นคือเป็นวัดโบราณ แต่ตัวถ้ำจะใหญ่กว่ามาก และรูปแกะสลักในถ้ำจะประณีตยิ่งกว่าเสียอีก

ตรงกลางของตัวถ้ำประดิษฐานสถูปหินที่มีรูปแกะสลักขนาดใหญ่ของพระพุทธเจ้า รายรอบสถูปมีเสาหินและกำแพงที่ถูกแกะสลักอย่างหรูหราอลังการจนเรียกได้ว่าเป็น masterpiece ของศิลปกรรมตะวันออกเลยครับ ทั้งนี้สิ่งที่งานแกะสลักเหล่านี้เล่าถึงก็คือตำนานต่างๆ ของศาสนาพุทธครับ อาทิเช่นเหตุการณ์ที่พญามารให้บุตรสาว 3 คนมาล่อลวงพระพุทธเจ้าเป็นต้น
แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดใน Cave 26 คือพระพุทธรูปปางปรินิพพานขนาดใหญ่ ซึ่งสวยงามและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี พระพุทธรูปองค์นี้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความตาย และการแตกดับตามความเชื่อของศาสนาพุทธครับ
[sc name=”travelthai” ][/sc]