เอเชียจีน9 สถานที่ท่องเที่ยวใน "เมืองเซี่ยงไฮ้" ที่คุณไม่ควรพลาด

9 สถานที่ท่องเที่ยวใน “เมืองเซี่ยงไฮ้” ที่คุณไม่ควรพลาด

เซี่ยงไฮ้ หรือ ซ่างไห่ (Shanghai) ในภาษาจีนกลาง เป็นเมืองใหญ่อันดับต้นๆ ของจีนที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และการค้าอย่างมาก ถ้าจะให้เปรียบกับเมืองในอเมริกาแล้ว เซี่ยงไฮ้คงจะเทียบได้กับมหานครนิวยอร์กนั่นเองครับ

ก่อนอื่น ผมของเล่าประวัติของเมืองนี้คร่าวๆ ก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่ถ้าใครไม่สนใจ คุณสามารถข้ามลงไปที่สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกด้านล่างเลยครับ

ประวัติย่อของเซี่ยงไฮ้

เซี่ยงไฮ้ไม่ใช่เมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เหมือนกับเหล่าเมืองหลวงทั้งห้า ในสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง เซี่ยงไฮ้เป็นเพียงหมู่บ้านที่มีท่าเรือเล็กๆ เท่านั้น

หลังจากที่เกิดทุกขภัยแห่งจิ้งคัง ราชวงศ์ซ่งต้องหนีพวกอนารยชนลงใต้ ดังนั้นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการค้าจึงต้องย้ายลงใต้มาด้วย ในช่วงนี้ท่าเรือของเซี่ยงไฮ้เริ่มเฟื่องฟูทำให้เซี่ยงไฮ้กลายเป็นเมืองท่าขนาดเล็ก

ในสมัยราชวงศ์หมิง เซี่ยงไฮ้ได้ถูกปล้นสะดมโดยพวกโจรสลัดญี่ปุ่นหลายครั้ง ทำให้ราชสำนักหมิงลงทุนสร้างกำแพงเมืองเพื่อป้องกันพวกโจรเหล่านี้ การที่มีกำแพงเมืองทำให้ผู้คนรายรอบมาอาศัยอยู่ที่นี่มากขึ้น เมืองเซี่ยงไฮ้จึงใหญ่ขึ้นตามลำดับ

เมื่อราชวงศ์ชิงปกครองแผ่นดินจีน คังซีฮ่องเต้ได้ยกเลิกการห้ามไม่ให้จัดตั้งกองเรือเดินสมุทร ทำให้การค้าขายโพ้นทะเลของชาวจีนเริ่มฟื้นคืนกลับมาหลังจากที่สูญสิ้นไปนานถึงสองศตวรรษ นโยบายใหม่ทำให้พ่อค้าแห่มาที่เซี่ยงไฮ้เพื่อที่จะจับจ่ายซื้อของทำกำไร ตัวเมืองยิ่งเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว

เซี่ยงไฮ้ในช่วงปี ค.ศ.1920

ช่วงสงครามฝิ่นที่จีนรบกับอังกฤษ เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่ชาติตะวันตกให้ความสนใจ เพราะเป็นเมืองท่าที่ตั้งอยู่ปากแม่น้ำแยงซีเกียง หลังจากที่จีนแพ้สงคราม เซี่ยงไฮ้จึงกลายเป็นเมืองท่าพิเศษที่รองรับพ่อค้าตะวันตก ทำให้ตัวเมืองยิ่งมีขนาดใหญ่และรุ่งเรืองขึ้น เซี่ยงไฮ้เปรียบดั่งประตูของจีนที่ใช้ติดต่อกับชาติตะวันตกก็ว่าได้

ในสมัยคอมมิวนิสต์ เซี่ยงไฮ้ก็ยังคงเป็นเมืองสำคัญ โดยเฉพาะหลังจากที่เติ้งเสี่ยวผิงเปิดประเทศ และรับการลงทุนจากชาติตะวันตก ปัจจุบันท่าเรือเซี่ยงไฮ้เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง และรองรับ container ขนาดยักษ์มากที่สุดในโลก นอกจากนี้เมืองแห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินของประเทศ ตลาดหลักทรัพย์หลักของจีนก็ตั้งอยู่ที่นี่

แม้ว่าจะเป็นเมืองเศรษฐกิจและการเงินมาตลอด แต่ไม่ได้หมายความว่าเซี่ยงไฮ้จะไม่มีวัฒนธรรม หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เรามาดูกันครับว่าสถานที่เที่ยวในเซี่ยงไฮ้มีอะไรบ้าง

1. The Bund

The Bund หรือไหว้ทาน เป็นย่านถนนคนเดินเลียบแม่น้ำหวงผูของเซี่ยงไฮ้ ถ้าคุณเดินเล่นที่บริเวณนี้ไม่ว่าจะตอนกลางวันหรือกลางคืน คุณจะรู้สึกว่าเหมือนกับอยู่ในยุโรป

สาเหตุคือถนนและสิ่งก่อสร้างบริเวณนี้สร้างขึ้นตามสไตล์ตะวันตกนั่นเอง ตึกสวยๆหลายแห่งที่ชาวอังกฤษและฝรั่งเศสเคยสร้างไว้หลังชนะสงครามฝิ่นยังคงอยู่ และได้กลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองไปแล้ว

The Bund, Shanghai By Ruazn2 , CC BY-SA 3.0,

บริเวณนี้มีร้านอาหารอร่อยๆ หลายร้าน เช่นเดียวผับและบาร์หลายแห่งที่เหมาะจะมานั่งหาอะไรดื่ม แต่ถ้าคุณอยากจะสัมผัสกับความสวยงามของบริเวณนี้จริงๆ ผมแนะนำให้ล่องเรือแม่น้ำหวงผูตอนกลางคืนครับ จากที่เคยล่องมาหลายที่ ผมจัดให้ที่นี่อยู่ในอันดับต้นๆ ของความสวยเลยก็ว่าได้ ถ้าสนใจตั๋วเรือ สามารถซื้อได้ในราคาถูกโดยผ่าน Klook ครับ

วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือ นั่ง metro สาย 2 หรือ 10 และลงสถานี East Nanjing Road หรือนั่งสาย 9 ลง Xiaonanmen แต่ไม่ว่าคุณจะนั่งสายไหนก็ตาม คุณจะต้องเดินประมาณ 5-10 นาทีกว่าจะถึงที่หมายครับ

ล่องเรือชมเมืองในยามค่ำคืน

2. The Oriental Pearl Tower

The Oriental Pearl Tower หรือ ตงฟางหมิงจูถ่า เป็นหอคอยที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองเซี่ยงไฮ้ และตั้งอยู่ตรงข้ามกับ The Bund

The Oriental Pearl Tower

จริงๆ แล้วหอคอยนี้เป็นหอคอยที่ใช้รับสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ แต่ในปัจจุบันมันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้วมากกว่า คุณสามารถขึ้นไปชมวิวบนหอ รับประทานอาหารที่ร้านอาหารที่จะหมุนไปตามวงกลม หรือแม้กระทั่งนอนในโรงแรมชื่อ Space Hotel ที่ตั้งอยู่ด้านบนหอครับ

ตั๋วขึ้นหอคอยสามารถซื้อได้ผ่าน Klook ในราคาเพียง 386 บาทเท่านั้น และถ้าคุณต้องการจะกินอาหารบนหอคอยด้วยก็สามารถซื้อได้ในเว็บเดียวกัน ผมแนะนำให้ซื้อกับ Klook ไปเลยเพราะว่าคุณสามารถสแกน QR Code และเข้าชมได้เลย โดยไม่ต้องไปเข้าคิวซื้อตั๋วแข่งกับคนจีนครับ

วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือ นั่ง metro สาย 2 ลงสถานี Lujiazui และออกที่ทางออก 1

3. Shanghai Disney Resort

Shanghai Disney Resort คือสวนสนุกดิสนีย์แลนด์แห่งเมืองเซี่ยงไฮ้ที่เพิ่งเปิดในปี ค.ศ.2016 และได้รับความนิยมสูงมากในหมู่ชาวจีน ตัวสวนสนุกก็แน่นอนว่าเป็นสไตล์ของดิสนีย์ นั่นคือมีทั้งเครื่องเล่นมันส์ๆ ให้คุณสนุกสนานได้ตลอดทั้งวัน และยังมีจุดถ่ายรูปสวยๆ สำหรับคนที่เฉยๆ กับเครื่องเล่นต่างๆ ด้วย

Shanghai Disneyland by american_rugbier, flickr, CC BY SA 2.0

หลายคนอาจจะสงสัยว่าถ้าเทียบกับดิสนีย์แลนด์ที่ฮ่องกงแล้วจะเป็นอย่างไร คำตอบคือ ผมมองว่าดิสนีย์แลนด์เซี่ยงไฮ้น่าสนใจมากกว่ามากครับ เพราะมีขนาดใหญ่กว่าถึงสามเท่า และเครื่องเล่นต่างๆ ก็ใหม่กว่าด้วย

สำหรับตั๋ว ผมแนะนำว่าให้ซื้อผ่าน Klook ไปเลย เพราะจะถูกกว่าหน้าเว็บไซต์ทางการครับ แถม Klook ยังมีรับประกันราคาดีที่สุดด้วย หรือพูดง่ายๆ ถ้าคุณเจอที่อื่นถูกกว่า Klook จะคืนเงินส่วนต่างให้คุณเป็นสองเท่าเลยทีเดียว ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้ราคาถูกที่สุดอย่างแน่นอนครับ

วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือ นั่ง metro สาย 11 ลงสถานี Disney Resort

4. Zhujiajiao Water Town

Zhujiajiao Water Town หรือเมืองโบราณจูเจียเจี่ยว เป็นเมืองเก่าแก่ที่อยู่บริเวณชานเมืองเซี่ยงไฮ้ ลักษณะของเมืองคล้ายกับเวนิส นั่นคือเป็นเมืองน้ำที่มีคลองและสะพานมากมาย แต่อันที่จริงแล้วจูเจียเจี่ยวเก่าแก่ว่าเวนิสมาก เพราะมีอายุอย่างน้อย 1,700 ปีขึ้นไป

Zhujiajiao Water Town

อาคารและสิ่งก่อสร้างในเมืองจูเจียเจี่ยวที่หลงเหลือในปัจจุบันมีอายุประมาณ 200-500 ปี (สมัยราชวงศ์หมิง-ชิง) หลายๆ แห่งยังคงถูกใช้ประโยชน์มาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นสะพานต่างๆ อาคารหลายแห่งที่ยังมีผู้อยู่อาศัย หรือสวนเก่าแก่ที่เปิดให้ผู้คนเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจได้

ไฮไลท์ของจูเจียเจี่ยวคือ การนั่งเรือสไตล์จีนโบราณนั่งชมเมืองที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศเหมือนกับที่เคยดูในซีรีส์จีนทั้งหลายนั่นเองครับ

วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือ นั่ง metro สาย 17 และลงสถานี Zhujiajiao หลังจากนั้นเดินไปอีกประมาณ 15 นาทีครับ

5. Jade Buddha Temple

Jade Buddha Temple หรือ ยี่ว์โฝซื่อ (วัดพระหยก) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองเซี่ยงไฮ้ วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเก็บรักษาพระพุทธรูปหยกสององค์ที่พระชาวจีนรูปหนึ่งได้นำกลับมาจากพม่า

พระพุทธรูปทั้งสองอยู่ในปางที่แตกต่างกัน ปางหนึ่งเป็นปางที่พระพุทธเจ้ากำลังจะตรัสรู้ ส่วนอีกปางหนึ่งเป็นปางที่พระพุทธเจ้ากำลังจะปรินิพพาน

Jade Buddha Temple, Shanghai, China By Stefan Fussan, Flickr, CC By SA 2.0

ชาวจีนในเมืองเซี่ยงไฮ้ศรัทธาในพระพุทธรูปทั้งสองนี้มาก ทำให้วัดได้รับการดูแลรักษาอย่างดีเสมอมา อาคารของวัดแต่ละหลังยังสวยงามและแสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของจีนอีกด้วย

วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือ นั่ง metro สาย 13 ลง Jiangning Road หลังจากนั้นออกทางออก 4 และเดินไปประมาณ 5 นาทีก็จะถึงวัดเลยครับ

6. Yu Garden

Yu Garden หรือ ยี่ว์หยวน (สวนยี่ว์) เป็นสวนที่มีพื้นที่ประมาณ 20,000 ตารางเมตร สวนแห่งนี้มีอายุมากถึงเกือบ 500 ปีและเคยเป็นที่ตั้งของสมาคมหลายสมาคมเมื่อหลายร้อยปีก่อน

ภายในสวนประกอบด้วยสระน้ำ อาคารเก๋งจีนที่สวยงามหลายหลัง สะพานแบบจีนที่งดงาม หินจำนวนมากมายที่มีรูปร่างแปลกตา นอกจากนี้ยังมีผาจำลอง โตรกจำลอง และถ้ำจำลองด้วย

โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าถ้าเป็นไปได้ มาเที่ยวที่นี่ตอนกลางคืนจะสวยกว่าตอนกลางวันมากครับ เพราะอาคารทุกหลังจะเปิดไฟหมดเลย ทำให้บรรยากาศเหมือนกับเราอยู่ในหนังกำลังภายในหรือซีรีส์พีเรียดของจีนเลยครับ

อย่างไรก็ดีสิ่งที่นักท่องเที่ยวสนใจมากที่สุดเหมือนจะเปิดการช็อปปิ้ง ภายในสวนแห่งนี้มีร้านค้าอยู่หลายแห่งด้วยกันที่ขายของที่ระลึกที่ทำจากมือ หรืออัญมณีต่างๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณต้องต่อราคาทุกครั้ง และไม่ใช่แบบเล็กๆ น้อยๆ อย่าง 20% คุณควรจะต่ออย่างน้อย 70% ขึ้นไปครับ ไม่งั้นโดนฟันหัวแบะแน่นอน

นอกจากนี้สวนยี่ว์ยังมีร้านอาหารสไตล์เซี่ยงไฮ้แบบดั้งเดิมอยู่หลายแห่งด้วย แต่ที่พลาดไม่ได้คือเสี่ยวหลงเปาร้านหนานเซียง (Nanxiang Steamed Buns) ครับ สังเกตที่ร้านคนรอเยอะๆ นั่นแหละ ใช่เลย

วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือ นั่ง metro สาย 10 ลงที่สถานี Yuyuan และออกทางออก 1 ครับ

7. Longhua Temple

Longhua Temple หรือ หลงหัวซื่อ เป็นวัดในพระพุทธศาสนานิกายฉาน (ต้นแบบของนิกายเซนของญี่ปุ่น) วัดนี้เป็นวัดที่อุทิศให้กับพระศรีอริยเมตไตรย พระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 แห่งภัททรกัปป์ หรือว่าพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปในความเชื่อของชาวพุทธนั่นเอง

Longhua Pagoda By Corinne Launay – Own work, CC BY-SA 3.0,

นอกจากนี้วัดหลงหัวยังเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในจีนด้วย เพราะตัววัดสร้างขึ้นในปี ค.ศ.242 หรือว่าในช่วงยุคสามก๊กเลยทีเดียว แต่อาคารต่างๆที่คุณเห็นที่วัดในปัจจุบันจะไม่ได้มาจากยุคดังกล่าว เนื่องจากมันถูกทำลายไปหมดแล้วในช่วงที่ราชวงศ์ถังล่มสลาย

ตัววัดได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่ในสมัยราชวงศ์ซ่ง หลังจากนั้นการซ่อมแซมและบูรณะล้วนแต่อ้างอิงจากสถาปัตยกรรมตามแบบซ่งทั้งหมด ทำให้ตัวอาคารที่เราเห็นอยู่ถูกสร้างขึ้นด้วยศิลปะแบบซ่งนั่นเอง

ไฮไลท์ของวัดแห่งนี้แน่นอนว่าคือเจดีย์หลงหัว เจดีย์ 7 ชั้นที่มีอายุมากกว่าหนึ่งพันปี เนื่องจากมันมีอายุยาวนานมาก ทำให้โครงสร้างของมันอ่อนแอเกินกว่าที่คุณจะขึ้นไปชมได้ แต่คุณยังสามารถชมความงามของมันได้จากด้านล่างครับ

วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือ นั่ง metro สาย 11 หรือ 12 และลงที่ Longhua และออกทางออก 2 ครับ

8. Shanghai Tower

Shanghai Tower หรือ ซ่างไห่จงซินต้าซ่า เป็นตึกที่สูงเป็นอันดับ 1 ในประเทศจีน และสูงเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากตึก Burj Khalifa ที่นครดูไบตึกเดียวเท่านั้น

พื้นที่ส่วนใหญ่ของตึกถูกใช้เป็นออฟฟิศของบริษัทต่างๆ แต่ภายในตึกก็มีโรงแรมห้าดาว ห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนท์ให้คุณได้พักและจับจ่ายใช้สอยด้วย

สำหรับใครที่อยากจะชมวิว ตึก Shanghai Tower มีจุดชมวิวอยู่ที่ชั้น 118 ซึ่งเป็นจุดชมวิวในร่มที่สูงที่สุดในโลก ถ้าคุณขึ้นไปด้านบนแล้ว คุณจะเห็นเมืองเซี่ยงไฮ้ได้ทั้งเมืองเลยครับ

นอกจากตึก Shanghai Tower แล้ว ถ้าคุณอยากชมวิวมุมสูงของเมืองเซี่ยงไฮ้ ตัวเลือกที่น่าสนใจคือ Jin Mao Tower และ Shanghai World Financial Center ครับ

วิธีไปตึก Shanghai Tower ที่ง่ายที่สุดคือ นั่ง metro สาย 2 แล้วลงที่สถานี Lujiazui และออกทางออก 6 ครับ

9. Shanghai Science and Technology Museum

ปัจจุบันประเทศจีนกำลังก้าวหน้าอย่างยิ่งทางด้านเทคโนโลยี ดังนั้นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ดีๆ จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ครับ

Shanghai Science and Technology Museum หรือ ซ่างไห่เคอจี้ก่วน เป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน และเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดในประเทศอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์ถูกสร้างอย่างดี และโซนจัดแสดงหลักถึง 14 โซน และมีโรงภาพยนตร์ระดับที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อีกถึง 4 โรงด้วยกัน (2 โรงเป็นแบบ IMAX) สิ่งที่จัดแสดงครอบคลุมวิทยาศาสตร์ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ดาราศาสตร์ หุ่นยนต์ AI การแพทย์ สัตว์วิทยา ฯลฯ

ถ้าเป็นไปได้ควรจะหลีกเลี่ยงวันหยุด เพราะมิฉะนั้นคุณจะต้องเผชิญกับคลื่นเด็กๆ ชาวจีนที่คุณครูพามาทัศนศึกษาครับ

วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือ นั่ง metro สาย 2 และลงสถานี Shanghai Science and Technology Museum แล้วออกที่ทางออก 7 หรือ 8 ก็ได้ครับ

สำหรับใครที่สนใจประวัติศาสตร์ ผมแนะนำให้ไป Shanghai Museum แทนจะดีกว่า พิพิธภัณฑ์นี้จะเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่รวบรวมโบราณวัตถุเก่าแก่ย้อนไปถึงสมัยราชวงศ์ซาง โจว และยุคชุนชิวจ้านกว๋อเลยครับ

ข้อควรทราบ

  • เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่คุณสามารถเที่ยวได้โดยที่ไม่ต้องง้อทัวร์ เพราะคุณสามารถไปได้ทุกหนแห่งในเมืองด้วย metro หรือรถไฟใต้ดินที่รวดเร็วและราคาถูกมาก (ถูกกว่า BTS!) แถมโอกาสหลงทางก็ยากกว่าเมืองอื่นในจีน เพราะป้ายต่างๆ จะมีภาษาอังกฤษกำกับ ชาวจีนวัยหนุ่มสาวเองก็พูดภาษาอังกฤษพอได้ในระดับหนึ่ง
  • ถ้าคุณมีเวลาพอ ผมแนะนำให้เพิ่มเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากเซี่ยงไฮ้เข้าไปในทริปของคุณ ได้แก่ ซูโจว หังโจว และนานกิง (หนานจิง) เมืองเหล่านี้อยู่ใกล้กับเซี่ยงไฮ้มาก คุณสามารถไปเมืองได้ด้วยรถไฟความเร็วสูงในเวลาที่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงทั้งสิ้นครับ
  • วัดอื่นๆ ที่น่าสนใจได้แก่ วัดจิ้งอัน (Jing’An Temple) วัดเจินหรู (Zhenru Temple)
  • พิพิธภัณฑ์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้แก่ The China Art Museum และ Shanghai Natural History Museum
[sc name=”travelthai” ][/sc]

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!