ย้อนกลับไปสองพันปีก่อน อเล็กซานเดรีย (Alexandria) เคยเป็นหนึ่งในเมืองอันดับต้นๆ ของโลก ตัวเมืองถูกสร้างโดยอเล็กซานเดอร์มหาราช หลังจากที่กองทัพมาซิโดเนียพิชิตอียิปต์ได้สำเร็จ
หลังจากนั้นอเล็กซานเดรียรุ่งเรืองถึงขีดสุดในฐานะเมืองหลวงของอาณาจักรอียิปต์ในสมัยราชวงศ์โตเลมี (Ptolemaic Kingdom) ประภาคารอเล็กซานเดรีย หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์แห่งยุคโบราณก็เคยตั้งอยู่ที่นี่ เช่นเดียวกับสุสานของอเล็กซานเดอร์มหาราชด้วย คลีโอพัตรา ราชินีผู้โด่งดังแห่งอียิปต์ก็เคยปกครองอียิปต์จากเมืองแห่งนี้
ในปัจจุบันอเล็กซานเดรียเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศอียิปต์ รองจากกรุงไคโร เมืองหลวงของประเทศเพียงเมืองเดียวเท่านั้น ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ทำให้อเล็กซานเดรียมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายหลายแห่ง
ที่นี่จะมีอะไรให้เที่ยวไปบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่าครับ
1. Corniche
Corniche เป็นถนนคนเดินที่ทอดตัวไปตามริมฝั่งทะเลที่โค้งเหมือนวงกลมของเมืองอเล็กซานเดรีย คุณสามารถอิ่มเอมกับบรรยากาศแบบดั้งเดิมจากสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 และท้องทะเลที่จะพัดลมเย็นๆ ให้คุณได้ผ่อนคลายด้วยครับ

ถ้ามีโอกาสอย่าได้พลาดที่จะมาเดินเล่นที่นี่ แต่โปรดระวังสักนิดหนึ่ง โปรดอย่าได้เดินเข้าไปในบริเวณที่เป็นสลัมนะครับ
2. Alexandria National Museum
Alexandria National Museum เป็นพิพิธภัณฑ์หลักของเมืองที่เก็บรักษาโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของเมืองเอาไว้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นยุคกรีก ยุคโรมัน ยุคไบแซนไทน์ หรือ ยุคมุสลิม คุณจะได้เรียนรู้ว่าในอดีต อเล็กซานเดรียเคยรุ่งเรืองมากขนาดไหนผ่านสิ่งของเหล่านี้ครับ

โบราณวัตถุที่จัดแสดงที่นี่ไม่ได้มีแต่ที่พบเจอบนบกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสิ่งของที่พบใต้ทะเลด้วย ชายฝั่งทะเลรอบเมืองอเล็กซานเดรียนั้นเป็นขุมทรัพย์สำคัญของวงการโบราณคดีอียิปต์ เพราะเมืองเก่าอายุอย่างน้อยสามพันปีชื่อ Heracleion จมอยู่ใต้ทะเลใกล้กับตัวเมืองนี้เอง
3. Fort Qaitbey
Fort Qaitbey เป็นป้อมปราการที่ถูกสร้างขึ้นบนบริเวณที่เคยเป็นประภาคารอเล็กซานเดรีย หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ หลังจากที่ประภาคารได้รับความเสียหายอย่างยับเยินจากแผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 14

แม้ความยิ่งใหญ่จะเทียบกับประภาคารอเล็กซานเดรียไม่ได้ แต่ป้อมแห่งนี้ได้ช่วยป้องกันอเล็กซานเดรียและชายฝั่งทะเลของอียิปต์จากกองทัพศัตรูมามากกว่า 500 ปีแล้ว
ปัจจุบันคุณสามารถเดินเข้าไปชมข้างในได้ และถ้าคุณขึ้นไปด้านบนสุดของป้อมปราการ คุณจะเห็นตัวเมืองอเล็กซานเดรียและชายฝั่งทะเลโดยรอบได้อย่างชัดเจนครับ
4. Ras el-Tin Palace
Ras el-Tin Palace เป็นพระราชวังที่สุลต่านและผู้ปกครองแห่งอียิปต์ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในช่วงฤดูร้อน เพราะที่นี่มีลมเย็นๆ จากทะเลพัดเข้ามาตลอดเวลา ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่กษัตริย์ฟารุก กษัตริย์คนสุดท้ายของอียิปต์สละราชสมบัติก่อนที่จะหนีไปยังอิตาลีด้วย
อย่างไรก็ดี เนื่องจากกองทัพเรืออียิปต์ใช้ตัวพระราชวังเป็นกองบัญชาการ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถชมความงดงามได้จากด้านนอกเท่านั้น
5. Bibliotheca Alexandrina
เมื่อสองพันปีก่อน สมัยที่อียิปต์ยังรุ่งเรืองมากอยู่นั้น อียิปต์เป็นแหล่งการเรียนรู้อันดับต้นๆ ของโลก และจุดศูนย์กลางของแหล่งการเรียนรู้ดังกล่าวคือ ห้องสมุดแห่งอเล็กซานเดรีย (Library of Alexandria)
ห้องสมุดแห่งนี้เก็บหนังสืออันมีค่าไว้จำนวนมหาศาล แต่น่าเสียดายที่ห้องสมุดดังกล่าวกลับเสื่อมโทรมลงเพราะปราศจากการสนับสนุนในสมัยโรมัน จนมันถูกทำลายลงในช่วงที่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงศตวรรษที่ 3
Bibliotheca Alexandrina ในยุคปัจจุบันจึงเป็นความพยายามของรัฐบาลอียิปต์ที่จะฟื้นคืนห้องสมุดระดับตำนานให้ปรากฏต่อสายตาคนทั้งโลกอีกครั้งหนึ่ง

ภายในห้องสมุดแห่งใหม่นี้มีหนังสือมากมายนับล้านเล่มจากทั่วทุกมุมโลก แต่ที่น่าสนใจคือมีพิพิธภัณฑ์เอกสารและวัตถุโบราณอยู่ด้านในด้วย ส่วนมากแล้วจะเป็นเอกสารเก่าแก่จากยุคกรีก-โรมันซึ่งนักโบราณคดีค้นพบจากใต้ท้องทะเลรอบเมืองอเล็กซานเดรีย
6. Abu al-Abbas al-Mursi Mosque
Abu al-Abbas al-Mursi Mosque เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองอเล็กซานเดรีย และเป็นสถานที่แสวงบุญสำคัญแห่งหนึ่งของชาวอียิปต์ด้วย ตัวมัสยิดสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1796 เพื่ออุทิศให้กับ Abu Abbas นักบวชในศาสนาอิสลามที่เป็นที่นับถือกันทั่วไปในอเล็กซานเดรีย

ทั้งด้านในและด้านนอกของมัสยิดตบแต่งอย่างสวยงามด้วยศิลปะมุสลิมที่ทรงคุณค่า แม้ว่าคุณจะไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามแต่คุณก็สามารถเข้าชมได้ครับ
7. Kom el-Dikka
Kom el-Dikka เป็นซากปรักหักพังที่ตั้งอยู่ในเมืองอเล็กซานเดรียมานานเกือบสองพันปี โดยที่แทบไม่มีใครเอาใจใส่มันเลย จนกระทั่งทางการเมืองอเล็กซานเดรียต้องการจะสร้างเมืองใหม่ นักโบราณคดีจึงได้เข้ามาตรวจสอบและพบว่าภายในบริเวณนี้มีโรงละครโรมัน โรงอาบน้ำ วัดเก่าแก่สมัยกรีก และส่วนของพื้นที่เป็นโมเสกอันงดงามหลายจุดด้วย

ดังนั้นมันจึงเปลี่ยนสภาพเป็นแหล่งโบราณคดี และสถานที่ท่องเที่ยวแทนครับ
8. Catacombs of Kom El Shoqafa
Catacombs of Kom El Shoqafa เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง แม้ว่าจริงๆ แล้วมันจะสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 2 และทำให้ในทางทฤษฎีแล้วมันไม่ได้มาจากยุคกลาง

สถานที่แห่งนี้เป็นสุสานขนาดใหญ่ที่มีสามชั้น แต่ละชั้นมีสุสานย่อยหลายแห่งเรียงตามลำดับกันไป เดิมทีสถานที่แห่งนี้ถูกเก็บเป็นความลับมานานเกือบสองพันปี แต่ถูกค้นพบโดยบังเอิญเพราะมีลาตัวหนึ่งพลัดตกลงไปในทางเข้าสุสาน
รูปแบบของสถาปัตยกรรมเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะอียิปต์ กรีก และโรมัน เมื่อเดินเข้าไปในสุสานคุณจะเห็นรูปปั้นที่เป็นแบบอียิปต์โบราณ แต่อาจจะแต่งกายแบบกรีกหรือโรมันก็ได้
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมชมข้างในได้ แต่คงไม่ได้ทุกส่วน เพราะชั้นล่างสุดอยู่ใต้น้ำครับ
9. Pompey’s Pillar
Pompey’s Pillar หรือเป็นเสาหินเก่าแก่อายุ 1,800 ปีที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 3 ด้วยความสูง 20.46 เมตร และความกว้าง 2.71 เมตรทำให้มันเป็นเสาหินแบบโรมันที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดที่หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน

ในอดีตเสาหินนี้เคยเป็นส่วนประกอบของมหาวิหารเก่าแก่ชื่อ Serapeum of Alexandria เป็นเรื่องแปลกที่เสาต้นนี้เท่านั้นที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ในขณะที่ส่วนอื่นถูกทำลายไปหมดแล้ว
เรื่องแปลกอีกอย่างหนึ่งคือ แม้เสานี้จะชื่อ Pompey’s Pillar แต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับ Pompey เลยแม้แต่น้อย เสานี้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงจักรพรรดิไดอาคลีเชียนที่ปราบปรามกบฏในเมืองอเล็กซานเดรียได้สำเร็จ หรือหลังยุคของ Pompey ประมาณ 300 ปี