มณฑลเสฉวน หรือ ซื่อชวน เป็นมณฑลที่คนไทยรู้จักดีจากอาหารเสฉวนหรือที่เผ็ดร้อน หรือเป็นดินแดนที่เล่าปี่และขงเบ้งตั้งแคว้นขึ้นมาในนิยายสามก๊ก
หากแต่ว่ามณฑลเสฉวนไม่ได้มีดีแค่เรื่องอาหารและวัฒนธรรม แต่มณฑลแห่งนี้ของจีนมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามนับสิบแห่ง บางที่อาจจะสวยกว่ายุโรปด้วยซ้ำไป
เรามาดูกันดีกว่าครับว่ามีที่ไหนบ้าง
1.จิ่วไจ้โกว
ถ้าพูดถึงสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติในมณฑลเสฉวนแล้ว จิ่วไจ้โกวคงขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะจิ่วไจ้โกวมีทั้งทะเลสาบสีสวย ภูเขาหิมะที่งดงาม น้ำตกที่อลังการ และป่าสนที่น่าหลงใหล เรียกได้ว่าเราสามารถชมวิวหลายๆ แบบได้ในอุทยานแห่งนี้

นอกจากนี้จิ่วไจ้โกวยังเป็นอุทยานที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงจุดสวยๆ ได้ง่ายมาก ต่างจากที่อื่นๆ ที่ต้องเดินเท้าเข้าไปนับกิโลเมตร จุดชมวิวระดับ 5 ดาวของจิ่วไจ้โกวสามารถเข้าถึงได้โดยการเดินไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น
ภายในอุทยานมีลักษณะเป็นรูปตัว Y ทำให้ไฮไลท์ของอุทยานจิ่วไจ้โกวมีอยู่ทั้งสองด้าน การจะเที่ยวให้ครบถ้วนจึงใช้เวลาด้านละวันเป็นอย่างน้อย ดังนั้นในการท่องเที่ยวจิ่วไจ้โกวควรจะท่องเที่ยวอย่างน้อย 2 วันครับ
2. หวงหลง
หวงหลงเป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลเสฉวน อุทยานแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องแอ่งน้ำสีใสที่มีจำนวนนับพันแอ่ง ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นทั้งสิ้น ตัวแอ่งน้ำเหล่านี้ถ้ามองจากระยะไกลแล้วจะดูเหมือนกับสันหลังมังกร ชาวจีนจึงตั้งชื่ออุทยานแห่งนี้ว่าหวงหลงซึ่งแปลว่ามังกรเหลืองนั่นเอง

นอกจากแอ่งน้ำนับพันแล้ว หวงหลงยังมีวิวภูเขาหิมะเป็นฉากหลังด้วย ทำให้การชมวิวอลังการ และสวยงามมากๆ ไม่แพ้ที่จิ่วไจ้โกวเลยครับ
การชมวิวที่หวงหลงสามารถทำได้โดยอาศัยการเดินขึ้นเขา และกระเช้า แม้ว่าเส้นทางจะดีเยี่ยม (มีบันไดไม้ปูยาวตลอดทางและไม่ชัน) แต่การเดินค่อนข้างไกล (4.2 กิโลเมตร) และบริเวณนั้นเป็นที่สูง ทำให้สามารถเกิดอาการแพ้ที่สูงได้ครับ ดังนั้นแนะนำสำหรับท่านที่แข็งแรงจริงๆ เท่านั้นครับ
สำหรับท่านอื่นๆ ในช่วงเดือนเมษายน-พฤศจิกายน นักท่องเที่ยวสามารถนั่งกระเช้าขึ้นไปจุดสูงสุดของอุทยานได้ แล้วค่อยๆ เดินลงมาเพื่อชมวิวตามลำดับ วิธีนี้จะดีกว่าตรงที่เราจะไม่ต้องเดินขึ้นเขา แต่จะเดินลงเขาอย่างเดียวครับ
เนื่องจากหวงหลงอยู่ใกล้กับจิ่วไจ้โกว ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวทั้งสองอุทยานได้ในทริปเดียวครับ
3. ซื่อกูเหนียงซาน
อุทยานแห่งชาติซื่อกูเหนียงซาน (Siguniangshan National Park) เป็นอุทยานที่ตั้งอยู่ตรงกลางของมณฑลเสฉวน ตัวอุทยานมีไฮไลท์อยู่ที่ยอดเขาที่สูงมากกว่า 5,000 เมตรสี่ลูกซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ข้างเคียงกัน ชาวจีนจึงเรียกยอดเขาทั้งสี่ว่าซื่อกูเหนียงซาน หรือ สี่ดรุณีนั่นเอง

นักท่องเที่ยวมักจะมาเทรคกิ้ง ปีนเขา ชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และปีนกำแพงน้ำแข็งในฤดูหนาว วิวที่อุทยานแห่งนี้จะเปลี่ยนไปแล้วแต่ฤดู ซึ่งสวยงามและไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิงเลยครับ
อย่างไรก็ดี การเข้าถึงอุทยานแห่งนี้ต้องผ่านพื้นที่สูง โดยเฉพาะเส้นทางผ่านยอดเขาป้าหลางซานที่สูงถึง 4,500 เมตร เราควรจะเดินช้าและห้ามวิ่งโดยเด็ดขาดครับ ตอนที่ผมไปเที่ยวที่นี่ ผมเคยรีบวิ่งไปฉี่จนหน้ามืดเกือบล้มมาแล้วครับ
4. ย่าติง
อุทยานแห่งชาติย่าติง (Yading Nature Reserve) เป็นอุทยานที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลเสฉวน และตั้งอยู่บริเวณพรมแดนที่ติดกับมณฑลยูนนาน ย่าติงได้รับสมญานามว่าเป็น “ดินแดนบริสุทธิ์แห่งสุดท้ายบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้” และบริเวณนี้ยังมียอดเขาศักดิ์สิทธิ์ของชาวทิเบตอยู่ถึงสามแห่งได้แก่ Chenrezig, Jampayang และ Chanadorje

ภายในอุทยานมีทั้งภูเขาหิมะที่ตั้งตระหง่าน ทะเลสาบสีใส ทุ่งหญ้าอันเขียวขจี และป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ จุดชมวิวในอุทยานจึงมีหลายแห่ง นักท่องเที่ยวมักจะมาเดินเทรคกิ้งเพื่อชมทัศนียภาพแห่งนี้ซึ่งสวยไม่แพ้ที่ใดบนโลกเลยครับ
อย่างไรก็ดี ย่าติงตั้งอยู่บนที่สูงเช่นเดียวกับซื่อกูเหนียงซาน เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังอย่างยิ่งว่าจะแพ้ความสูงครับ โดยส่วนตัวแล้วไม่แนะนำอย่างยิ่งสำหรับท่านที่มีโรคประจำตัวครับ
5. หุบเขาไห่หลัวโกว
หุบเขาไห่หลัวโกว (Hailuo Valley) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากแห่งมณฑลเสฉวน ตัวอุทยานอยู่ทางทิศตะวันตกของมณฑล ไฮไลท์ของอุทยานแห่งนี้อยู่ที่ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เราสามารถสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด เพราะว่ามันตั้งอยู่ไม่สูงจากระดับน้ำทะเลมากนัก นอกจากนี้ในบริเวณนี้ยังมีถ้ำและสะพานน้ำแข็ง ตลอดจนถึงทะเลสาบและน้ำพุร้อนให้เที่ยวชมด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น จากหุบเขาไห่หลัวโกว นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวของยอดเขาก้งก่าซานได้ด้วย เพราะตัวหุบเขาตั้งอยู่ที่ตีนเขาของยอดเขาแห่งนี้พอดิบพอดี ทำให้ไห่หลัวโกวเป็นที่นิยมมากในหมู่นักปีนเขา ช่างภาพ และนักท่องเที่ยวทั่วไป
6. ยอดเขาเอ๋อเหมย
ยอดเขาเอ๋อเหมยนี้คนไทยรู้จักกันดีในนาม “เขาง้อไบ๊” เพราะปรากฏในนิยายกำลังภายในของจีนหลายต่อหลายเรื่อง ยอดเขาแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่แสวงบุญของชาวพุทธจีน เพราะเชื่อกันว่าเป็นยอดเขาที่พระโพธิสัตว์สมันตภัทรประทับอยู่

แม้ว่ายอดเขาแห่งนี้จะมีความสำคัญทางด้านวัฒนธรรมอย่างมาก แต่ในเรื่องความสวยงามของธรรมชาติแล้ว ยอดเขาแห่งนี้ก็มีความงดงามที่ไม่แพ้ที่ใด นักท่องเที่ยวมักจะมาชมทะเลหมอกอันบริสุทธิ์ในช่วงเช้า ทำให้บริเวณยอดเขาแห่งนี้เหมือนกับดินแดนสุขาวดี หรือดินแดนสวรรค์เลยทีเดียว
[sc name=”travelthai” ][/sc]