การศึกษา5 วิธีช่วยเพิ่มคะแนน "SAT Reading" นอกจากการ 'เรียนพิเศษ'

5 วิธีช่วยเพิ่มคะแนน “SAT Reading” นอกจากการ ‘เรียนพิเศษ’

SAT Reading เป็นส่วนสำคัญของข้อสอบ SAT หลัก ตัวข้อสอบพยายามทดสอบทักษะการประมวลผลข้อมูลที่เราได้สะสมมาตลอดการเรียนที่ผ่านมา รวมไปถึงทักษะภาษาอังกฤษด้วย

เด็กไทยจำนวนมากรวมทั้งตัวผมเองต่างมีปัญหากับข้อสอบแบบนี้ สาเหตุมีหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นเพราะการสอนที่โรงเรียนไทยต่างกับที่อเมริกา หรือทักษะภาษาอังกฤษของเราไม่ดีพอที่จะอ่านบทความที่มีคำศัพท์ยากๆ ให้เข้าใจ

หลายคนจึงเลือกที่จะเรียนพิเศษ ซึ่งผมเองก็ต้องยอมรับว่าเป็นทางเลือกที่ดี ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็เรียนเถอะครับ

อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถทำคะแนน SAT Reading ให้ดีได้โดยปราศจากการเรียนรู้นอกห้องเรียน ซึ่งวิธีเหล่านี้ผมมองว่ามีประโยชน์มากในการเพิ่มคะแนน SAT ซึ่งอาจจะสำคัญหรือมีประโยชน์มากกว่าการเรียนพิเศษด้วยซ้ำไป

เรามาดูกันดีกว่าครับว่ามีวิธีใดบ้าง

1. ใช้ app ในการจำศัพท์ SAT

ปัญหาอันดับต้นๆ ของหลายๆคนที่ทำคะแนน SAT Reading ได้ไม่ดีน่าจะเป็นเพราะ ไม่รู้คำศัพท์

วิธียอดฮิตในการจดจำคำศัพท์คือ การท่อง ซึ่งสำหรับผมแล้ว ผมมองว่าไม่เวิร์คเลยสักนิดเดียว มันจำได้ช้า น่าเบื่อ และอาจจะถึงขั้นเรียกได้ว่า “ทรมาน” เลยด้วยซ้ำไป

จากการค้นคว้า ผมพบว่ามี app จำนวนมากทั้งใน iOS และ Android ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้เรียนศัพท์ SAT โดยเฉพาะ ซึ่งวิธีการเรียนใน app จะไม่น่าเบื่อ เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังเล่นเกม และทำเควสในเกมไปเรื่อยตามลำดับ

แต่ละ app จะมีเทคนิคในการเรียนที่ต่างกันออกไป app ที่น่าสนใจมีดังต่อไปนี้

  • New SAT Vocabulary โดย Hola Academy
  • SAT Word Slam โดย Slammin Productions
  • Improve English: Vocabulary, Grammar, Word Games โดย Knudge.me
  • Vocabador (iOS เท่านั้น)
app New SAT Vocabulary

สำหรับใครที่ชอบการจดจำแบบการใช้ Flashcard แล้วนั้น app ที่น่าสนใจก็ยังมีอยู่หลายตัว ได้แก่

  • SAT Vocabulary – Learn Words Exam Prep Flashcards โดย Fortitude
  • SAT Flashcards: Prep & Vocabulary โดย Magoosh

หลังจากลองใช้ app ดูแล้ว ผมมองว่าเราควรจะเลือกที่ชอบที่สุด 1-2 อันเท่านั้น และเล่นมันไปจนจบ หรือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าเล่นๆ หยุดๆ เปลี่ยนๆ ไปมา ผมว่าไม่ค่อยได้อะไรครับ

ไม่ว่าจะใช้ app อะไรก็ตาม มันต้องใช้เวลาพอสมควรถึงจะเห็นผล จริงๆ แล้วการใช้ app มันก็เหมือนกับการอ่านหนังสือสอบนั่นแหละครับ แต่เป็นรูปแบบที่สนุกขึ้นเท่านั้นเอง ดังนั้นเราควรจะให้เวลากับมันก่อน ผลสำเร็จถึงจะตามมาครับ

2. ฝึกทักษะกับ Khan Academy

Khan Academy เป็นสถาบันออนไลน์ที่เปิดกว้างให้ทุกคนบนโลกได้เข้าถึงการศึกษาแบบฟรี ในเว็บไซต์ของ Khan Academy จึงมีคอร์สสำหรับช่วยให้เราฝึกฝนทักษะที่เราใช้ในการสอบ SAT เช่นกัน แถมตัวคอร์สยังจัดทำโดยการร่วมมือกับ The College Board ผู้จัดสอบ SAT อีกด้วย

ตัวเว็บจะช่วยจัดรูปแบบการฝึกฝนที่เหมาะสมให้กับเรา นอกจากนี้เราสามารถทำข้อสอบ SAT ของจริงได้บนเว็บไซต์ด้วย และไม่ใช่เพียงแค่ Reading เท่านั้น เราฝึกฝนได้ทั้ง Math และ Writing ด้วยอีกต่างหาก

เพราะฉะนั้นเราสามารถใช้คอร์สของ Khan Academy ควบคู่ไปกับการเรียนพิเศษได้อย่างดีมากๆ เลยครับ

3. ซื้อ Practice Tests มานั่งทำ

สำหรับใครที่ไม่ชอบแบบออนไลน์ วิธีเพิ่มคะแนน SAT Reading ที่ดีที่สุดคือ การซื้อ Practice Tests เป็นเล่มๆ มานั่งทำครับ

หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าเล่มไหนดี ผมได้เคยเขียนบทความไว้แล้วคร่าวๆ สามารถไปตามอ่านได้ที่บทความ “4 ชุดหนังสือเตรียมสอบ SAT

อย่างไรก็ตาม! ผมขอบอกข้อเท็จจริงอย่างหนึ่ง สมัยที่ผมสอบ SAT ผมทำข้อสอบ SAT Reading เยอะมาก แต่ทำยังไงคะแนนก็ไม่ขึ้นครับ ในช่วงนั้นผมแปลกใจมากจริงๆว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้

สาเหตุที่ผมพบคือ ผมน่าจะมองและวิเคราะห์คำถามในรูปแบบเดิมๆ มาตลอด ทำให้ถึงแม้โจทย์จะเปลี่ยนข้อไป ผมก็ยังผิดแบบเดิมซ้ำๆซากๆ มันน่าจะมาจากการที่ผมแทบไม่เคยอ่านเฉลยละเอียดที่อยู่ในหนังสือเลย ผมเลยไม่เคยเข้าใจว่าผมจะจัดการกับโจทย์ reading แบบนี้อย่างไร

วิธีทางแก้ที่ดีคือ เราต้องอ่านเฉลยที่อยู่ในหนังสือด้วยครับ ลองอ่านดูว่าเฉลยวิเคราะห์ข้อนี้อย่างไร และปรับวิธีการวิเคราะห์คำถามของเราไปด้วย คะแนน Reading ถึงค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับครับ

4. อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ

ในเมื่อเป็นข้อสอบ SAT Reading วิธีการเพิ่มคะแนนที่ดีที่สุดก็คือ การอ่านๆๆๆ อ่านมันเข้าไปให้เยอะที่สุดครับ

หนึ่งในสิ่งที่เราควรจะอ่านคือ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ เพราะเราจะได้ทั้งคำศัพท์ และทักษะการอ่านไปในคราวเดียวกัน เวลาอ่านอย่าอ่านๆ หยุดๆ นะครับ ถ้าเจอคำศัพท์ที่ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร ให้ขีดหรือวงไว้ก่อน และลอง “เดา” ก่อนว่ามันแปลว่าอะไร

ทำไมเราถึงควรทำแบบนี้? เพราะหนึ่งในรูปแบบข้อสอบ SAT Reading ก็เป็นแบบนี้ นั่นคือให้เดาว่าคำนี้แปลว่าอะไร หรือว่าสื่อความหมายว่าอย่างไร ดังนั้นการที่เราทำแบบนี้เลยเหมือนเป็นการฝึกไปกลายๆ

นอกจากนี้เราจะได้ฝึกอ่านในภาพรวมไปด้วย บ่อยครั้งที่เราสามารถเข้าใจ main idea ของสิ่งที่บทความกำลังจะสื่อได้ โดยที่ไม่ต้องเข้าใจคำศัพท์บางตัวเลย ทักษะแบบนี้สำคัญยิ่งทั้งในชีวิตประจำวัน และการสอบ SAT Reading ครับ

ถ้าอ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ จะทำอย่างไรดี?

อ่านซ้ำครับ แล้วลองวิเคราะห์ดูว่าไม่เข้าใจเพราะอะไร ถ้าไม่เข้าใจเพราะคำศัพท์ก็เปิด dictionary ใน app ดูเลยว่าแปลว่าอะไร ถ้าไม่เข้าใจเพราะรูปประโยคก็ลองอ่านให้ช้าลงกว่าเดิม แบบไปทีละประโยคจะช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องอ่านแบบมีสมาธิครับ ไม่งั้นตัวหนังสือก็เหมือนผ่านตาไป แต่สมองไม่ได้พยายามทำความเข้าใจมันเลย

อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับไหนดี?

ถัดมาหลายคนอาจจะสงสัยว่าจะอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับไหนดี? Bangkok Post ดีหรือไม่?

โดยส่วนตัวแล้ว ผมมองว่า Bangkok Post ง่ายเกินไปสำหรับการสอบ SAT และเนื่องจากข้อสอบ SAT เป็นข้อสอบที่เจ้าของภาษาเองก็ต้องสอบด้วย หนังสือพิมพ์ที่เหมาะสมจึงเป็น The New York Times ครับ

The New York Times มีบทความทุกรูปแบบ ทุกสาขา ซึ่งก็เหมือนกับข้อสอบ SAT อีกเช่นกันที่มีบทความหลายรูปแบบ เราจะได้คุ้นชินกับบทความทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นบทความอะไรก็ตาม และภาษาในหนังสือพิมพ์ก็เป็นภาษาที่เป็นทางการแบบที่เจ้าของภาษาใช้ด้วย

ถ้าสนใจจะซื้อ เราสามารถซื้อ The New York Times เป็นฉบับได้ที่ Kinokuniya สาขาสยามพารากอน (ชั้น 3) ซึ่งหนึ่งฉบับค่อนข้างหนา ทำให้อ่านได้ยาวๆ เลยทีเดียวครับ

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บทความ “4 หนังสือพิมพ์ดีๆสำหรับฝึกภาษา” ที่ผมเคยเขียนไว้แล้วครับ

5. อ่านนิยายภาษาอังกฤษ

หลายคนอาจจะรู้สึกไม่ชอบอ่านหนังสือพิมพ์ และชอบอ่านนิยายมากกว่า ผมบอกเลยว่าการอ่านนิยายภาษาอังกฤษสามารถใช้ฝึกเพื่อเพิ่มคะแนน SAT Reading เหมือนกันครับ

เริ่มแรกเลย เราต้องไปเลือกนิยายที่เราสนใจก่อน นิยายที่เลือกต้องไม่ใช่นิยายสำหรับเด็กนะครับ แบบนั้นมันง่ายไปสำหรับคนที่จะสอบ SAT แล้ว

เราต้องเลือกนิยายที่ผู้ใหญ่อเมริกันทั่วไปอ่าน ในตอนนั้นนิยายที่ผมเลือกอ่านคือ

  • Angels & Demons ของ Dan Brown
  • Harry Potter and The Deathly Hallows ของ J.K. Rowling

เวลาอ่านก็ทำแบบเดียวกับหนังสือพิมพ์ นั่นคือเน้นอ่านในภาพรวม และพยายามเดาคำศัพท์ ถ้ามีปัญหาจริงๆ ก็ใช้วิธีอ่านซ้ำและลองเปิด dictionary ช่วยครับ

จากประสบการณ์ส่วนตัว ก่อนที่ผมจะอ่านเล่มแรกจบ ผมชอบคิดว่า ผมจะมีปัญญาอ่านจนจบหมดนี่จริงๆเหรอวะ? แต่สุดท้ายก็อ่านได้จนจบจริงๆ ครับ

เมื่ออ่านจบแล้ว ผมได้คำศัพท์มามากมายเลย ทำให้ผมชินกับคำศัพท์ยากๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อนมาขึ้น และไม่กลัวตัวบทความด้วย เพราะผมคุ้นเคยกับการอ่านอะไรยาวๆ ยากๆ มาแล้วครับ

ส่งท้าย

เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ทั้ง 5 วิธีนะครับ ลองเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเรา และใช้วิธีนั้นไปจนตลอดรอดฝั่งเลยก็ได้

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องอย่ายอมแพ้ ตอนแรกที่ผมเริ่มเตรียมสอบ SAT ใหม่ๆ ผมรู้สึกว่าข้อสอบ SAT Reading ยากมาก คิดว่ายังไงก็ไม่น่าจะทำได้ ซึ่งไม่จริงเลยครับ การฝึกฝนจะช่วยให้เราเก่งขึ้น และทำคะแนนส่วนนี้ออกมาได้อย่างดีเยี่ยมในที่สุด

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!