นอกจากรัสเซียจะมีสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่อย่างที่เซนต์ปีเตอร์สเปิร์กและมอสโกแล้ว รัสเซียยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่งที่น่าสนใจอีกด้วย แต่รัฐบาลรัสเซียไม่ได้โปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้มากนัก ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ทราบว่ารัสเซียมีสถานที่สวยๆ เช่นนี้ด้วย
ดังนั้น Victory Tale จะมาชี้เป้าให้ทุกท่านทราบว่า รัสเซียมีสถานที่ไหนที่สวยๆ บ้าง
1. คาบสมุทรคัมชัตกา
คาบสมุทรคัมชัตกา (Kamchatka Peninsula) เป็นดินแดนทางตะวันออกสุดของประเทศรัสเซียและทวีปเอเชีย ดินแดนแห่งนี้สมควรได้รับสมญานามว่าเป็นดินแดนสุดขอบโลกอย่างแท้จริง เพราะว่าการเข้าออกดินแดนแห่งนี้ต้องทำโดยเรือหรือเครื่องบินเท่านั้น
คัมชัตกาเป็นดินแดนที่มีทัศนียภาพให้นักท่องเที่ยวเข้าชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขาไฟ ทะเลสาบ (บางแห่งเป็นทะเลสาบกรด) น้ำพุร้อน และสัตว์นานาชนิด แต่จุดเด่นของคัมชัตกาจริงๆ คือการที่ “ไฟ” พบกับ “น้ำแข็ง”
ไฟที่ว่าคือภูเขาไฟ คัมชัตกามีภูเขาไฟมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วยังคุกรุ่นอยู่ด้วย ส่วน “น้ำแข็ง” คือภูมิประเทศแบบขั้วโลกอันหนาวเหน็บ ทั้งสองสิ่งนี้นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นได้ในคัมชัตกาแห่งนี้
ด้วยขนาดที่ใหญ่มากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศไทยเล็กน้อย ทำให้นักท่องเที่ยวมักใช้เวลาคัมชัตกาอย่างน้อย 7-14 วันถึงจะเที่ยวที่สำคัญๆ ได้ครบ อย่างไรก็ตามด้วยความที่คัมชัตกาค่อนข้างกันดาร และมีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก สถานที่ที่เอาไว้บริการนักท่องเที่ยวจึงไม่ค่อยมีเท่าไรนัก นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปคัมชัตกาจึงมีแต่สายลุยๆ เท่านั้น
2. อัลไต
อัลไตเป็นเทือกเขาที่ครั้งหนึ่งเชื่อกันว่าเป็นถิ่นกำเนิดของคนไทย ส่วนหนึ่งของเทือกเขาแห่งนี้อยู่ในประเทศรัสเซีย หรือในของสาธารณรัฐอัลไต (Altai Republic)
ดินแดนแห่งนี้ยังมียอดเขาหิมะที่สวยงาม ธารน้ำแข็งที่ยังสมบูรณ์ และทะเลสาบอันใสสะอาด สาเหตุสำคัญคืออัลไตไม่ค่อยได้รับนักท่องเที่ยวเท่าไรนัก ทำให้ธรรมชาติยังไม่เสื่อมโทรมจากการทำลายของมนุษย์เลย
กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวอันไม่มากนักของอัลไตนิยมทำคือ การพายเรือคายัค เทรกกิ้ง ขี่ม้า ตกปลา และปีนเขา อัลไตจะสวยงามมากเป็นพิเศษในฤดูใบไม้ร่วง เพราะต้นไม้อันมากมายในดินแดนแห่งนี้จะเปลี่ยนสีเป็นสีส้ม และสีแดงพร้อมกัน นอกจากนี้อัลไตยังมีสัตว์มากมายให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วย
3. ไบคาล
ทะเลสาบไบคาล (Lake Baikal) เป็นทะเลสาบที่มีชื่อเสียงในฐานะทะเลสาบน้ำจืดที่ลึกที่สุดในโลก แต่จริงๆ แล้วบริเวณทะเลสาบไบคาลมีทัศนียภาพที่สวยงามเหมาะแก่การท่องเที่ยวด้วย ตัวทะเลสาบแห่งนี้อยู่ที่ภาคตะวันออกของไซบีเรียใกล้กับเมือง Irkutsk
ทะเลสาบไบคาลจะมีชายหาดที่สวยงามอย่างที่อ่าว Peschanaya ที่สามารถว่ายน้ำและเล่นกีฬาทางน้ำได้ในฤดูอื่นๆ ที่ไม่ใช่ฤดูหนาว แต่นักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมเดินทางมาเที่ยวทะเลสาบไบคาลในฤดูหนาว เพราะว่าเป็นช่วงที่ทะเลสาบไบคาลทั้งหมดแข็งเป็นน้ำแข็ง จนถึงขนาดขับรถลงไปได้
นักท่องเที่ยวจะได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่เช่น ตกปลาในทะเลสาบน้่ำแข็ง เล่นสเก็ตบนทะเลสาบ ขับสโนว์โมบิล นั่งบนสุนัขลากเลื่อน กิจกรรมทั้งหมดนี้สามารถทำได้ที่ทะเลสาบไบคาลในช่วงฤดูหนาวที่อุณหภูมิอาจจะต่ำได้ถึง -50 C
4. ยอดเขา Elbrus
ยอดเขาเอลบรุส (Mount Elbrus) เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรปและรัสเซีย มันมีความสูง 5,642 เมตร ตัวยอดเขาเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาคอเคซัสที่คั่นกลางระหว่างยุโรปกับเอเชีย
นักท่องเที่ยวมักเดินทางมายอดเขาแห่งนี้มาเพื่อเทรกกิ้งและปีนเขาเป็นเหตุผลหลัก โดยเฉพาะนักปีนเขาผู้ชอบท้าทายความสูงทั้งหลาย เพราะยอดเขาเอลบรุสเป็นหนึ่งใน “Seven Summits” หรือยอดเขาที่สูงที่สุดของแต่ละทวีป
นักปีนเขาที่อยากเก็บให้ครบเจ็ดยอดจึงต้องเดินทางมาพิชิตยอดเขาเอลบรุสให้ได้ จากการจัดเกรดแล้วยอดเขาเอลบรุสถือเป็นยอดเขาที่ปีนง่าย โดยเฉพาะถ้าเทียบกับยอดที่โหดที่สุดในโลกที่เทือกเขาหิมาลัย แต่การปีนยอดเขาแห่งนี้ก็ยังประมาทไม่ได้อยู่ดี
ยอดเขาเอลบรุสตั้งอยู่ที่ดินแดนใกล้กับชายแดนรัสเซีย-จอร์เจียซึ่งในระยะหลังมีปัญหาความไม่สงบ ทำให้เรื่องความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญที่นักท่องเที่ยวต้องคำนึงก่อนที่จะมาเยี่ยมเยือนยอดเขาแห่งนี้
5. ไครเมีย
ไครเมียเป็นดินแดนที่รัสเซียเพิ่งจะผนวกจากยูเครนมาหมาดๆ ดินแดนแห่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของซาร์แห่งรัสเซียและชนชั้นสูงมาเป็นเวลานานแล้ว ซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัวโปรดปรานไครเมียแห่งนี้เป็นที่สุด
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในไครเมียมีมากมาย ตั้งแต่ชายหาดและอ่าวที่สวยงาม ถ้ำที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ไปจนถึงยอดเขาหิมะที่ดูทรงพลัง สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในไครเมียนั้น ผมได้เขียนไว้อย่างละเอียดแล้วในโพสนี้
ถ้าเทียบกับส่วนอื่นของรัสเซียแล้ว อากาศที่ไครเมียอบอุ่นตลอดปี ทำให้สถานที่นี้เป็นที่นิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวรัสเซีย