การศึกษา5 วิธีเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคน "รักการอ่าน" แบบง่ายๆ

5 วิธีเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคน “รักการอ่าน” แบบง่ายๆ

การอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่สำคัญมากและเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือความรู้ทั่วไป นิยาย หรือการ์ตูน เพราะว่าหนังสือสามารถทำให้เราเป็นคนมีความรู้ สร้างเสริมจินตนาการต่างๆ หรือแม้กระทั่งสร้างแรงบันดาลใจ

ในปัจจุบันการอ่านหนังสือไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือที่เป็นเล่มๆ เหมือนสมัยก่อนอีกต่อไป การอ่านหนังสือสามารถทำได้มากขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น เช่นอ่าน e-book อ่านผ่านเว็บ และอื่นๆ อีกมากมาย

อย่างไรก็ดีหลายคนก็ยังไม่ชอบการอ่านหนังสือสักเท่าไรนัก ดังนั้นในโพสนี้ผมจะมาแชร์เคล็ดลับในการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนรักการอ่านครับ

Photo by Road Trip with Raj on Unsplash

ทั้งนี้เคล็ดลับพวกนี้มาจากประสบการณ์ของตัวผมเอง อาจจะได้ผลหรือไม่ได้ผลกับคนอื่นๆ ก็ได้นะครับ แต่ผมเชื่อว่าน่าจะเกิดประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อย

1. อ่านเรื่องที่ตนเองสนใจ

ผมเชื่อว่าทุกคนก็น่าจะเป็นเหมือนผม นั่นคือถ้าอ่านอะไรที่ผมไม่ได้รู้สึกสนใจ ผมจะรู้สึกเบื่อ และปิดหนังสือหลังจากอ่านไปไม่ได้นาน

ดังนั้นเคล็ดลับที่สำคัญคือ อ่านเรื่องที่ตนเองสนใจก่อน ในส่วนนี้ไม่จำกัดเลยว่าจะเป็นหนังสือความรู้ต่างๆ นิยาย การ์ตูน นิตยสาร หรือหนังสืออะไร ขอแค่ให้ลองอ่านก็พอครับ

เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น?

สาเหตุคือมีโอกาสที่เวลาที่เราอ่านอะไรที่เราชอบแล้ว มันจะไปกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเราขึ้นมา ทำให้เราเกิดความสนใจใหม่ขึ้นมาด้วย ความสนใจของเราจะกว้างขึ้น ทำให้หนังสือที่เราอยากจะอ่านมีจำนวนมากขึ้นด้วยครับ

ยกตัวอย่างเช่น

สมัยผมเด็กๆอายุประมาณ 7-8 ขวบ ผมชอบอ่านการ์ตูนสามก๊กมาก (แบบมังงะ 15 เล่มใหญ่ที่เขียนโดยมิตสึเทรุ โยโกยามะ) ผมอ่าน 15 เล่มนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายต่อหลายรอบ จนสุดท้ายคิดว่าลองอ่านแบบเต็มๆ เลยดีกว่า ผมก็เลยไปซื้อหนังสือสามก๊กของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) มาอ่านจนจบ

พออ่านสามก๊กของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) จบแล้ว ผมเริ่มชินกับหนังสือยาวๆ มากขึ้น และสงสัยด้วยว่า หลังจากสามก๊กเกิดอะไรขึ้นกับแผ่นดินจีนบ้าง

หลังจากนี้ก็ยาวเลย ผมไล่อ่านประวัติศาสตร์จีนตั้งแต่ต้นจนจบ อย่างหนังสือ “ประวัติศาสตร์จีน” ของอ.ทวีป วรดิลกที่ยาวเป็นพันๆ หน้าก็อ่านจบมาแล้ว พอโตขึ้นอ่านภาษาอังกฤษได้คล่องก็เริ่มอ่านหลักฐานชั้นต้นที่แปลเป็นภาษาอังกฤษอีก

สรุปง่ายๆ คือที่มาในการอ่านหนังสือประวัติศาสตร์จีนของผมมาจากการ์ตูนสามก๊กนั่นเองครับ มันได้จุดไฟแห่งการอ่านให้ผม และผมก็อ่านต่อๆ กันไปเรื่อยตามความสนใจที่เพิ่มพูนขึ้น ทำให้ผมกลายเป็นนักอ่านประวัติศาสตร์จีนตัวยงไปในที่สุด

2. หาแรงบันดาลใจอื่นในการอ่าน

การเป็นคนรักการอ่านไม่จำเป็นจะต้องเริ่มต้นมาจากการอ่านเสมอไป เพราะอะไร?

เพราะบางครั้ง เราได้แรงบันดาลใจในการอ่านอะไรสักอย่างหนึ่งมาจากสิ่งอื่นๆ อาทิเช่น คลิปวิดิโอ ภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือแม้กระทั่งเกม สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้เราสนใจที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติม และสุดท้ายก็ลงเอยที่การอ่านจนได้

ยกตัวอย่างเช่น

ในตอนเด็ก ผมชอบภาพยนตร์หรือหนังแนว Sci-fi มาก เท่าที่จำได้เรื่องที่ชอบที่สุดในช่วงนั้นคือ Deep Impact และ Armageddon หรือพูดง่ายๆ เรื่องดาวหางหรืออุกกาบาตชนโลกนั่นแหละครับ

ตอนที่ดูนี่สงสัยหลายอย่าง ทำไมต้องใช้วิธีโน้นวิธีนี้ในการทำลายอุกกาบาต ทำไมอุกกาบาตต้องชนโลก และอะไรอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งพอถามใครก็ไม่มีใครสามารถตอบได้ สุดท้ายลงเอยด้วยการซื้อหนังสือเกี่ยวกับอวกาศมาอ่านครับ หลังจากนั้นความสนใจในอวกาศของผมก็เริ่มต้นขึ้น ผมเลยอ่านหนังสือเกี่ยวกับอวกาศได้อย่างสบายๆ ไม่เบื่อ ทั้งๆ ที่ไม่เคยสนใจมาก่อนเลย

ที่เด็ดที่สุดคือ การอ่านทำให้ผมรู้ด้วยว่าในภาพยนตร์มันโม้สุดๆไปเลย และขัดกับหลักฟิสิกส์โน่นนี่ตั้งมากมาย

3. ลองอ่านแล้วไม่ชอบก็อย่าฝืน

หลายท่านอาจจะอยากอ่านหนังสือให้ได้สักเล่มหนึ่ง แต่พบว่าอ่านแล้วไม่สนุกเลย หรือไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ หรืออ่านแล้วหลับ ผมแนะนำว่าอย่าไปฝืนครับ จริงๆแล้วไม่ใช่ความผิดของเราเลยที่เราไม่ชอบหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะแนวทางหรือรูปแบบของหนังสืออาจจะไม่ใช่สำหรับเราก็เป็นได้ ทำให้เราอ่านแล้วรู้สึกเบื่อ

ตัวผมเองก็เป็นอยู่บ่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น

ผมอยากอ่านรามายณะมากและเห็นฉบับที่เขียนโดย Ramesh Menon ได้รีวิวดีมากๆ ใน Amazon ผมเลยซื้อมาอ่าน แต่พออ่านเข้าจริงๆ ผมกลับรู้สึกว่าน่าเบื่อ เพราะไม่ชอบวิธีที่เขาเล่าเรื่องเลย พยายามอ่านหลายทีแล้วก็ไม่ชอบอยู่ดี ทำให้เริ่มรู้สึกว่าอ่านไปก็เสียเวลา

สุดท้ายแล้วผมเลยเลิกอ่าน เพราะไม่อยากหัวร้อนอีกต่อไป หลังจากนั้นผมเลยไปซื้อฉบับอื่นๆมาอ่านแทน ส่วนเล่มที่ไม่ชอบก็ขายต่อไปครับ

4. อ่านตามคำแนะนำของคนอื่น

หนังสือดีๆ เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่ทำให้คนๆหนึ่งรักการอ่านขึ้นมาได้ แล้วหนังสือดีๆ จะหาได้อย่างไร?

เพื่อนหรือคนรู้จักเป็นผู้แนะนำที่สำคัญครับ ลองถามพวกเขาดูว่าช่วงนี้มีอะไรน่าอ่านบ้าง เราจะได้รายชื่อหนังสือที่น่าสนใจมาประมาณนึง เพื่อที่จะนำไปหาอ่านต่อได้ครับ

หรือจริงๆ แล้วมีคนดังหลายคนที่มักจะแนะนำหนังสือที่น่าอ่านอยู่บ่อยครั้ง อาทิเช่น Bill Gates มหาเศรษฐีของโลกเป็นต้น เราสามารถนำรายชื่อหนังสือเหล่านี้มาดูต่อไปได้ครับ ว่าเล่มไหนน่าสนใจและน่าอ่านสำหรับเราบ้าง

5. เดินเล่นที่ร้านหนังสือหรือหาหนังสือในเว็บ

บางครั้งเราอาจจะรู้สึกอ่านอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อความบันเทิง หรือ พัฒนาตัวเราเอง แต่กลับไม่รู้ว่าจะอ่านอะไรดี วิธีแก้มีง่ายมากๆ ครับ

นั่นคือการไปเดินเล่นที่ร้านหนังสือนั่นเอง

หลายคนอาจจะชอบเดินช็อปปิ้งเสื้อผ้าและสิ่งอื่นๆ ใช่หรือไม่ครับ เราควรจะทำสิ่งนั้นกับหนังสือเช่นกัน ลองไปเดินดูที่ร้านหนังสือใหญ่ๆ อย่างเช่น Kinokuniya สยามพารากอน หรือ เซ็นทรัลเวิลด์ หลายๆรอบ หรือว่าไปงานหนังสือแห่งชาติได้ก็ยิ่งดี ปกหนังสือที่ผ่านตาเราไปนับพันน่าจะกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นหรือความรู้สนใจไม่มากก็น้อยครับ

นอกจากนี้ในยุคศตวรรษที่ 21 นี้ เว็บขายหนังสือออนไลน์ทั้งไทยและเทศมีหลายเว็บด้วยกัน เราสามารถใช้มือถือ Tablet หรือคอมพิวเตอร์ดูรายชื่อหนังสือพร้อมๆกันได้เป็นจำนวนมาก แถมยังซื้อได้ทันทีอีกด้วย ทำให้การสรรหาหนังสือมาอ่านง่ายมากๆครับ

ส่งท้าย

ในปัจจุบัน Victory Tale มีบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ อาหาร ท่องเที่ยวให้ทุกท่านได้อ่านนับพัน อย่าลืมติดตามต่อไปนะครับ

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwathttps://victorytale.com/about-victorytale/
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Victory Tale ผมชื่นชอบในหลากหลายสาขาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว เทคโนโลยี ไปจนถึงการลงทุน หลังจากที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ผมก็ได้เป็นนักลงทุนในหุ้น, ติวเตอร์, นักเขียน (ตีพิมพ์ไปแล้ว 3 เล่ม) และในปัจจุบันก็เป็นเจ้าของเว็บไซต์ครับ

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!