ประวัติศาสตร์โตไปไม่โกง! 5 ขุนนางจีนที่ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

โตไปไม่โกง! 5 ขุนนางจีนที่ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

ผมได้เคยนำเสนอชีวิตของประวัติของขุนนางและข้าราชการดีๆ ไปแล้วหลายท่าน อาทิเช่น เปาบุ้นจิ้น เย่ว์เฟย หรือ อีซุนซิน ในโพสนี้ พวกเขาทั้งสามเป็นตัวอย่างของบุคคลที่ “โตไปไม่โกง” อย่างแท้จริง

ในขณะเดียวกัน ตรงข้ามกับความซื่อสัตย์ก็คือ ความโกง บุคคลทั้ง 5 ที่ผมยกมาในที่นี้คือขุนนางที่มีพฤติกรรมที่ไม่น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง จะมีใครบ้างไปดูกันเลยครับ

เหอเซิน

1. เหอเซิน

เหอเซินผู้นี้เป็นขุนนางในสมัยราชวงศ์ชิง เชื่อกันว่าเขาไต่เต้าขึ้นมาเพราะว่ามีใบหน้าคล้ายกับนางสนมคนหนึ่งของเฉียนหลงฮ่องเต้

เขาผู้นี้เป็นคนฉลาดอย่างหาตัวจับยาก โดยเฉพาะในการหาวิธีต่างๆ เพื่อกอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเอง และประจบประแจงฮ่องเต้ หลายสิบปีที่อยู่ในอำนาจ เขากอบโกยจนมีทรัพย์สินมากกว่ารายได้ 15 ปี ของอาณาจักรชิงทั้งอาณาจักร!

เนื่องจากผมเคยเขียนถึงเขาผู้นี้เอาไว้แล้ว ผมขอไม่ลงรายละเอียดมากนัก แต่สุดท้ายเหอเซินก็ถูกบีบบังคับให้ฆ่าตัวตายโดยจักรพรรดิเจี๋ยชิ่ง จักรพรรดิพระองค์ใหม่ ส่วนทรัพย์สินทั้งหมดก็ถูกริบเข้าเป็นของหลวง

แต่ที่แย่ที่สุดคือ ค่านิยมการคอรัปชั่นได้แพร่กระจายไปแล้วทั่วสังคมจีนตลอดเวลาที่เหอเซินอยู่ในอำนาจ ค่านิยมนี้เองทำให้ราชวงศ์ชิงอ่อนแอลงตามลำดับ

2. หยวนไจ้

หยวนไจ้เป็นอัครมหาเสนาบดีของราชวงศ์ถังในช่วงจักรพรรดิถังสู้จง และ ถังไต้จง ช่วงเวลานี้แผ่นดินจีนอยู่ในความวุ่นวายเพราะว่ามีกบฏอันลู่ซาน ราษฎรต่างได้รับความยากลำบากอยู่แล้ว

แต่นั่นไม่ได้หยุดความโลภของมนุษย์บางคนได้

จริงๆ แล้ว หยวนไจ้ผู้นี้เป็นคนที่มีความสามารถมากหลายอย่าง ถังสู้จงแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้ตรวจการและมีหน้าที่เก็บภาษี หยวนไจ้ใช้อำนาจของเขาด้วยการเก็บภาษีของประชาชนแถบลุ่มแม่น้ำแยงซีถึงร้อยละ 80-90 เพราะเขาถือว่าประชาชนแถบนั้นยังมีฐานะร่ำรวย (พวกกบฏยังมาไม่ถึง)

ไม่ต้องสงสัยว่าหยวนไจ้ต้องมุบมิบเงินจำนวนดังกล่าวเข้ากระเป๋าตัวเอง

ต่อมาหยวนไจ้ได้ทำความสนิทสนมกับขันทีหลีฝู่กั๋ว อีกหนึ่งขันทีที่มีอำนาจมากในราชสำนักเพื่อที่จะสร้างฐานอำนาจของตนให้มั่นคงมากขึ้น จะได้สะดวกในการโกงกินต่อไป

นานวันเข้า หยวนไจ้ก็กลัวว่าเรื่องของตนที่โกงกินมากมายจะแดงออกมา เขากลัวว่าพวกขุนนางจะรายงานให้ถังไต้จง (ฮ่องเต้พระองค์ใหม่) ทราบ เขาจึงออกกฎใหม่ว่า ถ้าขุนนางจะถวายรายงานต่อฮ่องเต้ จะต้องผ่านผู้บังคับบัญชาซึ่งก็คือตัวเขาเองเสียก่อน

หลังจากนั้นหยวนไจ้ก็ยิ่งคอรัปชั่นมากขึ้น เขาเรียกเก็บค่าน้ำร้อนน้ำชาจำนวนมหาศาล และจัดการกับขุนนางและข้าราชการที่ซื่อสัตย์ด้วยการไล่ออกไป และนำขุนนางที่โกงกินเข้ามารับราชการแทน

ถังไต้จงทรงทราบในการคอรัปชั่นของหยวนไจ้ แต่ก็ยังต้องการเก็บเขาไว้อยู่ พระองค์จึงทำเป็นปิดตาข้างหนึ่ง แต่สุดท้ายพระองค์ก็ทนไม่ไหว ในปี ค.ศ.777 ถังไต้จงมีรับสั่งให้จับหยวนไจ้เข้าห้องสอบสวน การสอบสวนพบว่าเขาโกงทรัพย์สินไปมหาศาล ภายในบ้านของเขามีทองคำ เงิน และพริกไทย (เครื่องเทศที่มีมูลค่ามหาศาลในเวลานั้น) จำนวนมากมายจนนับไม่หมด

ท้ายที่สุด คนโกงบ้านโกงเมืองอย่างหยวนไจ้จึงถูกนำตัวไปตัดหัวหมดทั้งตระกูล มีแต่เพียงบุตรสาวของเขาที่บวชเป็นแม่ชีเท่านั้นที่รอดชีวิต

3. สือฉง

สือฉงผู้นี้ได้สมญาบ่อยครั้งว่าเป็นผู้ที่ร่ำรวยมากที่สุดในประวัติศาสตร์จีน เขาอาศัยอยู่ในราชวงศ์จิ้นของจิ้นหวู่ตี้ (สุมาเอี๋ยน)

สุมาเอี๋ยนได้ออกกฎหมายผ่อนปรนโทษทัณฑ์ทั้งหลายลง ทำให้พวกขุนนางฉวยโอกาสนี้คอรัปชั่นเพื่อที่จะแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวเองให้ได้มากที่สุด สือฉงเป็นหนึ่งในขุนนางดังกล่าว

ตัวสือฉงเป็นเจ้าเมืองจิงโจว แต่แสวงหาประโยชน์เข้าตัวด้วยการส่งคนไปดักรอที่บริเวณเส้นทางสำคัญที่พวกพ่อค้ามักจะเดินทางผ่าน (จิงโจวอยู่ตรงกลางของแผ่นดินทำให้พ่อค้ามีมาก) คนของสือฉงปล้นชิงทรัพย์สินของพ่อค้ามามอบให้กับสือฉง ทำให้สือฉงร่ำรวยมหาศาลอย่างที่หาใครเทียบเทียมได้

นอกจากนี้ยังไม่ต้องสงสัยว่า สือฉงฉ้อราษฎร์บังหลวงด้วยอีกหลายวิธีมากมาย ซึ่งทุกวิธีเป็นการขูดรีดราษฎรทั้งสิ้น สือฉงเคยอวดความร่ำรวยของตนด้วยการแข่งความรวยกับหวางไข่ พระญาติของจิ้นหวู่ตี้มาแล้ว

ท้ายที่สุดสือฉงก็ตายเหมาะถูกซุนซิว คู่ปรับของเขาใส่ความว่าเป็นกบฏ เขาต้องรับโทษดังกล่าวพร้อมกับครอบครัว

4. เหยียนซง

อีกหนึ่งมหากังฉินผู้โกงสะบั้นหั่นแหลกในแผ่นดินจีน เขาดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการระดับสูงในราชวงศ์หมิง เขาจึงฉวยโอกาสนั้นใช้หน้าที่การงานในการแสวงหาประโยชน์เข้าตัว

เหยียนซง

วิธีการคอรัปชั่นที่เขาชอบมากที่สุดก็คือ ขายตำแหน่งในราชสำนัก กล่าวคือเขาจะเสนอชื่อผู้ที่สินบนเขาให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ใครจ่ายเยอะ เหยียนซงก็จะจัดการให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวทันที แม้กระทั่งตำแหน่งแม่ทัพที่ซื้อขายกันในเงิน 300-700 ตำลึง เงินแบบนี้แน่นอนว่าหามาง่ายดีเพราะใครๆ ก็อยากได้อำนาจ นานวันเข้าเหยียนซงก็ซื้อขายตำแหน่งพวกนี้อย่างเปิดเผย เพราะไม่มีใครทานอำนาจของเขาได้อีก

อีกวิธีหนึ่งที่เหยียนซงโปรดปรานมากๆ ก็คือโกงเงินจากกองทัพ เขายักยอกเงินที่ใช้ในการป้องกันชายแดนมาเป็นของตนเอง กองทัพหมิงจึงอ่อนแอลง ในขณะที่เหยียนซงและบุตรชายรวยขึ้นทุกวัน

มีเรื่องเล่าว่า ลูกชายของเหยียนซงเคยพูดขึ้นว่า “ทำไมท้องพระคลังถึงจนเช่นนี้”

แต่สุดท้ายแล้วเหยียนซงก็ไม่รอด เขาถูกไล่ออกจากตำแหน่งและริบทรัพย์สินทั้งหมด เหยียนซงตายอย่างจนกรอบตอนอายุได้ 87 ปี

5. เหลียงจี้

เหลียงจี้ผู้นี้เป็นขุนนางในราชวงศ์ฮั่นตะวันออก น้องสาวของเขาได้เป็นหวงโฮ่ว (ฮองเฮา) ของฮั่นซุ่นตี้ เหลียงจี้จึงเริ่มสร้างอิทธิพลของตนเองขึ้นมาในราชสำนักผ่านทางน้องสาว

เขาเป็นคนโหดร้าย เขาใช้วิธีสกปรกมากมายเพื่อกำจัดศัตรูทางการเมือง ทำให้อำนาจของเขามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อน้องสาวของเขาได้ขึ้นเป็นไท่โฮ่ว (ไทเฮา)

วิธีในการฟูมฟักความมั่งคั่งของเหลียงจี้ผู้นี้ไม่ยากเลย นอกจากเขาจะรับสินบนมากมายแล้ว เขายังใส่ความคนรวยมากมายด้วยข้อหาต่างๆ เพื่อที่จะได้จับพวกเขามาตัดหัว และริบทรัพย์สินมาเป็นของตัวเอง

นอกจากนี้เหลียงจี้ยังบังคับให้ราษฎรจำนวนมากมาเป็นทาสรับใช้ของตัวเขาอีกด้วย

เหลียงจี้เริ่มแสดงท่าทีว่าเขาอยากเป็นฮ่องเต้ เขาเริ่มใช้วิธีของหวางหมั่งในการแย่งชิงบัลลังก์ ตั้งแต่ให้ฮ่องเต้มอบอภิสิทธิ์ของตนมากมาย เช่น ให้เขานั่งอยู่เหนือขุนนางทั้งปวงเป็นต้น ตัวเขาเองก็ทำตัวเทียมฮ่องเต้มากขึ้นตามลำดับ

ฮั่นหวนตี้ ฮ่องเต้ทรงเห็นเช่นนั้นก็ไม่ทรงปล่อยเหลียงจี้ไว้อีกต่อไป พระองค์ชิงลงมือก่อนด้วยการส่งทหารองครักษ์เข้าคุ้มกันพระราชวัง และส่งทหารอีกกองหนึ่งบุกเข้าไปล้อมที่บ้านเหลียงจี้

เหลียงจี้เห็นว่าตนเองพ่ายแพ้แล้ว เขาจึงเชือดคอตาย ฮั่นหวนตี้จึงให้ประหารชีวิตตระกูลเหลียงจนหมดสิ้น ข้าราชการจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับเหลียงจี้ถูกสังหารไปด้วยมากมาย ทรัพย์สินทั้งหมดทุกยึดเข้าคลังหลวง

ทรัพย์สินของเขามีมากพอที่ราชสำนักจะสั่งให้ลดเก็บภาษีประชาชนไปได้ถึง 50% ในปีนั้น ลองคิดกันเองครับว่าเงินของเขามากมายเพียงใด

บทความประวัติศาสตร์

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!