ประวัติศาสตร์คดีเสริม-เจนจิรา: ความหึงหวงที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม

คดีเสริม-เจนจิรา: ความหึงหวงที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม

การใช้ความรุนแรงเพราะพิษรักแรงหึงปรากฏอยู่บ่อยครั้งในสังคมไทย ข่าวฆ่ากันตายเพราะความหึงหวงมีอยู่เนืองๆ แม้กระทั่งในหมู่ปัญญาชนระดับสูงของประเทศอย่างอาชีพแพทย์ก็ตาม

คดีที่ว่าเกิดกับนักศึกษาแพทย์ชายคนหนึ่งชื่อ “เสริม” และนักศึกษาแพทย์หญิงชื่อ “เจนจิรา”

ปูมหลังของเสริม

เสริมเกิดในครอบครัวชนชั้นกลาง ตั้งแต่เด็กเสริมถูกกดดันอย่างหนักจากบิดาของเขา บิดาของเขาชอบใช้อำนาจในครอบครัวราวกับว่าเป็นเผด็จการ เขาเข้มงวดและบังคับเสริมทุกอย่างมาตั้งแต่เด็ก เสริมจึงเติบโตขึ้นเป็นชายที่มีความเคร่งขรึม เงียบ และเก็บกด ดูเหมือนว่าเขาคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา

ถึงกระนั้นพระเจ้าก็ได้ประทานพรสวรรค์ให้กับเสริม เขาเป็นคนที่เรียนดีเรียนเก่ง บิดามารดาของเขาก็สนับสนุนด้วยการนำเขาไปเรียนโรงเรียนกวดวิชาหลังเลิกเรียนที่โรงเรียนทุกครั้ง เสริมจึงสอบเทียบหลายครั้งทำให้ผ่านระดับมัธยมศึกษาอย่างรวดเร็ว เขาสอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี พ.ศ 2536 ในขณะนั้นเสริมอายุได้เพียง 15 ปี

การสอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ของเสริมไม่ได้สร้างความดีใจให้ผู้เป็นพ่อเลยแม้แต่น้อย เพราะพ่อของเขาอยากให้เสริมเป็นหมอ แต่ตัวเสริมอยากเป็นวิศวกร ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นตัวเลือกเดียวในการสอบเอ็นทรานซ์

ผลที่ตามมาคือ พ่อของเสริมทราบเรื่องในภายหลังและโกรธมาก เขาทุบตีเสริมอย่างหนัก และสั่งว่าในปีหน้าให้ไปเอ็นทรานซ์ใหม่เพื่อเข้าคณะแพทยศาสตร์ให้จงได้ การใช้ความรุนแรงของพ่อต่อเสริมตั้งแต่เขายังเป็นเด็กทำให้จิตใจของเสริมโหดเหี้ยมมากขึ้นทีละน้อย

มารดาของเสริมสงสารเสริม เธอจึงทำเป็นบอกบิดาของเสริมว่า เสริมหนีออกจากบ้าน แต่จริงๆ แล้วเธอส่งเสริมไปอยู่หอ และเรียนที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ตามที่เสริมต้องการ พ่อของเสริมโกรธเสริมมากที่หนีออกจากบ้าน เขาจึงประกาศตัดพ่อตัดลูกกับเสริม

เสริมเป็นคนเรียนเก่ง ในเวลา 4 ปี เสริมก็ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรสมใจ เขาเรียนจบเป็นวิศวกรอย่างที่ใจต้องการ

พบเจอกับเจนจิรา

ระหว่างที่เสริมกำลังเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์อยู่นั้น เสริมได้รู้จักกับ เจนจิรา ในโบสถ์แห่งหนึ่ง (ทั้งสองเป็นคริสต์) ทั้งสองได้มีโอกาสพูดคุยกันหลังจากเจอกันในโบสถ์หลายครั้ง ในเวลาต่อมาก็ได้คบหาเป็นเพื่อนกัน และสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ

ในช่วงแรกนั้นเสริมเล่าว่า ความสัมพันธ์ของเขาและเจนจิราเหมือนกับเพื่อนสนิท แต่ความเป็นเพื่อนเริ่มพัฒนาเป็นความรัก โดยเขารู้สึกว่าเขา “แคร์” ในตัวเจนจิรามากขึ้นเรื่อยๆ และมีความรู้สึกหึงหวงเธอ ในวันวาเลนไทน์ เสริมนำดอกไม้ไปให้เธอ ถึงแม้ทั้งสองจะยังไม่ตกลงเป็นแฟนกันก็ตาม

ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีชือเรียก “เพื่อน” ก็ไม่ใช่ “แฟน” ก็ไม่เชิง เสริมให้สัมภาษณ์ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ทั้งสองเข้าใจโดยไม่ต้องพูดออกมา

เมื่อเสริมกำลังเรียนจบ บิดาของเสริมกลับป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย บิดาของเสริมพร่ำเพ้อตลอดว่า “อยากให้เสริมเป็นหมอ” แม่ของเขาจึงบอกเรื่องนี้ให้เสริมทราบ และขอร้องเขาให้ทำตามความหวังของบิดาเป็นครั้งสุดท้าย

เสริมไม่รักบิดาเท่าใดนัก ในตอนแรกเสริมจึงปฏิเสธที่จะกลับไปสอบเข้าคณะแพทย์ หากแต่ว่ามารดาขอร้องเสริมอย่างหนัก และขอให้เขาทำเพื่อแม่ เสริมรักมารดามาก และในใจเองก็อยากมีแฟนเป็นหมอแบบเจนจิรา เขาจึงตัดสินใจกลับไปสอบเอ็นทรานซ์ใหม่ เพื่อเข้าคณะแพทย์ตามที่มารดาต้องการ ผลที่ออกมาคือ เสริมสอบติดคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อย่างที่ปรารถนา

หลังจากที่เสริมสอบเข้าแพทย์ได้สำเร็จ เสริมก็ได้เป็นแฟนกับเจนจิราอย่างเป็นทางการ

ครอบครัวของเจนจิรามีปัญหาไม่ต่างไปจากเสริม บิดามารดาของเธอแยกทางกัน โดยมารดาของเธอย้ายไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอจึงจำต้องอาศัยอยู่กับญาติ ทำให้เธอขาดความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็ก

ดังนั้นเมื่อเจนจิรามีแฟน และความสัมพันธ์พัฒนาขึ้น เธอจึงพักอยู่กับเสริมในห้องเดียวกัน เจนจิราเป็นนักศึกษาแพทย์ปีที่ 5 ทำให้ต้องขึ้นวอร์ด ภาระหน้าที่จึงยุ่งไม่น้อย เธอจึงอยู่หอบ้าง กลับบ้านตนเองบ้าง และอยู่กับเสริมบ้าง แต่เธอก็อยู่กับเสริมเป็นส่วนใหญ่ (3-4 วันจาก 7 วัน)

มือที่สาม

หากแต่ว่าเมื่อทั้งสองคบกันไปนั้น เสริมเริ่มรู้สึกว่าเจนจิราเปลี่ยนไป เธอมักจะ “ไม่ว่าง” บ่อยครั้งขึ้น เสริมเล่าว่าในสัญชาตญาณนั้นเขารู้สึกว่ามันจะต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน

เสริมเล่าว่าเจนจิรามาถามเสริมแปลกๆ ว่า ถ้าเพื่อนผู้หญิงของเสริมมีแฟนอยู่แล้ว แต่ว่ากลับไปชอบผู้ชายอีกคนหนึ่งจะทำอย่างไรดี

เสริมเล่าว่าเขาตอบเธอไปว่า “ก็คงแล้วแต่ผู้หญิงคนนั้น” แต่ในใจของเขาเริ่มรู้สึกระแวงขึ้นมา ว่าเจนจิราอาจจะเป็นผู้หญิงคนนั้นเสียเอง

มีอยู่วันหนึ่ง เสริมนัดเจนจิราไปเที่ยวด้วยกัน แต่เจนจิรากลับไม่มาตามนัด เสริมรู้สึกสงสัยจึงเช็คเพจเจอร์ที่ใช้ร่วมกันเพื่อดูว่าเจนจิราส่งข้อความอะไรมาหาเขาหรือไม่ สิ่งที่เสริมพบทำให้เขาถึงกับตะลึงงันไป

เขาพบข้อความของผู้ชายคนหนึ่ง เป็นข้อความที่โรแมนติกมากส่งถึงเจนจิรา และสาเหตุที่เธอมาตามนัดไม่ได้นั่นก็เพราะเธอไปดูหนังกับเขานั่นเอง!

เสริมจึงย้อนคิดไปว่า ก่อนหน้านี้เจนจิราเล่าให้เสริมฟังว่าได้รู้จักรุ่นพี่คนหนึ่งที่ให้คำปรึกษาดีมาก ชายที่เจนจิราไปดูหนังด้วยจึงน่าจะเป็นรุ่นพี่คนนี้นั่นเอง หลังจากนั้นเสริมก็ทำการขุดคุ้ยหาความสัมพันธ์ของทั้งสอง เขาให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า เขามีหลักฐานว่าทั้งสองไปทำอะไรกันมากกว่าดูหนัง

เมื่อพบหน้าเจนจิรา เสริมถามเธอว่าเธอไปไหนมา เธอตอบว่าไปกินข้าวและดูหนังกับรุ่นน้องที่ไม่เจอกันนาน เสริมได้ฟังคำตอบก็รู้ทันทีว่าเธอโกหก และโกรธมาก เขาจึงระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างแรงใส่เจนจิรา เสริมเล่าว่าเขารู้สึกโกรธมากจากการที่เธอไม่ยอมรับ ถ้าเธอยอมรับในวันนั้น อย่างมากเหตุการณ์ในวันนั้นก็น่าจะเป็นเพียงการเลิกรากันไป แต่การที่เธอไม่ยอมรับ ทำให้เขารู้สึกโกรธมาก เขาเล่าว่าเขาควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาเกิดความรู้สึกอยากฆ่าเธอขึ้นมา

การหายตัวไปของเจนจิรา

หลังจากนั้นไม่นาน ในวันที่ 30 มกราคม 2541 บิดามารดาของเจนจิราได้เข้าแจ้งความว่าบุตรสาวหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2541 พร้อมกับรถยนต์ของเธอ ทั้งสองบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า พวกเขาเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายกับบุตรสาว และคนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือ เสริม เพราะเสริมได้แสดงความห่วงใยอย่างผิดสังเกต

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้นำตัวเสริมมาสอบสวน ซึ่งเสริมก็ได้มาตามคำสั่ง เสริมให้การว่าเขาได้ทะเลาะกับเจนจิราที่ห้างเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์จริง แต่ก็แยกย้ายกันกลับ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเสริมให้การเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยจำต้องปล่อยตัวเสริมไป แต่ทางตำรวจได้แอบให้เจ้าหน้าที่บางคนติดตามเสริมไว้ตลอดเวลา

ชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบพฤติกรรมของเสริมก่อนหน้านั้น และพบว่าเสริมไปล้างรถยนต์ที่บ้านเพื่อนเป็นชั่วโมง และวันต่อมาก็เผาสิ่งของบางอย่างที่บ้าน พฤติกรรมของเสริมจึงมีพิรุธอย่างยิ่งว่าจะทำการอำพรางอะไรสักอย่างหนึ่ง

ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบรถของนายเสริม และพบกับกระดุม คราบเลือด และผมผู้หญิง ตำรวจเข้าจับกุมเสริมในข้อหาฆาตกรรม ฝ่ายเสริมเห็นว่าคงจะปฏิเสธต่อไปอีกไม่ได้ เขาจึงยอมรับสารภาพว่าได้ฆาตกรรมเจนจิราจริงๆ แต่ก็ยังคงไม่วายแต่งเรื่องโกหกหลอกตำรวจ ในเรื่องวิธีฆาตกรรมเจนจิรา เสริมบอกตำรวจว่า เขาบีบคอเจนจิราจนสิ้นชีวิตโดยไม่ตั้งใจ และใช้วิธีอำพรางศพด้วยการตัดเนื้อลงชักโครกที่โรงแรมแห่งหนึ่ง (คล้ายๆกับเคสหมอวิสุทธิ์)

ปรากฏว่าตำรวจได้ไปตรวจสอบแล้วไม่พบกับเศษชิ้นเนื้อตามที่เสริมอ้างแต่อย่างใด

ตำรวจจึงนำเสริมเข้าเครื่องจับเท็จ และพิสูจน์ได้ว่าเสริมโกหก คดีไปถึงชั้นศาล ซึ่งเสริมก็ต่อสู้คดีกับฝ่ายอัยการ ในชั้นศาล เสริมกลับปฏิเสธที่จะยอมรับสารภาพ ถึงแม้ว่าได้ยอมรับสารภาพไปในชั้นสอบสวนแล้วก็ตาม

ทว่าเรื่องประหลาดกลับเกิดขึ้น

เพื่อนของเสริมได้แจ้งตำรวจว่า มีงูเหลือมขนาดใหญ่อยู่ในบ้าน ขอให้ตำรวจมาช่วยจับออกไปหน่อย ตำรวจจึงมาที่บ้านพักของเพื่อนคนนั้นเพื่อทำการจับงู แต่งูกลับเลี้อยหนีไปที่ฝ้าเพดานใต้หลังคา ตำรวจจับงูได้สำเร็จ แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้มองเห็นถุงดำที่ใส่ของวางตั้งอยู่ด้วย ในถุงนั้นมีสิ่งของเครื่องใช้ของเจนจิรานั่นเอง สิ่งนี้เป็นหลักฐานมัดตัวเสริมให้หนักขึ้น

หลังจากนั้นความจริงก็ปรากฏว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ความจริงที่เกิดขึ้น

ในวันที่เสริมพบหน้าเจนจิรา เสริมควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เพราะความหึงหวง เขาจึงเกิดความคิดจะฆ่าเธอ เสริมล่อลวงเจนจิราไปที่คอนโดของเขา และที่นั่นทั้งสองก็ได้มีปากเสียงกันอีกอย่างรุนแรง

เสริมรู้สึกโกรธสุดขีด เขาจึงใช้ปืนพกที่เขาเก็บไว้ในห้องยิงเจนจิราทันทีหลังจากที่เธอเปิดประตูห้องน้ำออกมา เมื่อยิงเธอจนสิ้นชีวิตแล้ว เสริมเล่าว่าเขานั่งมองศพอยู่นานและร้องไห้เสียใจ ต่อมาเขาเริ่มทำการอำพรางศพเธอด้วยการใช้มีดทำครัวตัดศพเธอ แล้วทิ้งลงชักโครก ส่วนกระโหลกศีรษะของเธอ เสริมนำไปทิ้งที่แม่น้ำบางปะกง

ตำรวจได้ทำการตรวจสอบก็พบว่าเป็นชิ้นส่วนเนื้อเยื่อเป็นของเจนจิราจริงๆ ต่อมาตำรวจก็ได้พบกระโหลกศีรษะของเจนจิราที่เสริมนำไปทิ้งจากการทอดแหของชาวประมงในย่านนั้น

หลักฐานเหล่านี้มัดตัวเสริมให้ดิ้นไม่หลุด แต่เป็นที่น่าสนใจคือทำไมเสริมถึงต้องหลอกลวงเจ้าหน้าที่ สาเหตุที่เป็นไปได้ก็คือ เขาต้องการประวิงเวลา, หลีกเลี่ยงข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา, หรือทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีหลักฐานในการเอาผิดตน

เสริมถูกศาลตัดสินให้ประหารชีวิต แต่ลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต สุดท้ายเสริมจำคุกจริงๆ ไม่นานนัก ในปัจจุบันเขาพ้นโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!