ประวัติศาสตร์รัสเซียครอบครัวซาร์การเดินทางสู่ "ทาบอสค์" ที่เกือบจะไม่ราบรื่นของครอบครัวซาร์ (7)

การเดินทางสู่ “ทาบอสค์” ที่เกือบจะไม่ราบรื่นของครอบครัวซาร์ (7)

คืนวันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ.1917 ครอบครัวซาร์ทั้งหมดตั้งแต่ นิโคลัสและอเล็กซานดราไปจนถึงสี่สาวและอเล็กเซย์ต่างรออย่างใจจดใจจ่อ ทุกคนกำลังรอให้ถึงเที่ยงคืนตามกำหนดการ เพื่อที่จะออกเดินทางไปยังสถานที่ในไซบีเรียที่ทุกคนยังไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน

ระหว่างที่ทุกคนกำลังรออยู่ ทหารห้าสิบนายได้รับคำสั่งให้แบ่งข้าวของของครอบครัวซาร์ไว้ที่ห้องแถวรูปครึ่งวงกลม ต่างคนต่างปฏิเสธที่จะแบกของโดยปราศจากค่าจ้าง แบงค์เคนดอร์จำต้องจ่ายเงินสามรูเบิลเป็นค่าปิดปากทหารเหล่านี้ พวกทหารจึงยอมแบกกระเป๋าดังกล่าวในที่สุด แต่ยังไม่วายบ่นโน่นบ่นนี้ไม่หยุดระหว่างที่ยกกระเป๋า

เมื่อเที่ยงคืนมาถึง ทุกคนก็ยังไม่ออกจากพระราชวังอเล็กซานเดอร์เสียที ความล่าช้าที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไรกันแน่?

สถานีรถไฟแห่ง Tsarskoye Selo ที่ทุกคนจากบ้านไปตลอดกาล

ปัญหากับพวกคนงาน

จริงๆแล้วคีเรนสกี้ได้นัดรถไฟให้มาถึงในเวลาตีหนึ่ง เพื่อที่ครอบครัวโรมานอฟจะได้ออกเดินทาง แต่ปัญหากลับเกิดขึ้นเสียก่อน

พวกคนงานที่คีเรนสกี้สั่งไว้ให้เชื่อมรถไฟแต่ละคันเข้าด้วยกันกลับไม่ยอมทำตามคำสั่ง พวกเขาสงสัยว่ารถไฟขบวนนี้กำลังจะเดินทางไปที่ใดกันแน่ พวกแรงงานถกเถียงกันยกใหญ่ บางคนก็พูดคุยโทรศัพท์อยู่กับใครสักคน (อาจจะเป็นพวกสภาแรงงาน) คีเรนสกี้เองต้องโทรมาสั่งการด้วยตัวเองหลายครั้ง เพื่อให้จัดการขบวนรถได้สักที

สาเหตุหนึ่งที่พวกคนงานสงสัยคือ ขบวนรถนี้เป็นขบวนรถที่หรูหรามากกว่าปกติที่คนทั่วไปจะใช้ มันประกอบด้วยรถนอนชั้นหนึ่งของบริษัท International Sleeping Car Company รถเสบียงที่ภายในรถมีไวน์จำนวนมากที่เคยเก็บไว้ในคลังหลวงของราชสำนัก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้หรูหราเท่ารถไฟเก่าที่ครอบครัวซาร์เคยใช้ แต่ก็ถือว่าหรูหราเกิดคนธรรมดาสามัญ

ดังนั้นพวกคนงานจำนวนมากที่เป็นฝ่ายปฏิวัติต่างแคลงใจว่า มีความพยายามที่จะให้ครอบครัวซาร์ออกไปจากพระราชวังอเล็กซานเดอร์ พวกเขาจึงพยายามขัดขวางเอาไว้

กว่ารถจะเดินทางมาถึงสถานีซาร์โคโย ซีโล (Tsarskoye Selo) ก็เป็นเวลาตีสามแล้ว นับว่าช้ากว่ากำหนดถึงสองชั่วโมง นอกจากนี้ยังต้องมีการนำข้าวของที่นำไปด้วยขึ้นรถไฟอีกนานถึงสองชั่วโมง ทำให้กว่ารถไฟจะพร้อมออกเดินทางก็ปาเข้าไปตีห้าของเช้าวันใหม่แล้ว

การดีเลย์สร้างความกังวลใจอย่างมากต่อครอบครัวโรมานอฟ สี่สาวโรมานอฟ โอลกา ทาเทียน่า มาเรีย และอนาสตาเซีย ร้องไห้อย่างมากมาย ส่วนอเล็กซานดราก็เห็นได้ชัดเจนว่าตื่นตระหนก และมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

ในเวลาตีห้าครึ่ง คีเรนสกี้เดินทางมาถึงและแจ้งให้นิโคลัสทราบว่า ขบวนรถพร้อมแล้ว นิโคลัสและครอบครัวจึงเดินทางมายังสถานีพร้อมกับอำลาข้าราชบริพารที่ไม่ได้ตามไปด้วยน้ำตานองหน้า

สถานีรถไฟดังกล่าวในปัจจุบัน By Harveyqs – Own work, CC BY-SA 4.0,

หลังจากนั้นไม่นาน รถไฟก็เดินทางออกไปอย่างช้าๆ และนำครอบครัวโรมานอฟออกจาก “บ้าน” ที่พวกเขารักที่สุด นิโคลัสเขียนในไดอารี่ของเขาว่าในวันนั้นดวงอาทิตย์ที่ขึ้นสู่ขอบฟ้าสวยมาก

ช่วงเวลานั้นเอง แบงค์เคนดอร์ได้ถามคีเรนสกี้ว่า เขาคิดว่าครอบครัวโรมานอฟจะอยู่ที่นั่นนานเท่าใด คีเรนสกี้ตอบว่า หลังจากที่มีการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญในเดือนพฤศจิกายน เขาเชื่อว่านิโคลัสจะกลับมาอาศัยอยู่ที่พระราชวังอเล็กซานเดอร์ หรือว่าที่ไหนก็ได้ตามที่ใจของเขาปรารถนา

นั่นเป็นสิ่งที่คีเรนสกี้คาดไว้ แต่ความเป็นจริงคืออีกเรื่องหนึ่ง นิโคลัสไม่มีวันกลับมาเหยียบพระราชวังอเล็กซานเดอร์อีกแล้ว ส่วนตัวคีเรนสกี้เองก็ต้องหนีตายด้วยเช่นกัน

เส้นทางสู่ทาบอสค์

ก่อนที่จะออกจากสถานีไปนั้น คีเรนสกี้ได้ฝากฝังให้ครอบครัวซาร์อยู่ในการดูแลของพันเอกโคบีลินสกี้ ตัวคีเรนสกี้เองเรียกทหารที่จะคอยคุ้มกันครอบครัวโรมานอฟทั้งหมดมาและกล่าวว่า

พวกคุณเคยคุ้มกันครอบครัวของจักรพรรดิที่นี่ ตอนนี้พวกคุณจะต้องไปคุ้มกันต่อไปที่ทาบอสค์ สถานที่ที่พวกเขาถูกส่งตัวไปตามคำสั่งของรัฐบาลชั่วคราว จำไว้อย่าทำร้ายผู้ที่เขาล้มลงแล้ว จงมีความเป็นสุภาพบุรุษ อย่าเป็นคนถ่อย อย่าลืมว่าเขาเป็นอดีตจักรพรรดิ และเขาและครอบครัวไม่ควรจะต้องเผชิญความยากลำบาก

คีเรนสกี้เป็นนักพูดที่ดีคนหนึ่ง หลังจากนั้นทหารเหล่านี้จึงประพฤติตัวต่อครอบครัวซาร์ดีขึ้นมาก

ทหารเหล่านี้มีจำนวน 330 นาย เกือบทั้งหมดขึ้นรถขบวนที่สองติดตามครอบครัวซาร์ไปติดๆ ส่วนพันเอกโคบีลินสกี้และทหารอีกจำนวนหนึ่งขึ้นรถไฟไปกับครอบครัวซาร์

ในหมู่ข้าราชบริพารที่ตามมาด้วยนั้นมี แพทย์ คนขับรถสองคน คนงานสิบคน นางกำนัลหกคน เชฟสามคน ผู้ช่วยเชฟสี่คน เสมียน ช่างทำผม พนักงานต้อนรับและพนักงานดูแลไวน์อย่างละหนึ่งคน

ขบวนรถที่นำพวกเขาเหล่านี้ไปยังทาบอสค์นั้นดูเผินๆ จากภายนอกย่อมไม่มีทราบว่าครอบครัวโรมานอฟอาศัยอยู่ด้านใน เพราะว่าคีเรนสกี้สั่งให้นำธงชาติญี่ปุ่น และป้ายปิดว่า “Japanese Red Cross Mission” มาแปะเอาไว้ แน่นอนว่าเพื่อไม่ให้คนภายนอกสงสัย

กิจวัตรประจำวันของครอบครัวโรมานอฟบนรถไฟเป็นไปอย่างทั่วไป และไม่มีอะไรพิเศษ นอกจากรับประทานอาหารและพักผ่อน แต่ที่เด่นๆ ของวันคือ ในเวลาประมาณหกโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่ม รถไฟจะหยุด “กลางป่า” เพื่อให้นิโคลัสและครอบครัวได้เดินเล่นกับสุนัขสองตัว จอย และออติโป ที่พวกเขานำมาด้วย เหล่าสี่สาวก็จะเก็บดอกไม้เล่นกันอย่างมีความสุข

ทุกคนยินดีอย่างยิ่งที่ได้ออกไปนอกรถไฟบ้าง ยกเว้นอเล็กซานดราคนเดียวที่นั่งนิ่งอยู่บนรถไฟ เธอป่วยและกังวลเกินกว่าที่จะออกไปไหนได้ แต่ใบหน้าของเธอก็ฉายแววแห่งความสุขบ้าง เมื่อมีทหารคนหนึ่งนำดอกไม้มามอบให้กับเธอ

ระหว่างนั้นโคบีลินสกี้ก็ได้บอกครอบครัวโรมานอฟทุกคนว่า พวกเขากำลังเดินทางไปที่ทาบอสค์ เมื่อได้ทราบปลายทางแล้ว ทุกคนรู้สึกสบายใจขึ้นมาก โดยเฉพาะอเล็กซานดรา เธอนอนหลับได้อย่างมีความสุขหลังจากที่เป็นกังวลมาเกือบทั้งสัปดาห์

พันเอก โคบีลินสกี้

เข้าเขตอูรัล

ด้วยการวางแผนที่ดีของคีเรนสกี้ ทำให้รถของครอบครัวซาร์เดินทางค่อนข้างราบรื่น แต่พวกเขาสั่งให้หยุดรถเป็นครั้งคราว เมื่ออเล็กซานดราได้ยินว่ารถถูกหยุดทีไร เธอจะตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง

มีอยู่ครั้งหนึ่งรถถูกหยุด ยามด้านล่างคนหนึ่งถามว่าคนในรถเป็นใคร โคบีลินสกี้จึงให้คนบอกไปว่าเป็นพวก Red Cross ที่กำลังป่วยหนักจะตายมิตายแหล่อยู่แล้ว ยามคนนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อรถเข้าเขตอูรัล (Ural) หรือบริเวณที่จะเข้าสู่ดินแดนไซบีเรียอันกว้างใหญ่ อูรัลเป็นดินแดนที่แบ่งระหว่างยุโรปกับเอเชีย ประชาชนส่วนใหญ่ของดินแดนแห่งนี้สนับสนุนการปฏิวัติ

ระหว่างที่รถอยู่ใกล้กับเมือง Perm เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกลับสั่งให้รถหยุด เพื่อตรวจสอบว่าใครอยู่บนรถ มีชายผู้หนึ่งถึงกับขึ้นมาบนรถ เคราะห์ดีที่เขาขึ้นไปในรถคันที่โคบีลินสกี้อยู่พอดี เขาบอกโคบีลินสกี้ว่าเขาเป็นหัวหน้าของคนงานรถไฟของย่านนั้น ตัวเขาและลูกน้องของเขาอยากจะรู้ว่าใครเป็นผู้โดยสารขบวนรถขบวนนี้

โคบีลินสกี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาหยิบเอกสารที่มีลายเซ็นของคีเรนสกี้ นายกรัฐมนตรีในเวลานั้นออกมาทันที ชายผู้นั้นจึงไม่พูดอะไรต่อไป เขาลงจากรถไปทันที

โชคเป็นของครอบครัวโรมานอฟ ถ้าชายผู้นั้นขึ้นผิดขบวนไปพบกับครอบครัวซาร์แล้ว เกมคงจะโอเวอร์อย่างแน่นอน

หลังจากนั้นรถก็ออกเดินทางต่อไป อากาศภายนอกหนาวลงอย่างมากเมื่อเข้าสู่เขตไซบีเรีย อเล็กซานดราและลูกๆ ทั้งห้าต่างมองดูดินแดนสองข้างทางด้วยความสนใจ มันเป็นครั้งแรกที่เจ้าหญิงจากต่างประเทศอย่างเธอเคยได้เห็นดินแดนเหล่านี้ ส่วนนิโคลัสเคยเห็นดินแดนเหล่านี้มาแล้วจากการที่เขาเคยมาทัวร์เอเชียเมื่อเกือบสามสิบปีก่อน

นิโคลัสและครอบครัวโดยสารรถไฟมาถึงสถานีสุดท้ายที่ใกล้กับทาบอสค์ที่สุด นั่นก็คือเมือง Tyumen เมืองสำคัญของเขตไซบีเรีย ทั้งหมดลงจากรถไฟอย่างเงียบๆ ในเวลาห้าทุ่มสิบห้า และเดินทางไปขึ้นเรือที่รออยู่แล้ว

ทาบอสค์เป็นเมืองที่เข้าถึงยากมากๆ มันไม่มีทางรถไฟใดๆที่เข้าถึงเมืองดังกล่าวได้ ทาบอสค์เชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้จากทางเรือที่ล่องไปตามแม่น้ำเท่านั้น นอกจากนี้ในช่วงฤดูหนาวแปดเดือนของไซบีเรีย ทาบอสค์ยังปิดตายจากโลกภายนอก ยกเว้นว่าจะเสี่ยงตายลุยหิมะและความหนาวด้วยใช้ลากเลื่อนเดินทางออกมา

จะว่าไปทาบอสค์ฟังดูเหมือนเมืองสำหรับนักโทษอย่างไรชอบกล ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรเพราะนิโคลัสและครอบครัวเองก็เป็นนักโทษ แต่ถ้ามองในแง่สถานที่หลบภัยแล้ว ทาบอสค์เป็นสถานที่หลบภัยชั้นยอด เพราะว่าไม่มีใครเข้าถึงเมืองนี้ง่ายๆ นั่นเอง

อุตสาหกรรมการประมงของ Tobolsk ในปี ค.ศ.1912

มาถึงทาบอสค์

ครอบครัวซาร์โดยสารเรือล่องแม่น้ำชื่อ รูส มายังทาบอสค์ เรือลำนี้ค่อนข้างแย่ เพราะว่านอกจากจะไม่สะอาดแล้ว เรือยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกน้อยมาก ขนาดแอนนา เดมิโดวา นางกำนัลที่ตามไปด้วยยังบ่นว่า เรือนี้คงเป็นเรือสำหรับพวกสกปรกที่ไม่ชอบล้างอะไรบ่อยนัก

เหตุการณ์ระหว่างที่อยู่บนเรือไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก มีแต่เพียงเมื่อเรือผ่านหมู่บ้าน Pokrovskoye หรือ หมู่บ้านอันเป็นบ้านเกิดของรัสปูติน สมาชิกในครอบครัวซาร์ทุกคนรวมไปถึงอเล็กซานดราต่างเดินมายังดาดฟ้าเรือ เมื่อมองดูหมู่บ้านดังกล่าว

ว่ากันว่ารัสปูตินเคยทำนายไว้ก่อนตายว่า วันหนึ่งอเล็กซานดราจะได้มาเยี่ยมเยือนบ้านของเขา ครอบครัวโรมานอฟทุกคนจึงสดับในบัดนั้นว่าคำทำนายของรัสปูตินเป็นจริงแล้ว

หมู่บ้าน Pokrovskoye บ้านเกิดของรัสปูตินในปี ค.ศ.1912

เรือใช้เวลานานถึงสองวันก็มาถึงทาบอสค์ สิ่งแรกที่นิโคลัสและครอบครัวเห็นคือ วิหารและบ้านหลายหลังที่ตั้งอยู่บนภูเขากลางเมือง รวมไปถึงป้อมปราการเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่าหนึ่งร้อยปีของเมืองอันห่างไกลแห่งนี้

เมื่อครอบครัวซาร์กำลังจะขึ้นจากเรือ โคบิลินสกี้กลับห้ามเอาไว้ก่อน และขอให้ครอบครัวซาร์อยู่ในเรือต่อไป ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

อ่านตั้งแต่ตอนแรกและติดตามตอนต่อไป ได้ใน วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ หรือติดตามตอนที่ 8 ได้ที่นี่

หนังสืออ้างอิงอยู่ ที่นี่

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!