ประวัติศาสตร์คลีแมนธีย์ นากอร์นี กะลาสีเรือผู้มีหัวใจอันยิ่งใหญ่ (22)

คลีแมนธีย์ นากอร์นี กะลาสีเรือผู้มีหัวใจอันยิ่งใหญ่ (22)

เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องของกะลาสีเรือนายหนึ่ง เขาเป็นผู้ที่มีหัวใจอันยิ่งใหญ่ หนักแน่น และมั่นคง เขาเป็นเหมือนกำแพงที่ป้องกันนิโคลัสและครอบครัวเอาไว้ในช่วงเวลาอันยากลำบากที่สุดนี้ ช่างน่าเศร้าที่เขาไม่ได้รับโอกาสให้จากไปพร้อมกับเจ้านาย และตัวเขาเองก็ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แม้กระทั่งผู้สนใจในเรื่องโรมานอฟก็ตามที

กะลาสีเรือผู้นี้คือ คลีแมนธีย์ นากอร์นี

นากอร์นีกำลังอุ้มอเล็กเซย์ที่ฟินแลนด์

ความผูกพันกับอเล็กเซย์

นากอร์นี หรือ คลีแมนธีย์ กริกอริเยวิช นากอร์นี (Климе́нтий Григо́рьевич Наго́рный) มีชาติกำเนิดเป็นชาวนา เขาเกิดที่หมู๋บ้าน Pustovarovka ในปี ค.ศ.1887 บ้านเกิดของเขาอยู่ใกล้กับเมืองเคียฟ (Kiev) ซึ่งในเวลานั้นอยู่ในการปกครองของจักรวรรดิรัสเซีย

เราไม่รู้ชีวิตช่วงแรกของนากอร์นีมากนัก เรารู้แต่เพียงว่าเขาเข้ามาเป็นกะลาสีเรือบนเรือ Standart ซึ่งเป็นเรือส่วนตัวของครอบครัวโรมานอฟ ต่อมานากอร์นีก็ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยของเดเรเวนโก พี่เลี้ยงของอเล็กเซย์

ด้วยความที่อเล็กเซย์ป่วยเป็นฮีโมฟีเลีย เขาจึงต้องได้รับการดูแลอย่างพิเศษ นากอร์นีจึงต้องรับการฝึกฝนพิเศษเพื่อที่จะดูแลเด็กที่อาการเช่นนี้ เขาอุ้มอเล็กเซย์ไปที่ต่างๆ มากมาย พยายามทำให้เขามีความสุข และดูแลไม่ให้เขาเจ็บป่วย

แต่เมื่ออเล็กเซย์ล้มเจ็บด้วยโรคของเขา นากอร์นีจะอยู่ดูแลข้างกายไม่ห่าง มีอยู่ครั้งหนึ่งอเล็กเซย์ป่วยหนักมากจนไม่อาจนอนราบได้ นากอร์นีเป็นผู้พยุงเด็กชายไว้ตลอดทั้งคืน

นากอร์นีเล่นกับอเล็กเซย์และเด็กน้อยอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน

ด้วยความรักและผูกพันตลอด 4 ปี ทำให้นากอร์นีรักอเล็กเซย์เหมือนกับลูกคนหนึ่ง

หลังจากการปฏิวัติกุมภาพันธ์ ครอบครัวโรมานอฟตกอับทำให้เดเรเวนโกทิ้งอเล็กเซย์และครอบครัวโรมานอฟไป นากอร์นีรู้สึกโกรธมากกับการกระทำของเดเรเวนโก สำหรับนากอร์นีแล้ว เขาปฏิเสธที่จะทิ้งเจ้านายไปในเวลาอันยากลำบากเช่นนี้ และยังคงอยู่กับครอบครัวโรมานอฟต่อไป ทั้งๆที่เขารู้ว่า การอยู่กับครอบครัวนี้ต่อไปไม่มีอนาคต และเขาอาจจะเป็นอันตรายได้ทุกเมื่อ

นิโคลัสและอเล็กซานดราไว้ใจนากอร์นีมาก ทั้งสองจึงมอบหมายให้นากอร์นีเป็นผู้ดูแลอเล็กเซย์ หรือ ที่เรียกกันว่า Dyadka (แปลว่า “คุณอา”) เจ้าชายน้อยจึงเรียกนากอร์นีว่า “คุณอา” นับตั้งแต่บัดนั้น

ระหว่างที่อยู่ที่ทาบอสค์ อเล็กเซย์นอนห้องเดียวกับนากอร์นีทุกคืน ไม่ต้องสงสัยว่าทั้งสองจะผูกพันกันเพียงใด

ในเดือนเมษายน ค.ศ.1918 ทหารกองใหม่มาประจำที่บ้านอิสรภาพในทาบอสค์ ผู้นำของทหารกองนี้คือ Khokhryakov ผู้เคยมีพื้นเพเป็นกะลาสีเรือเชื้อสายบอลติกมาก่อน เขาทราบว่านากอร์นีเป็นกะลาสีเรือเชื้อสายบอลติกด้วยเช่นกัน เขาจึงขู่นากอร์นีว่า ถ้านากอร์นีไม่ลาออกไป เขาจะจับกุมนากอร์นีข้อหา “ทรยศต่อการปฏิวัติ” หรือ “ทำลายเกียรติยศของกองเรือปฏิวัติ”

นากอร์นีกับอเล็กเซย์

ความกลัวไม่เคยทำให้นากอร์นีหวั่นไหว นากอร์นีปฏิเสธที่จะทำตามคำขู่ของผู้นำบอลเชวิคผู้นี้ ทำให้เขาเป็นที่หมายตาของพวกบอลเชวิคตั้งแต่บัดนั้น

เจ็บแค้นพวกบอลเชวิค

นากอร์นีดูแลอเล็กเซย์จนมีอาการดีขึ้น เขาติดตามเจ้าชายน้อยขึ้นเรือรูสเพื่อไปสมทบกับนิโคลัสและอเล็กซานดราที่เยกาเตรินเบิร์ก ในคืนวันนั้นราดิโอนอฟสั่งล็อคห้องของอเล็กเซย์และนากอร์นีจากด้านนอก นากอร์นีโกรธมาก เขาตวาดด่าพวกบอลเชวิคทันที

หยาบคายอะไรเช่นนี้ แค่เด็กที่กำลังป่วยคนหนึ่งจะไปห้องน้ำ เขายังทำไม่ได้เลย

“ความกล้า” ที่จะต่อกรกับพวกบอลเชวิคทำให้พวกบอลเชวิคบางคนเริ่มรู้สึกว่าเขาเป็นอุปสรรคในการจัดการกับครอบครัวซาร์

เมื่อลงมาถึงเยกาเตรินเบิร์ก นากอร์นีก็ทะเลาะกับพวกบอลเชวิคอีก เมื่อพวกบอลเชวิคห้ามไม่ให้เขาเข้าไปช่วยทาเทียน่าลากกระเป๋า ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่านากอร์นีทะเลาะกับพวกบอลเชวิคอย่างรุนแรงจนเกือบจะวางมวยกัน

นากอร์นีเคยแสดงออกว่าตัวเขาคาดไว้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องตายในไม่ช้า เขาเคยบอก Tegleva นางกำนัลคนหนึ่งว่า

ลองดูที่หน้าสกปรกๆ ของพวกมันสิ แค่ราดิโอนอฟคนเดียวก็ดูมีอะไรในใจอยู่แล้ว เอาเถอะ ให้พวกมันฆ่าฉัน แต่ฉันขอต่อยปากพวกมันสักทีสองทีก่อนหน้านั้น

ตัวเขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปในบ้านอิปาตเยฟได้ แต่เขาต้องลงนามในสัญญาต่อไปนี้ สัญญาดังกล่าวมีว่า

ข้าพเจ้า ผู้ลงนาม พลเมืองผู้มีนามว่า นากอร์นี คลีแมนธีย์ กริกอรีเยวิช จากจังหวัดเคียฟ อำเภอสเวียร์สกี้ ตำบลแอนโทนอฟสกี้ หมู่บ้านปุสตาวารอฟกา ยืนยันว่าฉันปรารถนาที่จะรับใช้อดีตซาร์นิโคลัส โรมานอฟ และสัญญาว่าจะทำตามคำสั่งของคณะกรรมการอูรัลที่มาจากผู้บังคับบัญชาบ้านสำหรับจุดประสงค์พิเศษ และถือว่าตัวข้าพเจ้าอยู่ในสถานะเดียวกับครอบครัวโรมานอฟที่เหลือ

24 พฤษภาคม 1918

การลงนามในสัญญาฉบับนี้ของนากอร์นีไม่ต่างอะไรกับสัญญาสั่งตาย เมื่อเขายอมรับว่าเขาอยู่ในสถานะเดียวกับครอบครัวโรมานอฟ เท่ากับว่าเขาไม่มีสิทธิเสรีภาพใดๆ เหลืออยู่เลย พวกบอลเชวิคจะทำอะไรกับเขาก็ได้ เรียกได้ว่านากอร์นีเสียสละทุกสิ่งให้กับครอบครัวโรมานอฟแล้ว

เมื่อนากอร์นีเข้าไปในบ้าน เขาพบว่าพวกทหารยามวาดภาพและข้อความลามกต่างๆ ที่ล้อเลียนอเล็กซานดราและสี่สาวโรมานอฟเต็มกำแพงบ้านไปหมด นากอร์นีจึงพยายามลบภาพและข้อความเหล่านั้นออกเพื่อไม่ให้ครอบครัวโรมานอฟเห็น

วาระสุดท้าย

หากแต่ว่า เพียงแค่สี่วันหลังจากที่นาร์โกนีเข้าไปในบ้านอิปาตเยฟ นาร์โกนีและเซตเนฟ กะลาสีเรือเพื่อนของเขาก็ถูกจับกุม และนำตัวไปขังคุก

สาเหตุคือนากอร์นีและเซตเนฟพยายามขัดขวางไม่ให้พวกบอลเชวิคขโมยสร้อยคอทองคำของอเล็กเซย์ที่วางอยู่บนหัวเตียงของเด็กชาย

แทนที่พวกขโมยจะถูกจับ แต่นากอร์นีกลับถูกจับแทน เขาและเซดเนฟเดินทางขึ้นรถของพวกบอลเชวิคไปยังคุกอย่างกล้าหาญ

จริงๆแล้ว พวกบอลเชวิคต้องการจะกำจัดนากอร์นีมาตั้งแต่ในเรือรูสแล้ว เพราะว่าเขาอายุยังน้อย แข็งแรง แถมยังกล้าหาญที่จะต่อกรกับพวกบอลเชวิคด้วย ถ้าเขาอยู่ในบ้านอิปาตเยฟต่อไป การจะจัดการกับครอบครัวโรมานอฟย่อมไม่ง่าย พวกบอลเชวิคอาจจะเสียเลือดเสียเนื้อก็ได้

นากอร์นี

นี่จึงเป็นโอกาสให้พวกบอลเชวิคเอานากอร์นีออกไปจากบ้านได้สำเร็จ และทำให้ภายในบ้านไม่เหลือคนหนุ่มที่แข็งแรงเอาไว้ต่อกรกับพวกบอลเชวิคอีกต่อไป

นากอร์นีใช้ชีวิตอยู่ในคุกเป็นเวลาเดือนเศษ เขาก็ถูกนำตัวไปสังหาร ก่อนที่เขาจะตาย เขาไม่ได้แสดงออกว่าเขากลัวตายอย่างใด เมื่อเขาจากไป เขามีอายุได้เพียง 31 ปี และไม่เคยได้แต่งงาน เพราะเขาอุทิศชีวิตทั้งหมดให้กับครอบครัวโรมานอฟ

ร่างของนากอร์นีถูกทิ้งเอาไว้ในป่าโดยไม่ได้มีการฝัง แต่เมื่อกองทัพรัสเซียขาวมาพบร่างของเขาหลังจากยึดเยกาเตรินเบิร์กได้ ร่างของนากอร์นีจึงได้รับการทำพิธีทางศาสนาและฝังอย่างเรียบร้อย หากแต่ว่าหลุมศพและร่างของเขากลับถูกทำลายในสมัยโซเวียต เพราะรัฐบาลโซเวียตได้สร้างสวนสาธารณะขึ้นบนสถานที่ที่เคยเป็นสุสานของเขา

อ่านตั้งแต่ตอนแรก และติดตามตอนต่อไปได้ที่ วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ ติดตามตอนที่ 23 ได้ที่นี่

หนังสืออ้างอิงอยู่ ที่นี่

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!