ประวัติศาสตร์รัสเซียครอบครัวซาร์ชีวิตสาวซนๆของ แกรนด์ดัชเชสมาเรีย แห่งวังโรมานอฟ

ชีวิตสาวซนๆของ แกรนด์ดัชเชสมาเรีย แห่งวังโรมานอฟ

แกรนด์ดัชเชสมาเรีย นิคาลาเยฟนา (Grand Duchess Maria Nikolaevna, Великая Княжна Мария Николаевна) เป็นธิดาองค์ที่ 3 ของ ซาร์นิโคลัสที่ 2 และซาริซาอเล็กซานดรา แห่งราชวงศ์โรมานอฟ

มาเรีย หรือ มารียาในภาษารัสเซีย เป็นเจ้าหญิงที่ซนๆ แก่นๆ แต่เธอก็มีความอ่อนหวานและเข้ากับคนอื่นได้ง่ายมากที่สุดในบรรดาสี่สาว

เธอไม่ได้มีโลกส่วนตัว เหมือนกับ โอลกา พี่สาวคนโต

เธอไม่ได้เป็นบอส และดูสูงศักดิ์ เหมือนกับ ทาเทียน่า พี่สาวคนรอง

เธอไม่ได้เป็นเด็กแสบเหมือนกับ อนาสตาเซีย น้องสาวคนสุดท้อง

เอาง่ายๆ ถ้าเป็นละครไทยหรือซีรีส์เกาหลี มาเรียนี่แหละครับที่จะเป็น Character นางเอกของเรื่อง

มาดูชีวิตของเธอเลยดีกว่า

แกรนด์ดัชเชสมาเรียในปี ค.ศ.1914

แกรนด์ดัชเชสน้อยแสนซน

มาเรียเกิดในปี ค.ศ.1899 ตั้งแต่เธอเกิดมา เธอก็เป็นคนสวยแล้ว มาเรียมีแก้มสีแดงราวกับกุหลาบ ผมสีน้ำตาลอ่อนอันหนานุ่ม ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเธอใหญ่มาก จนสมาชิกครอบครัวพากันเรียกว่า “จานของมาเรีย”

เหล่าข้าราชบริพารบางคนอธิบายถึงดวงตาของเธอว่า

ดวงตาของเธอใหญ่ราวกับเป็นตะเกียง

สำหรับข้าราชบริพารที่ได้เคยพบกับเธอนั้น ทุกคนต่างเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า เธอสวยที่สุดในบรรดาพี่น้องของเธอทุกคน ส่วนคนภายนอกแล้ว เธอสูสีกับทาเทียน่า แล้วแต่ว่าจะชอบสไตล์ไหน

มาเรียเป็นเด็กซนมาตั้งแต่เด็ก ตอนที่เธอเป็นเด็กไม่กี่ขวบ เธอชอบหนีออกมาจากห้องอาบน้ำประจำ และวิ่งเล่นให้พี่เลี้ยงต้องไล่ตามจับอยู่บ่อยๆ

นอกจากนี้เธอยังชอบขโมยขนมปังกรอบจากโต๊ะทำงานของซาริซาอเล็กซานดรามากินเล่นด้วย มาเรียยังเก่งมากเวลาเล่นเกมต่างๆ พี่สาวทั้งสองของเธอไม่เคยเอาชนะเธอได้เลย ในภายหลังทั้งสองจึงกีดกันไม่ให้มาเรียเล่น เพราะว่าเธอจะเป็นผู้ชนะเสมอๆ

แกรนด์ดัชเชสมาเรียในวัยเด็ก

นิโคลัสและอเล็กซานดราเลี้ยงธิดาทั้งหมดอย่างเรียบง่าย ข้าราชบริพารทั้งปวงถูกสั่งว่าห้ามเรียกเธอว่า เจ้าหญิง หรือ คำศัพท์ใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นเจ้า ทุกคนจะเรียกเธอเหมือนกับชาวรัสเซียทั่วไป นั่นก็คือเรียกว่า มาเรีย นิคาลาเยฟนา หรือบางทีจะเรียกเธอในรูปแบบภาษาฝรั่งเศส นั่นก็คือ มารี (Marie)

เช่นเดียวกับสมาชิกในราชวงศ์โรมานอฟทั่วไป มาเรียพูดภาษาหลักๆ ในยุโรปได้อย่างคล่องแคล่ว อาทิเช่น ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย

ด้วยความที่มาเรียอายุใกล้เคียงกับอนาสตาเซีย ซาริซาอเล็กซานดราจึงเรียกเธอว่า “Little Pair” หรือว่า “คู่น้อย” ดังนั้นเธอสนิทกับอนาสตาเซีย น้องสาวคนสุดท้องของเธอมากที่สุด เพราะว่าทั้งสองนอนห้องเดียวกัน ใส่เสื้อผ้าคล้ายๆ กัน

มาเรียย่างเข้าสู่วัยรุ่น

การศึกษาแบบติวเตอร์ และการที่แม่ของเธอปลีกแยกออกจากสังคม ทำให้มาเรียไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก เพื่อนที่ดีที่สุดจึงกลายเป็นพี่สาวและน้องสาวของเธอเอง มาเรียรักบิดามารดาและพี่น้องทุกคนมากยิ่งสิ่งใด

มาเรียเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่มีจิตใจงดงาม เธอมีความอ่อนหวานและมีมารยาทดี เมื่ออนาสตาเซียไปแกล้งใครก็ตาม เธอจะเป็นฝ่ายขอโทษแทนน้องสาวเสมอๆ อย่างไรก็ตาม เธอก็อารมณ์เสียได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเวลาที่เธอมีประจำเดือน

แกรนด์ดัชเชสมาเรียมองบน เมื่อแกรนด์ดัชเชสทาเทียน่ากำลังสอนอะไรสักอย่างให้เธอ

เช่นเดียวกับทาเทียน่า มาเรียไม่ถือตัวเลยแม้แต่น้อย เธอมักจะทักทายเหล่าข้าราชบริพารและคนรับใช้ด้วยการยื่นมือให้จับอยู่เสมอๆ บางครั้งเธอยังแลกกันหอมแก้มกับเหล่านางกำนัลและหญิงชาวบ้านทั่วไปที่เธอคุ้นเคย ถ้าข้าราชบริพารทำของอะไรตกต่อหน้าเธอ เธอจะผู้เก็บสิ่งของเหล่านั้น ทั้งๆที่ไม่ต้องทำก็ได้

มาเรียมีพรสวรรค์ทางด้านการวาดรูป เธอใช้มือซ้ายวาดรูปได้ดี แต่มาเรียกลับขี้เกียจอยู่บ่อยๆ ทำให้เธอไม่ได้รังสรรค์ผลงานสักเท่าใดนัก

อย่างไรก็ตาม มาเรียเคยรู้สึกมีปมในใจว่า เธอเป็นลูกคนกลางของครอบครัว เธอรู้สึกว่าพี่น้องคนอื่นได้รับความรักมากกว่าเธอ แต่ซาริซาอเล็กซานดรายืนยันกับเธอว่า เธอรักลูกทุกคนเท่าเทียมกัน ส่วนสำหรับนิโคลัสแล้ว ข้าราชบริพารทั้งหลายต่างมองว่า มาเรียเป็นลูกสาวคนโปรดของนิโคลัสด้วยซ้ำไป

ความรัก

พวกข้าราชบริพารเล่าว่า มาเรียมีอุปนิสัยก๋ากั่นบ้างเมื่อพบเห็นเพศตรงข้าม อย่างเหตุการณ์ต่อไปนี้

มีอยู่วันหนึ่ง มีกองร้อยทหารรัสเซียสวนสนามผ่านพระราชวังฤดูหนาวที่เธอพำนักอยู่ เธอมองออกไปและพูดขึ้นว่า

โอ้ ฉันรักพวกทหารเหล่านี้เสียจริงๆ ฉันอยากจะจูบพวกเขาทั้งหมดเลย!

เหล่าพี่เลี้ยงจำต้องดุเธอกันยกใหญ่ โดยกล่าวว่า

เด็กหญิงที่น่ารักไม่ควรจะจูบทหารเพคะ

มาเรียเริ่มมีความรักครั้งแรกตอนอายุ 11 ปี ความรัก poppy love ของเธอเกิดขึ้นกับใคร เราก็ไม่ทราบแน่ชัด ซาริซาอเล็กซานดรา แม่ของเธอจึงสอนเธอว่าอย่าให้ความคิดของเธอไปผูกกับเขามากเกินไป

แกรนด์ดัชเชสมาเรีย ในปี ค.ศ.1914

สาเหตุสำคัญคือ อเล็กซานดราไม่ต้องการให้คนอื่นทราบเรื่องนี้ และสร้างข่าวลือทำร้ายลูกของเธออย่างที่เธอกำลังประสบอยู่นั่นเอง

มาเรียเป็นคนรักเด็กมาก เธอใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งเธอจะได้แต่งงานและมีลูกเหมือนกับคนทั่วไปบ้าง เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ความฝันของเธอไม่เป็นจริง

อดีตข้าราชบริพารเคยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ถ้าเธอไม่ใช่ธิดาของซาร์แห่งรัสเซีย มาเรียอาจจะมีความสุขมากกว่านี้ เธอคงจะเป็นภรรยาที่ดีมากของสามี เพราะเธอเป็นคนน่ารักและอบอุ่น และยังชอบทำให้ผู้อื่นมีความสุข

สงครามโลกครั้งที่ 1

มาเรียยังมีอายุน้อยเกินไปที่จะเป็นพยาบาล เธอกับอนาสตาเซียจึงทำหน้าที่แค่ไปเยี่ยมทหารต่างๆที่อยู่ในโรงพยาบาลที่หมู่บ้านซาร์เท่านั้น เธอมักจะไปให้กำลังใจ และเล่นเกมต่างๆ กับพวกทหารอยู่เสมอ มาเรียจึงเป็นขวัญใจของพวกทหารคนหนึ่ง

นอกจากนี้เธอยังมีโอกาสได้ไปเยี่ยมนิโคลัสที่กองบัญชาการใหญ่ด้วย และเมื่อเธอไปถึง เธอก็ตกหลุมรักนายทหารนายหนึ่งทันทีชื่อ นิโคไลย์ ดีเมนคอฟ (Nikolai Demenkov) มาเรียไม่ได้เก็บความรู้สึกนี้ไว้เป็นความลับเลย เธอบอกพ่อของเธอให้ฝากความห่วงใยถึงเขาอยู่เสมอๆ และมักจะแกล้งนิโคลัส พ่อของเธอ ด้วยการเซ็นจดหมายว่า มิสซิส ดีเมนคอฟ (หมายถึงว่าเธอเป็นภรรยาของดีเมนคอฟ)

ในปี ค.ศ.1917 ช่วงที่มีการปฏิวัติรัสเซีย มาเรียเป็นพี่น้องคนเดียวที่ยังไม่ล้มป่วยด้วยโรคหัด ทำให้เธอและซาริซาอเล็กซานดราออกไปขอร้องเหล่าทหารว่า ขอได้อย่าไปเข้ากับคณะปฏิวัติและอยู่ประจำการต่อไปก่อน มาเรียเป็นกำลังใจหนึ่งเดียวของแม่ของเธอในเวลานั้น เพราะว่านิโคลัสไม่ได้อยู่ที่เปโตรกราด (เซนต์ปีเตอร์สเปิร์กในปัจจุบัน) ส่วนพี่น้องคนอื่นก็ล้มเจ็บด้วยโรคหัดไปหมดแล้ว

หากแต่ว่าหลังจากนั้นมาเรียก็ล้มป่วยลงด้วยโรคหัดเช่นเดียวกับพี่สาวและน้องสาวของเธอ เคราะห์ดีที่เธอรอดชีวิตมาได้

เมื่อเธอหายป่วย ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไปแล้วตลอดกาล เธอถูกคุมขังอยู่ในพระราชวังอเล็กซานเดอร์ โดยที่ยังไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ

ชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ

หนังสืออ้างอิงอยู่ ที่นี่

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!