ตำนานกรรณะ วีรบุรุษแห่งมหาภารตะผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ตอนแรก

กรรณะ วีรบุรุษแห่งมหาภารตะผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ตอนแรก

กรรณะในเรื่องมหาภารตะเป็นคนที่เก่งมาก มีคุณธรรมสูง เป็นยอดของการให้ทาน แต่เขากลับต้องจมปลักอยู่กับความพ่ายแพ้ตลอดทั้งชีวิต แม้กระทั่งวาระสุดท้ายก็ตาม

แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งที่น่านำมาเป็นแบบอย่างคือ กรรณะไม่เคยยอมแพ้ เราลองมาดูชีวิตของเขากันดีกว่าครับ

กรรณะ

แนะนำมหาภารตะแบบสั้นๆ

มหากาพย์มหาภารตะเป็นมหากาพย์อันดับหนึ่งของอินเดีย โดยเป็นมหากาพย์ที่ยาวที่สุดในโลก แก่นเรื่องเล่าถึงสงครามครั้งใหญ่ระหว่างฝ่ายเการพ (Kaurava) และฝ่ายปาณฑพ (Pandava) ที่ทุ่งกุรุเกษตร

การต่อสู้ที่ทุ่งกุรุเกษตร

ผู้แต่งเรื่องนี้คือฤาษีวยาส (Vyasa) นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่ามหากาพย์นี้มีที่มาจากสงครามจริงๆ ที่เกิดขึ้นในอินเดียในยุคโบราณ ปัจจุบันประเด็นนี้ก็ยังถูกถกเถียงกันอยู่จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ชาวฮินดูจำนวนมากบูชาตัวละครในเรื่องเป็นเทพเจ้า อาทิเช่น พระกฤษณะเป็นต้น

เท่านี้น่าจะเพียงพอแล้ว เรามาเริ่มที่ชีวิตของกรรณะกันเลยครับ

กำเนิดกรรณะ

กรรณะเป็นบุตรชายคนแรกของนางกุนตี (Kunti) หรืออีกชื่อว่า นางปริถา (Pritha)

ก่อนที่นางกุนตีจะแต่งงาน นางกุนตีได้รับพรจากพระฤาษีให้สามารถเรียกเทพเจ้ามาทำให้นางมีบุตรได้ ด้วยความสงสัยว่ามันจะใช้ได้จริงหรือไม่ นางจึงใช้พรดังกล่าวเรียกสุริยเทพ (Surya) มาหานาง ปรากฏว่าสุริยเทพก็มานางจริงๆ และมีเพศสัมพันธ์กับนาง หลังจากนั้นนางจึงตั้งครรภ์ เกิดเป็นบุตรชายคนหนึ่ง

บุตรชายคนนี้เกิดมาพร้อมชุดเกราะติดกับตัว ร่างของทารกน้อยผู้นี้มีแสงสว่างเรืองรองเหมือนกับสุริยเทพ บิดาของเขา

สุริยเทพ Cr: Nomu420

หากแต่ว่าเมื่อเด็กชายคนนี้เกิดมา นางกุนตียังไม่ได้แต่งงาน การท้องก่อนแต่งในอินเดียโบราณเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างยิ่ง นางกุนตีจึงนำกรรณะไปใส่ตะกร้ากันน้ำและปิดมันอย่างดีด้วยขี้ผึ้ง หลังจากนั้นนางจึงนำตะกร้าดังกล่าวลอยไปตามแม่น้ำที่อยู่ใกล้กับพระราชวัง นางกุนตีร้องไห้เสียใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากมองดูลูกชายคนดังกล่าวลอยตามน้ำไป

ทารกผู้นี้เองคือ กรรณะ เขาถูกแม่นำไปทิ้งตั้งแต่ยังเป็นทารก

พี่น้องปาณฑพ

ในเวลาต่อมานางกุนตีได้แต่งงานกับปาณฑุ (Pandu) กษัตริย์แห่งเมืองหัสตินาปุระ (Hastinapur) แต่แต่งงานกันได้ไม่นาน พระสวามีของนางก็ต้องคำสาปจากพระฤาษี

คำสาปที่ว่าคือปาณฑุไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ ถ้าเขาพยายามจะมีเพศสัมพันธ์เมื่อใด เขาจะตายทันที

เพราะคำสาปนี้ ปาณฑุจึงรู้ว่าตนเองไม่มีทายาทสืบต่อแน่ๆ ดังนั้นเขาเลยสละบัลลังก์ให้ธฤตราษฎร์ (Dhritarashtra) พี่ชายต่างมารดาที่ตาบอดเป็นกษัตริย์แทน ส่วนตนเองก็ออกไปอยู่ป่ากับนางกุนตีกับนางมาตรี (Madri) ภรรยาทั้งสอง

นางกุนตีและปาณฑุต่างอยากมีบุตรมาก นางจึงบอกความลับเรื่องพรเรียกเทพเจ้ากับพระสวามีทั้งหมด ปาณฑุได้ฟังก็อยากจะมีลูก พระองค์จึงทรงเห็นดีด้วยและอนุญาตให้นางกุนตีใช้พรดังกล่าวได้

นางกุนตีและปาณฑุ

นางกุนตีจึงใช้พรเดิมที่เคยเรียกสุริยภาพมาแล้ว เรียกพระยม (Yama) พระพาย (Vayu) พระอินทร์ (Indra) มาหามีเพศสัมพันธ์กับนาง จนสุดท้ายเกิดเป็นโอรสทั้งสาม นามว่ายุทิษฐิระ (Yudhishthira) ภีมะ (Bhima) และอรชุน (Arjuna)

หลังจากที่อรชุนเกิดมาแล้ว นางได้บอกวิธีเรียกเทพเจ้ากับนางมาตรีด้วยเช่นกัน นางมาตรีนำพรไปใช้เกิดเป็นพระโอรสอีกสองพระองค์นามว่า นหุละ (Nahula) และสหเทพ (Sahadeva) ทั้งห้าคนได้รับการขนานนามว่า พี่น้องปาณฑพ ผู้เป็นบุตรแห่งปาณฑุ ซึ่งปาณฑุก็รักพระโอรสทั้งห้าอย่างสุดหัวใจ ถึงแม้จะไม่ใช่ลูกของพระองค์ก็ตาม

ถ้านับตามศักดิ์แล้ว ทั้งห้าคือน้องชายของกรรณะนั่นเอง เป็นเรื่องเศร้าที่ในกาลข้างหน้า กรรณะจะต้องต่อสู้กับพี่น้องของตนเอง

วรรณะระดับล่าง

ส่วนกรรณะกระนั้นหรือ เขาลอยไปตามสายน้ำจนกระทั่งมีคนขับรถคนหนึ่งของเมืองหัสตินาปุระชื่อ อติรถามาพบเข้า อติรถาได้นำไปให้นางรถา ภรรยาของตนช่วยดูแล

ถึงแม้จะมีฐานะยากจน แต่ทั้งสองก็รักกรรณะอย่างมาก เขาตั้งชื่อกรรณะว่า วสุเสนา (Vasusena) หรือ ราธียะ (Radheya) ซึ่งชื่อหลังนั้นแปลว่า บุตรของนางรธา

การที่ครอบครัวนี้เป็นผู้เลี้ยงดูกรรณะแปลว่า กรรณะได้ชั้นวรรณะเป็นวรรณะศูทร วรรณะระดับล่างสุดในสังคมอินเดียโบราณ ทั้งๆ ที่ตนเองเป็นวรรณะกษัตริย์ และมีพ่อเป็นเทพเจ้า

นั่นจึงเป็นความอยุติธรรมอย่างที่สองที่กรรณะได้รับ หลังจากโดนแม่ทิ้งตั้งแต่ยังเป็นทารก

เมื่อกรรณะเติบโตขึ้น เขาก็ไม่ได้รู้ชาติกำเนิดของตนเอง กรรณะก็ถือว่าตนเองเป็นลูกของนางรธา จนกระทั่งเขาเริ่มเป็นหนุ่ม บิดามารดาเลี้ยงของเขาจึงบอกความจริงกับเขาว่า จริงๆ ทั้งสองเก็บเขามาจากแม่น้ำ เมื่อได้รู้ความจริง กรรณะก็เสียใจไม่น้อย เรื่องนี้กลายเป็นปมในใจของเขามาตั้งแต่วันนั้น

พอโตขึ้นกรรณะก็สนใจในศิลปศาสตร์ เขาจึงไปขอศึกษาเล่าเรียนกับโทรณาจารย์ (Drona) แต่กรรณะกลับโดนปฎิเสธอย่างไม่ไยดี เพราะโทรณาจารย์ไม่ยอมสอนใครที่ไม่ใช่วรรณะกษัตริย์ และรังเกียจที่จะสอนกรรณะผู้มาจากวรรณะศูทร

ถึงแม้จะโดนปฎิเสธเพราะชาติกำเนิด กรรณะก็ไม่ยอมแพ้หรือเสียใจ เขาดั้นด้นเดินทางไปต่างแดนเพื่อไปเรียนกับ ปรสุราม (Parashurama) อาจารย์ของโทรณะ

ปรสุรามเองก็ตั้งแง่เหมือนกัน นั่นก็คือเขาจะสอนเฉพาะวรรณะพราหมณ์เท่านั้น กรรณะจึงบอกปรสุรามว่าตนเองมาจากวรรณะพราหมณ์ ปรสุรามจึงยินยอมรับเขาเข้าเรียน

ปรสุราม Cr: Ms Sarah Welch

โดนคำสาปครั้งแรก

กรรณะเป็นคนฉลาดสมกับเป็นบุตรของสุริยเทพ เขาฝึกซ้อมวิชาการต่อสู้ด้วยความขยันขันแข็ง เขารู้ตัวดีว่าจริงๆ แล้วเขาไม่เหมาะที่จะได้เรียน ดังนั้นเมื่อได้เรียน เขาจึงพยายามอย่างเต็มที่

ในเวลาไม่นานเขาก็เป็นศิษย์เอกของปรสุราม อาจารย์ของเขารักกรรณะมาก เพราะเขาเก่งกาจและมีนิสัยดี เชื่อฟังและเคารพอาจารย์อย่างมาก

แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน หลังจากการซ้อมฝึกยิงธนูเสร็จสิ้นลง ปรสุรามรู้สึกเหนื่อยต้องการจะพักผ่อน กรรณะเป็นคนกตัญญู เขาจึงให้อาจารย์นอนลงบนตักของเขา เพราะเขาหวังว่าอาจารย์น่าจะสบายกว่า

หากแต่ว่าเมื่อปรสุรามกำลังหลับอยู่นั้น มีผึ้งที่มีเขี้ยวเหมือนกับเขี้ยวของหมูป่ามาต่อยกรรณะที่สะโพกอย่างจัง กรรณะเจ็บปวดอย่างมาก แต่เขาไม่ต้องการรบกวนอาจารย์ที่กำลังหลับอยู่ เขาจึงอดทนต่อความเจ็บปวดนั้นจนปรสุรามตื่นขึ้น

เมื่อปรสุรามตื่นขึ้น เขาสังเกตว่าที่สะโพกของกรรณะถูกผึ้งต่อยเลือดไหลชุ่มโชก ปรสุรามหวนคิดทันทีว่ากรรณะน่าจะไม่ใช่วรรณะพราหมณ์ เพราะว่าวรรณะพราหมณ์ไม่น่าจะสามารถทนต่อความเจ็บปวดเช่นนี้ได้ กรรณะน่าจะเป็นวรรณะกษัตริย์อย่างแน่นอน วรรณะนี้เป็นวรรณะที่ปรสุรามเกลียดชังที่สุด

ด้วยความโกรธที่กรรณะหลอกลวงตนเอง พรสุรามจึงสาปกรรณะให้ลืมวิธีการเสกศรพรหมาสตร์ (Brahmanda Astra) ไปจนสิ้น กรรณะจึงล้มตัวลงและวิงวอนเสียใจ เขากล่าวว่าเขาไม่ใช่วรรณะกษัตริย์เลย เขาเป็นเพียงวรรณะศูทรที่ต้องการเรียนรู้ศิลปศาสตร์เท่านั้น

เมื่อได้ฟัง ปรสุรามก็สงสาร เขาจึงแก้ไขคำสาปของกรรณะโดยเปลี่ยนเป็นให้ กรรณะหลงลืมความรู้การปลุกเสกศรเมื่อเขาต้องการมันที่สุดเท่านั้น

บางตำนานเล่าว่า ปรสุรามรู้อยู่แล้วว่ากรรณะคือใคร เพราะตนเองเป็นอวตารของพระวิษณุ แต่ก็ต้องสาปกรรณะ มิฉะนั้นจะไม่มีใครสู้กรรณะได้อีกต่อไป

ถึงแม้จะถูกสาป กรรณะก็ยังปฎิบัติหน้าที่เป็นลูกศิษย์ที่ดีตามเดิม ปรสุรามจึงรู้สึกเสียใจมากขึ้นที่ได้สาปกรรณะไป เขาจึงมอบศรภควาต (Bhagavastra) และคันธนูวิชัยยะ (Vijaya) ให้กับกรรณะ พร้อมกับมอบพรว่าจะไม่มีกษัตริย์ผู้ใดในแผ่นดินสามารถเอาชนะกรรณะได้ในการรบ

เหตุการณ์ในวันนั้นผ่านไป โดยมีชายคนหนึ่งกระหยิ่มยิ้มย่องที่ได้ทำตามแผนสำเร็จ

ชายผู้นี้คือ พระอินทร์ นั่นเอง

จริงๆแล้วผึ้งที่ต่อยกรรณะไม่ใช่ผึ้งธรรมดา ผึ้งที่มีเขี้ยวเหมือนหมูป่าคือ พระอินทร์ บิดาของอรชุนจำแลงกายมา เขารู้ว่ากรรณะจะต้องต่อสู้กับอรชุนในอนาคต เขาจึงหาแผนการทำให้ความลับของกรรณะแตก ปรสุรามจะได้สาปกรรณะเสีย กรรณะจะได้อ่อนแอลง และอรชุนจะได้เอาชนะได้

พระอินทร์

โดนสาปครั้งที่สอง

หลังจากกรรณะเรียนจบแล้ว เขาร่ำลาอาจารย์กลับไปบ้านเดิม ระหว่างทางที่กำลังกลับบ้าน กรรณะฝึกซ้อมยิงธนูด้วยการปิดตาและฟังแต่เสียง เมื่อกรรณะได้ยินเสียงสัตว์ตัวหนึ่งเดินมา เขารีบยิงธนูออกไปทันทีเพราะคิดว่าเป็นสิงโต แต่สัตว์ตัวนั้นกลับเป็นวัวของพราหมณ์คนหนึ่ง

กรรณะเดินไปบอกให้เจ้าของวัวตัวนั้นทราบ พราหมณ์คนนั้นโกรธมาก เขาด่าทอกรรณะว่าสังหารสัตว์ของเขาอย่างไร้เหตุผล ถึงแม้ว่ากรรณะจะขอโทษขอโพยแต่ก็ไม่เป็นผล พราหมณ์ผู้นั้นจึงสาปกรรณะอีกคนว่า

ในเวลาที่กรรณะอยู่ในสมรภูมิที่สำคัญที่สุด (บ้างว่าปะทะกับศัตรูที่เก่งกาจที่สุด) กรรณะจะถูกสังหารโดยที่เขาไม่ระวังตัวและไม่สามารถต่อสู้ได้ เหมือนกับวัวตัวนี้

กรรณะไม่ได้โกรธเคืองพราหมณ์ผู้นั้น เขายอมรับคำสาปนั้นแต่โดยดี กรรณะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขา มันคงเป็นกรรมของเขาเอง ซึ่งเขาก็รู้ว่าเขาหลบหนีอะไรไม่ได้

หลังจากที่กรรณะกลับมาที่เมืองหัสตินาปุระ บิดาและมารดาเลี้ยงของเขาก็ดีใจมากที่กรรณะได้วิชาดีกลับมาด้วย

พบกับทุรโยธน์

ต่อมากรรณะได้ทราบว่ามีการแข่งขันประลองยิงธนูในเมือง ซึ่งโทรณะเป็นผู้จัดขึ้น เขาจึงเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันโดยที่ไม่ได้รับเชิญ กรรณะแสดงฝีมือให้บรรดาเจ้าชายและอาจารย์แห่งหัสตินาปุระได้เห็นว่า เขามีฝีมือเทียบเท่าหรือเก่งกว่าอรชุน ลูกศิษย์เอกของโทรณะ ผู้ที่เคยปฏิเสธตนมาแล้วเสียอีก

เพื่อหาผู้ชนะที่แท้จริง กรรณะจึงท้าอรชุนประลองกันตัวต่อตัว แต่ทว่าบรรดาอาจารย์ของอรชุนกลับถามกรรณะก่อนว่า เขาเป็นลูกของใคร และอยู่ในวรรณะอะไร กรรณะตอบว่าเขาเป็นเพียงลูกชายของคนขับรถศึกเท่านั้น และอยู่ในวรรณะศูทร

บรรดาอาจารย์ได้ยินเช่นนั้นจึงปฎิเสธว่า กรรณะไม่มีสิทธิ์ประลองกับอรชุน เพราะชาติกำเนิดของกรรณะต่ำต้อย นอกจากนี้ภีมะ หนึ่งในพี่น้องปาณฑพยังดูถูกเหยียดหยามกรรณะเป็นหมาข้างถนน ทำให้กรรณะได้รับความอับอายอย่างมากต่อหน้าที่ประชุมชน

ทุรโยธน์ สถาปนากรรณะขึ้นเป็นกษัตริย์

ทุรโยธน์ (Duryodhana) คู่ปรับของพี่น้องปาณฑพ ผู้เป็นโอรสองค์โตของทฤตราษฎร์ พี่ชายของปานฑุ รู้สึกทนไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาพากรรณะเดินออกมาแล้วแต่งตั้งกรรณะเป็นกษัตริย์แห่งแคว้นอังกะ (Anga) ทันที

กรรณะรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของทุรโยธน์ เขาจึงกล่าวกับทุรโยธน์ว่า

ท่านต้องการสิ่งใดตอบแทนหรือไม่

ทุรโยธน์ตอบว่า

ข้าต้องการเป็นเพื่อนของท่านเท่านั้น

เหตุการณ์ดังกล่าวจึงเป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพระหว่างกรรณะและทุรโยธน์ และความเป็นคู่ปรับของกรรณะและอรชุน

คำสาปที่สาม

กรรณะเดินทางไปยังแคว้นอังกะเพื่อรับตำแหน่งกษัตริย์ กรรณะเป็นกษัตริย์ที่ดี เขาประกาศว่าไม่ว่าผู้ใดมาพบเขาจะต้องได้รับของติดมือกลับไปเสมอ

ระหว่างที่กรรณะเดินอยู่ในเมือง เขาพบเด็กคนหนึ่งที่โดนแม่เลี้ยงไล่ออกจากบ้าน เพราะทำเนยหกลงพื้นทั้งหมด กรรณะอาสาหาเนยมามอบให้กับเด็กคนนั้น แต่เด็กกลับต้องการเนยที่ผสมดินอยู่ด้วยเท่านั้น กรรณะจึงกำดินขึ้นมากำหนึ่งแล้วใช้มือบดมันเข้ากับเนยอย่างแรง เกิดเป็นเนยผสมดินอย่างที่เด็กคนนั้นต้องการ หลังจากนั้นกรรณะมอบเนยให้เด็กผู้นั้นไป

ก่อนที่กรรณะจะเดินจากไป พระแม่ธรณีกลับปรากฏร่างขึ้นมาจากพื้นดิน นางต่อว่ากรรณะว่า เขาทรมานนางเพียงเพราะจะได้ช่วยเหลือเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น

นางจึงสาปกรรณะว่าในสมรภูมิที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา นางจะดึงล้อรถศึกของกรรณะด้วยแรงเท่ากับที่เขาใช้แรงบดดินในวันนี้

ทั้งหมดจึงเป็นคำสาปทั้งสามของกรรณะ ที่จะส่งผลอย่างยิ่งในชีวิตของเขาต่อไป

ชีวิตของกรรณะจะเป็นไปอย่างไร สามารถติดตามได้ในตอนหน้าครับ

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!