ท่องเที่ยวเที่ยวรัสเซียแบบคนรักประวัติศาสตร์ ตอนที่ 7: โบสถ์หยดเลือด

เที่ยวรัสเซียแบบคนรักประวัติศาสตร์ ตอนที่ 7: โบสถ์หยดเลือด

หลังจากที่ผมเสร็จสิ้นการเข้าชมมหาวิหารเซนต์ไอแซคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามแพลนก็คือจะไปที่ Church of the Savior on Blood (Церковь Спаса на Крови) หรืออีกชื่อหนึ่ง Church of the Resurrection of Jesus Christ โบสถ์นี้คือโบสถ์หยดเลือดนั่นแหละ

นั่งรถสองชั้น

เนื่องจากบัตร St.Petersburg Card ที่ผมแนะนำไปแล้ว ได้รวมค่านั่งรถเมล์สองชั้นเที่ยวชมเมืองอยู่ด้วย (รถสีแดงๆ ในลิงค์มีรูป) ผมเลยตัดสินใจว่าจะใช้มันนั่งไปโบสถ์หยดเลือดเลย เพราะสถานีแรกก็อยู่ข้างๆ วิหารเซนต์ไอแซคนี่เอง

พอขึ้นรถ คนรถก็จะแจกหูฟังให้เรา ซึ่งพอเสียบเข้าไปแล้ว ตัวระบบในรถจะอธิบายสถานที่สำคัญต่างๆ เมื่อรถผ่าน อาทิเช่น ถ้าผ่านพระราชวัง Anichkov มันก็จะบอกว่าสถานที่นี้มีที่มาอย่างไร

วิวหน้าพระราชวัง Anichkov จากในรถ

หรือว่าวิหารเก่าแก่อย่าง Kazan Cathedral เช่นเดียวกัน

วิว Kazan Cathedral จากในรถ

แต่นั่งๆไปสักพักก็เริ่มเบื่อ เพราะจริงๆ ผมเดินผ่านมาหมดแล้วเมื่อวาน แล้วอากาศมันก็ร้อนๆ ด้วย ช่วงสิงหานี่ เซนต์ปีเตอร์สเปิร์กร้อนขนาด 34-35 องศานะครับ แดดแรงจีจี เพราะฉะนั้นรบกวนเก็บเสื้อหนาวไว้ที่ไทยเลยครับ

สรุปก็เลยหลับครับ! หลับบนรถนั่นแหละ

พอหลับไปครึ่งชั่วโมงก็พบว่ารถยังไม่ไปไหนเลย เพราะรถติดมากกก ก็เลยตัดสินใจลง แล้วเดินไปโบสถ์หยดเลือดเลยครับ

จริงๆ รถคันนี้เราจะขึ้นและลงกี่ครั้งก็ได้ในเวลา 24 ชั่วโมงครับ ช่วงฤดูอื่นอาจจะน่านั่งกว่านี้ ช่วงฤดูร้อนนี่มันร้อนมาก อารมณ์นั่งรถชิวๆหายไปหมดเลยครับ

สำหรับท่านที่จะมาที่นี่ ทำได้ด้วยการนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงที่สถานี Gostiny Dvor/Nevsky Prospekt แต่เตือนไว้ก่อนเลยว่า เดินไกล นะครับ

Church of the Savior on Blood

อีกสักพักเราก็เดินมาถึงโบสถ์หยดเลือดครับ ซึ่งตอนที่ผมไป ด้านนอกมันอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ เพราะเค้ากำลังซ่อมแซมอยู่ ผมจึงขอใช้รูปสาธารณะของชาวบ้านละกันนะครับ

Church of the Savior on Blood Cr: Je-str

ตัวโบสถ์หลังนี้มีสตอรี่ครับ โบสถ์หลังนี้สร้างขึ้นบนจุดที่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ทรงถูกลอบปลงพระชนม์เป็นครั้งที่ 6 และเป็นครั้งที่พระองค์สวรรคตด้วย อย่างที่ผมได้เล่าไปแล้วตอนไป Hermitage

สองปีหลังจากที่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 สวรรคต ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 พระโอรสและซาร์พระองค์ใหม่ได้สร้างโบสถ์หลังนี้เพื่ออุทิศให้กับพระบิดาในปี ค.ศ.1883 การก่อสร้างทั้งหมดใช้เงินส่วนพระองค์ของราชวงศ์โรมานอฟ และผู้บริจาคจำนวนหนึ่ง ตัวโบสถ์เสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1907 ในรัชกาลซาร์นิโคลัสที่ 2 นั่นหมายความว่าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 ทรงไม่มีโอกาสเห็นโบสถ์หลังนี้ตอนที่เสร็จสมบูรณ์ครับ

ถ้ามองดูเผินๆ แล้ว จะเห็นว่าตัวโบสถ์มันไม่กลมกลืนกับสิ่งก่อสร้างอื่นๆของเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กเลย เพราะสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ในเซนต์ปีเตอร๋สเปิร์กสร้างมาแบบบารอค (Baroque) และนีโอคลาสสิค (Neoclassical) แต่โบสถ์หลังนี้สร้างขึ้นมาแบบศิลปะรัสเซียแท้ๆ ดังนั้นมันจะคล้ายกับโบสถ์เซนต์เบซิลที่มอสโกมากกว่า

หลังจากการปฏิวัติตุลาคม ตัวโบสถ์ถูกปล้นสะดมโดยพวกบอลเชวิค ทำให้มันได้รับความเสียหายไม่น้อย ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเกิดขึ้นเล็กน้อย รัฐบาลโซเวียตมีแผนว่าจะทำลายโบสถ์นี้ทิ้งเสียเลย แต่สงครามเกิดขึ้นเสียก่อน เลยต้องเอาเวลาและงบไปกับสงครามทั้งหมด โบสถ์นี้เลยรอดมาได้ถึงทุกวันนี้ครับ

ในช่วงสงคราม ตัวโบสถ์ถูกใช้เป็นที่นำศพมาวางไว้ชั่วคราว เพื่อรอการฝังต่อไป (ในเวลานั้นร่างเยอะมากครับ ทำการเผาและฝังไม่ทัน) หลังสงครามมันถูกใช้เป็นคลังเก็บผักเพื่อเอาไว้แจกชาวบ้าน จนกระทั่งหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย ตัวโบสถ์ถึงได้รับการบูรณะอย่างจริงจัง แต่ที่ต่างจากมหาวิหารเซนต์ไอแซคคือ ตัวโบสถ์ไม่ได้มีการทำพิธีให้กลายเป็นโบสถ์โดยสมบูรณ์ตามเดิม สถานะของมันตอนนี้จึงเป็นแค่พิพิธภัณฑ์โมเสก (Mosaic) ครับ

พอแค่นี้ดีกว่าสำหรับประวัติศาสตร์ เราไปดูข้างในกันครับ

ด้านในตัวโบสถ์

ในฐานะคนรักประวัติศาสตร์รัสเซีย สิ่งแรกที่ผมมองหาเลยคือ สิ่งนี้คือ จุดที่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ถูกปลงพระชนม์สวรรคต ซึ่งก็คือจุดนี้ครับ มีการประดับประดาอย่างสวยงาม

จุดที่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 โดนปลงพระชนม์

เดิมทีจุดนี้มันอยู่ติดกับคลองเลยครับ แต่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 อยากจะให้จุดนี้อยู่ในโบสถ์ด้วย จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่บริเวณนั้นอย่างยกใหญ่ ด้วยการถมคลองบริเวณนั้น และสร้างโบสถ์ทับลงไปครับ

แต่ตัวจุดนี้เสียหายหนักมากหลังจากการปฏิวัติ มันเพิ่งได้รับการบูรณะให้กลับมาเหมือนเดิมไม่นานนี้เองครับ

จุดเด่นของโบสถ์นี้คือมีโมเสกจำนวนมาก มากถึง 7,500 ตารางเมตร ซึ่งเป็นจำนวนที่มากเป็นอันดับ 2 ในโลก ถึงแม้ว่าจะเสียหายไปมากพอสมควรก็ตาม โมเสกเหล่านี้แสดงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลครับ

โมเสกในโบสถ์หยดเลือด

โมเสกเยอะจริงๆ

โมเสกในโบสถ์

ตอนที่ผมอ่าน เค้าบอกว่าจะเห็นร่องรอยความเสียหายจากสงครามอยู่ไม่น้อย ผมเห็นแค่รูไม่กี่รูเท่านั้นเอง ถือว่าเค้าก็ซ่อมได้ดีเหมือนกันแหะ

โมเสกภายในโบสถ์

โดยรวมแล้ว ผมชอบตัวโบสถ์นะ สีฟ้ามันตัดกับสีเหลืองๆ ทองๆ ดี แต่ผมชอบเซนต์ไอแซคมากกว่าหน่อยในเรื่องความสวยนะครับ

หลังจากที่ผมชมเสร็จแล้ว ผมได้เดินออกมายังคลองแคทเทอรีน (ปัจจุบันเรียกว่าคลองกริโบเยดอฟ) ซึ่งถ้ามองจากตรงนี้จะเห็นโบสถ์ได้สวยที่สุดแล้ว แต่เพราะมันกำลังซ่อม มันก็เลยไม่ค่อยสวยเท่าไรครับ เลยไม่ได้ถ่ายมา

ริมคลองจะมีร้านขายของเล็กๆ น้อยๆ ครับ ถ้าท่านใดสนใจก็ซื้อกันได้ ส่วนมากจะเป็นของฝากทั่วไปแหละครับ

ข้อควรระวัง!: บริเวณรอบๆโบสถ์และด้านในโบสถ์มีพวกโจรล้วงกระเป๋าเยอะมาก ทางโบสถ์เองก็นำป้ายใหญ่ๆมาติดให้ระวังแล้ว เพราะฉะนั้นเวลาที่เข้าชม อย่าลืมตัวนะครับ ระวังทรัพย์สินของท่านให้จงดี! เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

โบสถ์นี้เปิดเวลา: 10.30-18.00 น ทุกวันยกเว้นวันพุธที่ปิด ในช่วงฤดูร้อนปิดช้ากว่าปกติ นั่นคือจะปิดตอน 22.30 น ครับ

ค่าเข้าชมคือ 250 รูเบิล แต่ผมมีบัตรอยู่แล้ว เลยไม่เสียอะไรอีกแล้วครับ

ตอนต่อไป ผมจะไปที่ไหนต่อดีเนี่ย รอติดตามได้ครับ

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!