ประวัติศาสตร์ชาวรัสเซียเริ่มต้นนับถือศาสนาคริสต์ได้อย่างไร?

ชาวรัสเซียเริ่มต้นนับถือศาสนาคริสต์ได้อย่างไร?

รัสเซียเป็นประเทศที่มีประชากรหลายชาติหลายศาสนา ถึงแม้ในสมัยโซเวียตจะมีการปราบปรามศาสนาต่างๆ อย่างหนักหน่วง แต่ศาสนาทั้งหลายก็ยังอยู่รอดมาได้

ปัจจุบันคนรัสเซียส่วนใหญ่ (ประมาณ 60%-70%) นับถือศาสนาคริสต์นิกายรัสเซียนออโธดอกซ์ อันเป็นแขนงหนึ่งของศาสนาคริสต์ฝั่งตะวันออก (Eastern Christianity)

การเข้ามาของศาสนาคริสต์ในดินแดนรุสมีสตอรี่ที่น่าสนใจ ดังที่ผมจะเล่าต่อไปนี้

Baptism of Russia ผลงานของ Vasnetsov

คิเยฟสกายา รุส

ชาวรัสเซียเป็นหนึ่งในชาวสลาฟสายตะวันออก ชาวรัสเซีย ชาวยูเครน และชาวเบลารุสต่างสืบเชื้อสายย้อนไปถึงชาว “รุส” แห่งอาณาจักร Kievan Rus หรือ คิเยฟสกายา รุส (Киевская Русь) ในยุคกลาง

คิเยฟสกายา รุสนี้รุ่งเรืองมานานเกือบสี่ร้อยปี จนกระทั่งถูกทำลายโดยกองทัพมองโกลในปี ค.ศ.1240

ชาว “รุส” เหล่านี้นับถือศาสนาดั้งเดิมของชาวสลาฟ ส่วนมากก็มีเทพเจ้าต่างๆ ไม่ต่างอะไรกับเทพเจ้ากรีก-โรมันสักเท่าใด

ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงในรัชสมัยของคเนียสวลาดิเมียร์ สวีตาสลาวิช (Владимир Святославич, Grand Prince Vladimir Svyatoslavich) หรือ วลาดิเมียร์มหาราช

(คเนียสนี้เป็นชื่อตำแหน่งเทียบเท่ากับเจ้าชาย)

วลาดิเมียร์มหาราช

วลาดิเมียร์เลือกศาสนา

ศาสนาคริสต์เริ่มเผยแพร่เข้ามาในดินแดนต่างๆ รายรอบอาณาจักรรุสเรื่อยๆ ชาวรุสที่อาศัยอยู่ก็เริ่มนับถือศาสนาคริสต์ไปด้วยตามลำดับ

แต่ศาสนาคริสต์ไม่ใช่ศาสนาเดียวที่เผยแพร่เข้ามาในดินแดนรุส ศาสนาอิสลามด้วยเช่นกัน

ว่ากันว่ามีทูตจากชาวบัลกาที่อาศัยอยู่แถวแม่น้ำโวลกาได้เดินทางมายังเคียฟ เมืองหลวงของอาณาจักรรุส ตัวทูตได้พยายามทูลให้วลาดิเมียร์เปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลาม

วลาดิเมียร์ยังไม่ได้ยอมรับและปฏิเสธ เขาส่งทูตไปตรวจสอบดูเสียก่อนว่าชาวมุสลิมมีขนบธรรมเนียมและแนวทางการปฏิบัติอย่างไร

ทูตรายงานว่าชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ที่แม่น้ำโวลกามีแต่ความเศร้า เพราะพวกเขาไม่ดื่มเหล้าและกินหมู

วลาดิเมียร์ได้ฟังเช่นนั้น จึงตรัสว่า

การดื่มเหล้าเป็นความสุขของปวงชนชาวรุส พวกเขาคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีความสุขนั้น

หลังจากนั้นวลาดิเมียร์จึงตัดศาสนาอิสลามออกไป 

ไม่นานทูตจากดินแดนเยอรมันก็เดินทางมาหาวลาดิเมียร์ และขอให้เขาเปลี่ยนศาสนาเป็นศาสนาคริสต์แบบยุโรปตะวันตก (คาทอลิกในเวลาต่อมา) วลาดิเมียร์จึงส่งคนไปศึกษาดูเช่นเดิม

คนของวลาดิเมียร์กลับมารายงานว่าโบสถ์ของศาสนาคริสต์แบบตะวันตกในดินแดนเยอรมันทั้งหลายไม่สวยเลย และวลาดิเมียร์เองก็ไม่ชื่นชอบในธรรมเนียมการอดอาหารบางอย่างในคริสตจักรฝั่งตะวันตก

ท้ายที่สุดแล้ววลาดิเมียร์จึงตัดศาสนาคริสต์แบบยุโรปตะวันตกต่อไปอีก

ต่อมาทูตชาวคาซาร์ (Khazar) ดินแดนในตอนใต้ของรัสเซียที่มีพลเมืองนับถือศาสนายิวจำนวนมากได้มาถึง เขาก็เหมือนกับอีกสองคนก่อนหน้านี้ เขาทูลให้วลาดิเมียร์ยอมรับนับถือศาสนายิว

อนึ่งวลาดิเมียร์คุ้นเคยกับชาวคาซาร์ดี เพราะบิดาของเขาเคยเอาชนะชาวคาซาร์มาก่อน

ระหว่างการพูดคุยกัน วลาดิเมียร์ตรัสว่า

ดินแดนของพวกท่านอยู่ที่ใด

ทูตชาวยิวถึงกับหน้าเสีย เขายอมรับกับวลาดิเมียร์ว่าพวกเขาไม่มีดินแดนเป็นของตนเอง

การสูญเสียเยรูซาเลมเป็นหลักฐานที่ว่าพระเจ้าได้ทอดทิ้งพวกท่านแล้ว

วลาดิเมียร์จึงตัดศาสนายิวออกจากสารบบไปอีกหนึ่ง

รับศาสนาคริสต์

ต่อมาทูตจากจักรวรรดิไบแซนไทน์ได้มาหาวลาดิเมียร์ และทูลให้วลาดิเมียร์เปลี่ยนมานับถือศาสนาของตน หลักฐานรัสเซียต่างบรรยายว่าทูตไบแซนไทน์ที่มาราชสำนักเคียฟปราดเปรื่องมาก

วลาดิเมียร์รู้สึกพึงพอใจไม่น้อย แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจทันที เขาสั่งให้ศึกษาต่อไป วลาดิเมียร์ได้ส่งทูตไปยังคอนแสตนติโนเปิลเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม

เมื่อทูตกลับมา เขาได้ทูลให้วลาดิเมียร์ทราบว่า คริสตจักรตะวันออกที่กรุงคอนแสตนติโนเปิลได้แสดงความงดงามของโบสถ์ฮาเกีย โซเฟียให้เขาดู เขาถึงกับตกตะลึงว่าเขาอยู่บนโลกหรืออยู่บนสรวงสวรรค์กันแน่

ด้วยเหตุนี้วลาดิเมียร์จึงประทับใจในคริสตจักรตะวันออกมากที่สุด

นอกจากนี้ในปี ค.ศ.988 วลาดิเมียร์ได้ส่งทูตไปขออภิเษกสมรสกับพระขนิษฐาของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรโรมันตะวันออกหลังจากที่ยึดเมืองในไครเมียได้ วลาดิเมียร์เกรงว่าจะถูกปฏิเสธเพราะว่าตัวเขายังไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์อย่างเป็นทางการ

วลาดิเมียร์จึงเข้ารับศีลล้างบาป และทำพิธีเปลี่ยนศาสนาอย่างเป็นทางการ จักรพรรดิเบซิลที่ 2 แห่งไบแซนไทน์จึงทรงยินยอมมอบพระขนิษฐาให้อภิเษกสมรสแต่โดยดี 

วลาดิเมียร์มหาราชรับศีลล้างบาป

หลังจากนั้นวลาดิเมียร์ได้กลับไปที่เคียฟ เมืองหลวงของพระองค์และมีรับสั่งให้ประชาชนทุกคนในเมืองเดินทางไปที่แม่น้ำเพื่อทำพิธีเปลี่ยนศาสนาเป็นศาสนาคริสต์แบบตะวันออก พร้อมกับทำลายรูปปั้นเก่าแก่ของศาสนาเดิมจนหมดสิ้น

ชาวรุสจำนวนมากจึงเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์แบบตะวันออกตั้งแต่บัดนั้น จำนวนผู้นับถือศาสนาคริสต์แบบตะวันออกเพิ่มขึ้นมากในเวลาหลายร้อยปีในดินแดนรุสหลังจากสมัยของวลาดิเมียร์ และได้แพร่ไปยังอาณาจักรอื่นๆด้วย เช่นอาณาจักรนอฟโกรอดเป็นต้น (Novgorod)

ต่อมาถึงแม้อาณาจักรรุสจะล่มสลาย แต่ชาวรุสไม่ได้ทิ้งศาสนาคริสต์ พวกเขาได้โยกย้ายไปตั้งอาณาจักรแห่งใหม่ และนำศาสนาไปด้วย ศาสนาคริสต์แบบตะวันออกจึงอยู่ในดินแดนรัสเซียในเวลาต่อมาอย่างในสมัยแกรนด์ดัชชีแห่งมอสโก และราชวงศ์โรมานอฟ และได้กลายเป็นศาสนาหลักของชาวรัสเซียมาจนถึงปัจจุบัน 

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!