ธุรกิจความสำเร็จของ Amazon.com

ความสำเร็จของ Amazon.com

ช่วงนี้หลายท่านอาจจะได้ยินข่าวมาบ้างเรื่องการที่ผู้คนในมหานครนิวยอร์กประท้วงการเข้ามาเปิดสำนักงานใหญ่ของบริษัท Amazon เพราะเกรงว่าการเข้ามาของบริษัทดังกล่าวจะทำให้ราคาบ้านและที่ดินสูงขึ้น รวมไปถึงจะทำให้เกิดปัญหาความแออัดในเมือง

Amazon เป็นบริษัทซื้อของออนไลน์ของ Jeff Bezos ปัจจุบันเขาเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เขามีทรัพย์สินประมาณ 130 พันล้านดอลลาร์ และยังมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ

ธุรกิจของ Amazon

Amazon.com ผมคงไม่ต้องบอกว่าบริษัทนี้ทำอะไร เพราะคงเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่ทุกท่านทราบหรือไม่ว่า Amazon นั้นเป็นบริษัทน้อยบริษัทที่ให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนในระดับที่สุดยอดตลอดกาลของ Wall Street

Jeff Bezos สร้าง Amazon เป็นบริษัทขายหนังสือผ่านทาง Online หรือเว็บไซต์ amazon.com ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง ซึ่งในช่วงแรกก็อย่างที่เราทราบกันดีว่า Start Up ย่อมไม่มีกำไร แต่เพราะความสะดวกของบริการอย่างที่เรารู้ๆกัน (ราคาถูกกว่าท้องตลาด มาส่งถึงบ้าน ส่งคืนง่าย) ทำให้ยอดขายก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว

Jeff Bezos (DoD photo by Senior Master Sgt. Adrian Cadiz)(Released), Cr: Wikimedia Commons

อีก 4 ปีต่อมาในปีค.ศ. 1998 Amazon ได้ขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์โดยในขณะนั้นมีมูลค่าตลาดเพียง 54 ล้านเหรียญเท่านั้น ในปีเดียวกัน Amazon ประกาศว่าบริษัทจะขยายกิจการออกไปขายส่วนอื่นๆ นอกจากหนังสือ เพราะความสะดวกสบายจึงทำให้ลูกค้าส่วนอื่นนอกจากหนังสือเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ยอดขายเองก็เติบโตตามกันไปติดๆ ถึงกระนั้นในช่วงนี้ Amazon แทบจะไม่มีกำไร เพราะต้องใช้เงินไปกับการวางระบบ การโฆษณา และอื่นๆ อีกมากมาย

เมื่อบริษัทใหญ่ขึ้นมีลูกค้ามากขึ้น Amazon ก็มีศักยภาพในการต่อรองเพิ่มขึ้นตามลำดับ ทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนได้จำนวนมาก ส่งผลให้มีกำไรสุทธิและกระแสเงินสดในที่สุด

Jeff Bezos ผู้ชาญฉลาดก็นำเงินจำนวนนี้ไปทำให้มันงอกต่อไป ด้วยการเข้าซื้อกิจการต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงพัฒนาคุณภาพการบริการ เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพของ amazon.com เมื่อเวลาผ่านไปการบริการในรูปแบบพรีเมียมอย่าง Amazon Prime เป็นต้นก็ได้ออกมาให้ลูกค้าได้ใช้

Amazon Prime คืออะไร? Amazon Prime คือสมาชิกรายปีระดับพรีเมียมของ Amazon ถ้าจ่ายค่าสมาชิกรายปีแล้ว เมื่อสมาชิกสั่งของจะไม่มีการคิดค่าส่งอีกต่อไป และการส่งจะเป็นการส่งแบบรวดเร็วใน 1-2 วัน แถมยังมีสิทธิพิเศษอื่นๆ อีก ในช่วงที่ผมอยู่ที่อเมริกา ผมก็ได้สมัครทุกปี เพราะว่ามันคุ้ม เราซื้อหนังสือและของอื่นๆ จาก Amazon เยอะอยู่แล้ว แถมยังส่งเร็วอีก ทำให้ผมประหยัดค่าส่งไปได้โขอยู่

ลองดู Amazon Prime ได้ที่นี่

ในช่วงปี 2005-2010 Jeff Bezos ได้เห็นโอกาสทางธุรกิจใน Cloud Computing เขาจึงลงทุนจำนวนมหาศาลในการพัฒนาธุรกิจส่วนนี้ รวมไปถึงการพัฒนาอุปกรณ์อย่าง Amazon Kindle, Kindle Fire เพื่อเปิดโลกใหม่ของการอ่านหนังสือ

สาเหตุที่ผมใช้คำว่ามหาศาลนั้น เพราะว่า Amazon ถึงกับขาดทุนอยู่หลายปีเลยทีเดียว เพราะค่าใช้จ่ายทางด้านวิจัยในสิ่งเหล่านี้สูงมาก

แต่แล้วการลงทุนมหาศาลนั้นก็เริ่มส่งผลดีให้ Amazon ในที่สุด เนื่องจาก Amazon เริ่มลงทุนใน Cloud เป็นเจ้าแรกๆ ทำให้ Amazon ได้ส่วนแบ่งตลาดจำนวนมากในตลาดที่เฟื่องฟูนี้ และธุรกิจดังกล่าวก็ทำกำไรให้กับ Amazon เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มาถึงปัจจุบัน

Amazon เป็นเหมือน Netflix คือเป็นบริษัทที่ไม่อยู่นิ่ง Jeff Bezos ไม่ใช่คนที่งกค่าวิจัย (แต่บ้างว่าเพราะไม่อยากจ่ายภาษี) เขายอมเสียเงินจำนวนมากเพื่อค้นคว้าสิ่งที่มีศักยภาพหรือแม้กระทั่งซื้อเทคโนโลยีมาจากบริษัทอื่นๆ เพื่อประโยชน์ของบริษัทในอนาคต นั่นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ Amazon ต่างจากบริษัท Tech ยักษ์ใหญ่ขนาดเดียวกันอื่นๆ (Apple, Microsoft) ที่ยังมีการเติบโต อยู่ในระดับสูงมาจนถึงทุกวันนี้

คนอย่าง Jeff Bezos ยังไม่หยุดยั้งแต่เพียงเท่านี้ เขาพยายามนำบริษัทของเขารุดหน้าต่อไปในยุคของ AI และหุ่นยนต์ รวมถึงแผนการการเปิด Amazon Go และสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย ปัจจุบัน Amazon ก็เป็นผู้นำในด้านหุ่นยนต์ด้วยเช่นกัน โรงงานของ Amazon ขับเคลื่อนด้วยหุ่นยนต์กว่า 100,000 ตัว

อนึ่งถึงแม้ว่า Amazon จะครอบงำวงการการค้าของโลกตะวันตก แต่ Amazon ก็เปิดโอกาสให้ร้านค้ารายย่อยจำนวนมากได้มีโอกาสแข่งขันกับรายใหญ่ได้ อย่างเช่นผมสามารถเข้าไปเปิดร้านใน Amazon เพื่อขายสินค้าได้เช่นกัน เจ้าของร้านค้าออนไลน์หลายร้านก็ได้กลายเป็นเศรษฐีไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ถึงกระนั้น Amazon ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือประท้วงบ่อยครั้งเพราะว่าจ่ายค่าแรงงานต่อชั่วโมงต่ำ แรงงานคนหนึ่งเคยประกาศว่า

เราไม่ใช่หุ่นยนต์นะเฟ้ย


ถึงกระนั้นเราปฏิเสธไม่ได้ว่า Amazon เป็นอันดับต้นๆ ในวงการการค้าโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังจะมีอิทธิพลมากขึ้นตามลำดับ วงการค้าปลีกแบบเก่าถ้าไม่ปรับตัวถ้าปิดกิจการไปอย่างแน่นอนอย่างที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายเจ้าในสหรัฐอเมริกา

โฆษณา:

หนึ่งใน Product ที่ผมชอบมากๆ คือ การอ่านหนังสือแบบ Kindle ได้ไม่จำกัด โดยเฉพาะถ้าชอบอ่านหนังสือภาษาอังกฤษหลายรูปแบบอยู่แล้ว ท่านใดอยู่ที่อเมริกาแล้วสนใจก็สามารถลองสมัครดูก่อนได้แบบไม่เสียเงินตามลิงค์ด้านล่างนี้

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!